​จิตตปัญญาเวชศึกษา ๒๖๑: มิติทางจิตวิญญาณ กับ องค์กรชีวิต (Living organization)


เรามักจะถูกสอนกันว่า "ชีวิตนั้นเป็นองค์รวม สุขภาพหรือสุขภาวะนั้นเป็นองค์รวม (holistic)" แล้วก็จะแจกแจงต่อไปว่าองค์รวมนั้นคือมีเรื่องทางกาย ใจ สังคม และจิตวิญญาณ กายก็คือกายภาพ ใจก็คืออารมณ์ความรู้สึก สังคมก็ครอบครัวอาขีพการงานเพื่อนฝูง พอมาถึงจิตวิญญาณก็มักจะไปลงเอยที่ศาสนาบ้าง ปรัชญาบ้าง ปัญญาบ้าง

จะเห็นว่าสามประการแรกค่อนข้างจะชัด แต่ประการหลังที่ยังถกเถียงกัน

ในมุมมองในฐานะผู้มีอาชีพ "ดูแล (care)" นิยามหรือคำจำกัดความต้องเกี่ยวกับการกระทำ คือถ้าแบ่งไปแล้ว เรียกไปแล้ว ก็งั้นๆ ไม่ได้ทำอะไรแตกต่าง ก็ไม่รู้จะแบ่งไปทำไม ดังนั้น medical categorization หรือการจัดหมวด จัดแบ่งอะไรทางการแพทย์มักจะ "พ่วง" action ไปด้วยเสมอ ว่าพอเราเรียกอย่างนี้เราจะทำอย่างนึง เรียกอีกอย่างจะทำอีกอย่างนึง ด้วยเหตุผลนี้ การให้ความหมายมิติ "จิตวิญญาณ" ตามข้างต้นทำให้เกิดปัญหาหลายๆประการตามมาในการดูแล
@ จิตวิญญาณทาง "ศาสนา" ก็จะมีหลากหลาย แต่จะไม่รวมไปถึง "คนที่ไม่มีศาสนา" หรือเกิดความเห็นแตกต่างไปตามศาสนา
@ จิตวิญญาณตามหลักปรัชญา หรือการมี "ปัญญา" ก็จะงงๆว่าแล้วเด็กทารก เด็กไร้เดียงสา คนเฒ่าชราที่สมองเริ่มล้า เริ่มเสื่อมโทรม คนปัญญาอ่อน คนหลงๆลืมๆคือไม่มีสุขภาวะทางจิตวิญญาณหรือไม่?

อาจารย์ที่เคารพรักที่สุดของผมท่านหนึ่งคือ รองศาสตราจารย์สิวลี ศิริไล (ภาคีราชบัณฑิต สาขาอัคฆวิทยา axiology) ท่านเมตตาสอนให้ความหมายไว่้อย่างอ่อนโยน ไพเราะ ว่า มิติจิตวิญญาณก็คือเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน ที่มนุษย์ได้นำมาใช้ว่าเรามีชีวิตอยู่เพื่อ กระทำเพื่อ ธำรงไว้เพื่อ (wording คงจะไม่เป๊ะ แต่อรรถรสประมาณนี้) ซึ่งเป็นความหมายที่ลึกซึ้ง ชวนคิด ชวนภาวนาต่อ และผมได้นำนิยามประมาณนี้มาใช้ในการทำงานดูแลผู้ป่วยระยะท้ายของผมเองมาโดยตลอด

ล่าสุดไปทำ workshop กับพี่วิธาน ฐานะวุฑฒ์ (Withan Thanawuth) ก็กล่าวถึง concept ในเรื่องนี้ว่ามิติของจิตวิญญาณนั้นน่าจะมี "องค์ประกอบ" สามประการ นั่นคือ
๑) ทำแล้วเติบโต หรือมีการเติบโตของคนๆนั้น
๒) เป็นการกระทำที่ "มีความหมาย"
๓) ทำแล้วเกิดปิติสุข

ซึ่งก็ชอบมาก ทิ้งไว้ให้ตีความต่อ ไม่แข็งเกินไปหรือจำกัดเกินไป

หลายๆปีก่อนมีคำๆหนึ่งที่ฮิต คือ Living organization หรือองค์กรที่มีชีวิต สะกิดใจคำๆนี้ เพราะมีนัยยะองค์รวมที่ลึกซึ้งดี ร่างกายของเรานั้นมีความเป็นองค์รวมแสดงให้เห็นชัดเจน อวัยวะต่างๆดูเหมือนจะอิสระ มีภูมิปัญญาส่วนตัว แขน ขา ของเราทำงานได้สวยงาม ทรงพลัง และ "ฉลาดเฉลียว" โดยที่เราเองก็ไม่ได้ต้องไปควบคุม ๑๐๐ เปอร์เซนต์ แต่จากการฝึกฝนและอยู่กับมันมานาน มีปัญญาฝังอยู่ตามองคาพยพและอวัยวะของเรามากมาย รวมทั้งอวัยวะภายในด้วย แต่กระนั้นทั้งหมดก็ยังคงสื่อสารถึงกันและกัน รับทุกข์ รับสุข ของกันและกัน ช่วยกันทำงานและปฏิบัติหน้าที่เพื่อ "ชีวิต" เดียวกัน หากองค์กรเป็นแบบนี้ก็น่าจะดี และน่าจะมีพลังมากมายมหาศาล

แต่บางทีพอจะมาวัด หรือประเมิน Living organization เราก็กลับไปวัดอะไรที่เป็นเพียงแค่ "พื้นฐาน" ของ living organism เท่านั้น คือไปวัด "การขยายขนาด การเพิ่มจำนวน" โตเท่าไหร่ มีจำนวนเท่าไหร่ เพิ่มขึ้น หรือว่าลดลง เท่านั้น

OK มันเป็นคุณสมบัติประการหนึ่งของชีวิตก็จริง แต่สิ่งเหล่านี้แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา ก็ทำกัน เพราะมันเป็นคุณสมบัติชั้นต่ำสุดของชีวิต คือสืบพันธุ์ เติบโต

เราคงจะไม่ได้ใฝ่ฝันจะเป็นองค์กรมีชีวิตระดับไวรัส หรือแบคทีเรีย ปาราไซต์ แต่เราน่าจะหมายถึงองค์กรมีชีวิตระดับ "มนุษย์" ไหม?

ถ้าเราเติบโต ขนาดใหญ่ขึ้น จำนวนมากขึ้น แต่ทำให้คนในองค์กรทุกข์ ป่วย เสื่อมโทรม องค์กรนี้มีชีวิตก็จริง แต่คงจะเป็นชีวิตระยะท้ายๆ เป็นองค์กรแบบไวรัส แบคทีเรีย ที่กัดกิน กัดกร่อน host จนตายไป

Living organisation จึงควรจะเป็น laughing organisation, crying organisation, loving organisation, hopeful organisation และที่สุดของมนุษย์คือ meaningful organisation นั่นคือเป็นองค์กรที่มีเสียงหัวเราะเบิกบาน มีเสียงร่ำไห้เพราะมีอารมณ์ความรู้สึก ความรักและเมตตา มีความหวัง และ "มีความหมาย" ที่ทุกๆเซลล์ ทุกๆองคาพยพ ทุกๆอวัยวะ แม้ต่างก็มีชีวิต หน้าที่ของตนเอง แต่ก็รับทราบสื่อสารทุกข์สุขของทุกๆคนว่าเป็นส่วนหนึ่งของตัวเราทั้งสิ้น ไม่ได้ต่างคนต่างอยู่ ไม่รู้สึกรู้สมกันและกัน หรือหมกมุ่นแต่การ "โต" การ "สืบพันธุ์" เท่านั้น แต่มีเวลาให้กับความรัก ความหวัง และชีวิตที่มีความหมายด้วย

น.พ.สกล สิงหะ
เขียนที่หน่วยชีวันตาภิบาล ร.พ.สงขลานครินทร์
วันพฤหัสบดีที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๙ เวลา ๙ นาฬิกา ๒๔ นาที
วันขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๘ ปีวอก

หมายเลขบันทึก: 609883เขียนเมื่อ 7 กรกฎาคม 2016 09:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 กรกฎาคม 2016 09:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ดีจังค่ะ..

มีดอกผักชีมาฝาก..มีรักและความหวังมามอบให้กันและกัน..

เป็นจิตปัญญาทางการแพทย์ที่ทรงพลังมากครับ

ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท