เมื่อวันจันทร์-อังคารที่ผ่านมาผู้เขียนเข้าอบรมระบบคุณภาพ(ISO : 13458)ซึ่งระดับหัวหน้างานต้องเข้ารับการอบรมในทุกๆปี และปีนี้ก็เช่นกัน แต่ต่างจากทุกๆปีตรงที่อบรมภายในบริษัทฯบนห้อง Trainning Room ที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี ที่ว่าคุ้นเคยเพราะไม่ว่าจะอบรมเรื่องอะไรก็ห้องนี้ล่ะ และแต่ละคนที่เข้าห้องนี้ต่างก็มีมุมของตัวเองที่นั่งเป็นประจำ ผู้เขียนเองส่วนมากจะนั่งตรงกลางห้องโดยมีเพื่อนที่อยู่ในวัยที่ต้องใช้สายตาในระดับที่สั้นยาวให้เหมาะสมมานั่งด้วยอยู่เป็นประจำเช่นกัน
แต่คราวนี้ด้วยความที่ผู้เขียนขึ้นช้าและเข้าใจว่าน่าจะมีคนที่เข้าน้อยจึงชะล่าใจ พอเข้าห้องไปต้องโดนภาคบังคับให้ต้องนั่งด้านหน้ามุมซ้ายของห้องตรงข้ามโต๊ะอาจารย์ผู้บรรยายพอดี พอมองหาBuddyที่เคยนั่งด้วยกันก็ไม่พบเจอคงจะเป็นคลาสหน้าเป็นแน่ ส่วนที่ๆพอจะแทรกนั่งด้วยก็ไม่รู้จักมักคุ้น เพราะเป็นทีมที่มาจากหน่วยงานอื่น จึงจำใจนั่งตรงนั้น(ด้วยความมั่นใจกว่าทุกๆครั้ง)
ที่บอกว่ามั่นใจกว่าทุกๆครั้ง นั้นเป็นความจริง รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ จะเพราะความจำเป็น จำใจ ก็ไม่ใช่ แต่เป็นเพราะความคิดที่ว่ามั่นใจพอที่จะต้องอยู่คนเดียวได้ ไม่ว่าจะสถานการณ์แบบไหน ที่บ้าน ที่ทำงาน หรือแม้ที่เปลี่ยวเหงาเดียวดาย ตั้งใจว่าจะอยู่ได้ด้วยความมั่นใจในตัวของตัวเอง
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ย้อนคิดไปว่าที่ผ่านๆมา หรือแม้แต่ครั้งนี้ทำไมเราๆถึงไม่ชอบนั่งกันข้างหน้า ไม่ว่าตั้งแต่เป็นเด็กจนถึงวัยหนุ่มสาว เลยมาถึงวันทำงานจวบจนวัยใกล้เกษียณ ก็ยังไม่มีใครชอบนั่งข้างหน้ากัน อาจเป็นเพราะกลัวอาจารย์ถามแล้วตอบไม่ได้ กลัวตกเป็นเป้าสายตาของทุกๆคน กลัวอะไรอื่นๆ ที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดจะมีขึ้นจริงหรือไม่ หรือไม่กลัวไม่วิตกอะไรหรอก แต่ก็ไม่ชอบที่จะนั่งข้างหน้ากัน
แต่คราวนี้ผู้เขียนนั่งคนเดียว ข้างหน้าห้องด้วยความมั่นใจยิ่ง ด้วยสติการรับรู้ ยอมรับ และพร้อมที่จะเผชิญกับเรื่องราวต่างๆที่เคยคิดกังวลอย่างเมื่อก่อนด้วยสติที่กล้ากว่าแต่ก่อน
การได้พูดคุยกับอาจารย์ช่วงพักเบรค ทำให้ผ่อนคลายความรู้สึกโดดเดี่ยวได้ดีทีเดียว
การได้โต้ตอบระหว่างการบรรยายของอาจารย์ทำให้รู้สึกสนุกกับเนื้อหาเก่าๆเดิมๆ ให้เข้าใจกว่าทุกๆครั้ง และได้โปรเจ็คที่ผุดขึ้นมาระหว่างเรียนหลายอย่างที่คิดว่าน่านำไปวางแผนทำต่อไป
การอบรมครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนอีกเรื่องหนึ่งคือไม่มีWork Shop ไม่มีการจับกลุ่มแบ่งกลุ่ม แต่ผู้บรรยายสามรถดึงผู้เรียนให้ร่วมแสดงความคิดเห็นได้เป็นอย่างดี โดยแต่ละแผนกแต่ละส่วนงานต่างก็มีประสบการณ์ตรงที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้เป็นอย่างดี
วันแรกผ่านไปด้วยดี
วันที่สอง ทุกคนต่างก็มานั่งที่ๆเดิมของตัวเอง มีบางคนเปลี่ยนจากแถวหน้าขยับไปหาเพื่อน หรือไปนั่งด้านหลัง
ผู้เขียนนั่งที่เดิม ด้วยความมั่นใจเช่นวันแรก
(คำถาม ทำไมคนถึงไม่ชอบนั่งแถวหน้า)
...................
เท่าที่ทราบ
ตอนเป็นวิทยากรคนมาสายชอบถูกให้นั่งหน้า
แต่ผมเป็นวิทยากรที่แปลก
จะถามคนนั่งหลังมากกว่านั่งหน้า
555
ขอบคุณมากครับ
จากคำถาม ...ทำไมคนถึงไม่ชอบนั่งแถวหน้า..... ไม่รู้ว่าคนชาติอื่น
จะเป็นเหมือน ๆ กับคนไทยหรือเปล่านะ...สำหรับความเห็นของคุณมะเดื่อ
คุณมะเดื่อว่า......
เป็นวิสัยคนไทยนะ อย่าว่าแต่การประชุม การอบรม สัมมนาเล้ย...
แม้แต่..งานบวช งานศพ ฟังพระสวดมนต์ ทำบุญสุตทาน
ก็มักจะ มักเว้นที่นั่งข้างหน้าเอาไว้ให้.....ใครก็ไม่ทราบจ้ะ
ยกเว้น...เวลาดูละคร ดูคอนเสิร์ต แถวหน้าจะเต็มพรึ่บ..!
แต่...คุณมะเดื่อจะนั่งข้างหน้า (เก้าอี้แุถวหน้า) นะ โดยเฉพาะ
เวลาเข้าอบรม สัมมนา เพราะ...จะได้รับฟังสาระต่าง ๆ ได้ครบถ้วน
ชัดเจน....ถ้านั่งข้างหลัง นอกจากจะฟัง จะดู ไม่ชัดเจนแล้ว
ยัง...รำคาญเสียงคุยของคน " ข้างหลัง" ที่รบกวนสมาธิอีกด้วย
-สวัสดีครับ
-เท่าที่ผมสัมผัสได้ก็คือ
-หากเป็นเด็กๆ จะกลัวครูถามเป็นคนแรก..
-แต่หากอยู่ในวันคนทำงาน....ผมว่าน่าจะเกิดจากการคุ้นชินกับการที่คนนั่งหน้าจะต้องเป็นหัวหน้าหรือผู้หลักผู้ใหญ่
-บ่อยครั้งที่การจัดโต๊ะประชุมสัมมนามักจะจัดให้หัวหน้านั่งหน้า..อิๆ
-ดังนั้นก็เลยชินกับการนั่งหลัง ๆ ไว้ก่อน 55
-อีกมุมมองหนึ่งของผมน่ะครับ
-ขอบคุณครับ
ดิฉันชอบนั่งหน้าค่ะ
ยกเว้นเวลาที่ตั้งใจไม่ฟังจนจบ หรือไม่มั่นใจว่าน่าสนใจจริง