นวัตกรรม ความคิดใหม่ๆ สิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ไม่ซ้ำแบบใคร เป็นตัวบ่งชี้
แต่ทักษะในการสร้างความคิดสร้
การเรียนพิเศษเป็นการเรียนเพื่
แน่นอนเค้าอาจจะเติบโตขึ้
การเรียนหนังสือเพื่อสอบ สอบแข่งขัน สอบวัดผล ต่างๆนานา มีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆในสั
สำหรับพ่อแม่ที่มีฐานะหน่อย ก็อยากจะให้ลูกเข้าโรงเรียนดีๆ จึงเกิดความต้องการในการส่งลู
และเมื่อมี demand ก็ย่อมที่จะมี supply ค่ะ ครูเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งของการศึ
ดิฉันขอให้คำนิยามว่า ครูเก่ง คือ ครูที่มีเทคนิ
แต่สถานการณ์ปัจจุบันมันไม่ใช่
และในเวลาสอนทำไมคุณครูไม่สอนให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ ก็เพราะโรงเรียนถูกประเมินผลด้วยผลการเรียนของนักเรียนหรื
ซึ่งจริงๆ แล้วการสอนลักษณะนี้จะสนุกทำให้เด็กรักการเรียนรู้ตั้งแต่ยังเล็กค่ะ และทำได้ไม่ยาก ก็คือ สอนให้เด็กรู้จักตั้งคำถามมากๆ และ ไกด์นำวิธีให้เขารู้จักหาคำตอบด้วยตัวเขาเองค่ะ สอนให้เขารู้จักนำความรู้
ส่วนตัวผู้เรียนเอง ตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว แม้กระทั่งในอนุบาลก็ยังมีการต้องเรียนพิเศษทางด้านวิชาการ เด็กถูกยัดเยียดความรู้เกิ
นักเรียนที่เรียนเก่งก็อาจจะเก่งได้ด้วยการเรียนพิ
ยิ่งหากไปเจอฐานะทางครอบครัวที่ย่ำแย่ พ่อแม่ไม่มีเงินให้เรียนพิ
ส่วนเด็กที่เรียนหนังสือไม่เก่งและไม่ได้เรียนพิเศษ อีกทั้งไม่ได้มีความรักในการเรียนรู้
เขาเหล่านี้คือเยาวชนกลุ่มใหญ่ของประเทศเราหรื
สุดท้ายดิฉันยอมรับว่า ดิฉันเขียนบันทึกนี้ขึ้นมาย่อมจะเกิดการผิดใจกับเพื่อนๆ ผู้ปกครองอยู่หลายต่อหลายคน ก็ต้องขออภัยด้วยค่ะ คิดต่างไม่จำเป็นต้องเกลียดกันนะคะ
ถ้าเราไม่เริ่มตีแผ่สถานการณ์อันเลวร้ายด้านการศึกษาของไทย ทุกคนก็จะตกเป็นเหยื่อของการสอบแข่งขันทั้งหลาย ผลร้ายที่สุดก็ตกอยู่กับลูกๆ ของเรา ที่จะทำให้เขาเป็นเด็กที่คิดไม่เป็น เป็นเด็กที่ไม่มีความสุข เป็นเด็กที่ไม่มีโอกาสได้เล่นอย่างที่เขาควรได้ทำ และเป็นเด็กที่โดนปิดหู ปิดตา ปิดปาก เหมือนเป็นหุ่นยนต์ตั้งแต่ยังเล็กค่ะ
บ่น .. ยาววว เลยนะคะ (ฮา)
ผมไม่เคยเรียนพิเศษอ่ะ อ.จัน
ที่บ้านฐานะไม่เพียงพอที่จะได้เรียน
เหมือนเพื่อน ๆ ในห้องเดียวกัน
ค่านิยมแบบนี้เป็นความเชื่อของใครสักคน
ที่เชื่อว่า มันดี มันสำเร็จ แต่ในระยะยาว
ไม่แน่ใจว่าจะเป็นผลดีจริง ๆ
บ่น ยาว เลยยย.... เฮ้อ โล่ง
สมัยก่อนเด็กที่ต้องเรียนพิเศษกับคุณครู คือเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนนะคะ ไม่เหมือนกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันค่ะ
ใช่เลยครับ รู้สึกคล้ายๆกับว่าโรงเรียนของรัฐเป็นเพียง สถานที่รับรองการเรียนจบตามหลักสูตรของรัฐ แล้วนักเรียนหรือผู้ปกครองต้องไปลงทะเบียนเรียนกับสถาบันติวเตอร์ไปพร้อมๆกัน เพื่อเอามาสอบแข่งขัน รูปภาพของนักเรียนที่เรียนเก่งก็จะถูกทำแผ่นป้ายปิดไว้ทั้งที่หน้าโรงเรียน และสถาบันติว 555 ตกลงเด็กเก่งเพราะใคร
พ่อแม่สำคัญที่สุดค่ะ ควรจะฟังความคิดของลูก และหากมีลูกที่ตามกระแสจริงๆก็ต้องคุยปรับความเข้าใจ ปรับความคิดกัน พบกันครึ่งทางก็ได้ พี่โอ๋พบพ่อแม่หลายท่านหลากหลายแบบนะคะ ได้แต่ยืนยันกับคนที่ยังไม่หลงเข้าไปในวังวนนี้ว่า ปล่อยให้ลูกเรียนรู้แบบมีความสุขดีกว่าไปตามระบบจนเกินไป เด็กๆเขาฉลาดพอที่จะเลือกถ้าพ่อแม่สนับสนุนให้ถูกทาง แนะแนวให้เขาเห็นว่าสิ่งที่สำคัญจริงๆคืออะไร เขาจะปรับตัวได้เองนะคะ ไม่ต้องเก่งมาก แต่ผ่านไปในระบบได้ และได้ทำสิ่งที่อยากทำ จะได้ไม่ต้องแปลกแยกมากนักและไม่สับสน ชีวิตมีอะไรมากกว่าแค่การสอบผ่านและเลื่อนชั้นไปให้จบๆในระบบนะคะ
หากจะหา trigger point ที่ทำให้ระบบการศึกษาแบบเรียนพิเศษ เรียนเพื่อทำข้อสอบ สอบแข่งขัน
ผมเห็น การประเมิน สุดท้าย คือ "ขั้นตอนออกข้อสอบ เข้ามหาวิทยาลัย "เป็นจุดก่อกำเนิดคลื่น trigger ถูกคลื่นซัด ไล่มาจนถึงมัธยม ..ประถม..จนถึงแข่งขัน ติว ระดับอนุบาล ไปแล้ว...เราออข้อสอบประเมินเกินชั้นปี ..ขาดการประเมินแล้วแก้ไขปรับปรุงตามระบบแบบPDCA cycle...,เราเลือกวิชาสอบเฉพาะ highlights มาตีค่า..ที่ให้ค่าว่า ใครทำได้คือคนเก่ง....
***เราลืมวัดที่ความดี...เช่นการ เป็นหน้าที่พลเมืองดี รู้สร้างสรรค์สิ่งดีงามในสังคม
***เราลืมวัดที่มีความสุข...เช่น ความสงบสุขในใจ ความพอเพียง อโลภะ
*เราวัดแต่ความเก่ง(ของคนกลุ่มหนึ่ง) ...แล้วเราก็คัด คนที่เหลือออก..ไม่เชิดชูคุณค่า ตัดสินเขา...ตามมาตรวัด(ที่ชอบอ้างว่าได้มาตรฐาน) ทุกวันนี้....Final Outcome based ไม่มีความสุข ต้องเฟ้นหาคนดี คนเก่งมีแค่หยิบมือ
..................สุดท้าย เราจะเหลืออะไร???............