ศิลปะของลุง….มีอยู่รอบตัว


แต่สำหรับลุงแล้ว มันคืองานศิลป์ ที่ลุงรักอย่างหมดหัวใจ …. …. ผมเชื่อและเข้าใจในสิ่งที่ลุงพูด ……ศิลปะอยู่ในจิตวิญญาณของลุงจริง ๆ

ลุงบอกว่า…ศิลปะคือ สิ่งที่มนุษย์สร้างสรรค์ด้วยแรงบันดาลใจ …..ความหมายมันลึกซึ้งนะ…ไอ้หลานชาย

ผมจ้องมองหน้าลุง …ด้วยใจตั้งมั่น อยากฟัง อยากรับรู้ เรื่องราว ที่พรั่งพรูออกมาจากปากของลุง

ชายสูงวัย.... ที่ชีวิตผ่านร้อน ผ่านหนาว มาจนอิ่มเอมในหัวใจ แต่ในแววตาของลุงกลับยังคงมุ่งมั่น ที่จะทำงานศิลป์ในโลกส่วนตัวของลุง ต่อไปเรื่อย ๆ….ในบั้นปลายของชีวิต

ลุงเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี ที่จบจากเพาะช่าง เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2508 นามของลุงคือ…. วิรัตน์ จตุพงษ์

ผมมองรูปนี้แล้ว จึงไม่แปลกใจเลยว่า….ทำไมสมัยสาว ๆ …. คนใกล้ตัวของผมถึงมอง….งามนัก

บั้นปลายชีวิต …ทุกสิ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนไปตามกาลเวลาของมัน จริงๆ นะ

แต่มีอยู่สิ่งหนึ่ง ที่ไม่เคยเปลี่ยนไป …?? (มันเฉลยคำตอบในใจของคุณ ใจของคุณเท่านั้นที่รู้)


ภาพวาดชิ้นนี้ ….มันเก่าจริงๆ (เป็นภาพที่ลุงเกือบจะไม่ได้เห็นมันเสียแล้ว หากลูกชายไม่ได้ไปเก็บมันขึ้นเอามาใส่กรอบไว้ เนื่องจากลุงม้วนภาพนี้เก็บไว้ จนภาพบางส่วนถูกปลวกแทะกินไปอย่างน่าเสียดาย)

ลุงบอกว่า….มัน เป็นภาพวาด ผู้หญิงเปลือยในจินตนาการของลุงเอง สมัยที่ลุง เรียนอยู่เพาะช่าง และเป็นหนึ่งในงานวาดภาพลายเส้น ที่ ดูแล้ว ลุงรู้สึกอิ่มเอิบใจทุกครั้งไป

ส่วนสาวงามในภาพนางนี้ ก็เช่นกัน เป็นสาวงามในจินตนาการที่ลุงวาดขึ้น ลุงเขียนภาพนี้ด้วยสีโปสเตอร์ อายุ มันก็กว่า 50 ปีแล้ว

งามจับใจมั้ยละ!!

ผมนั่งชื่นชมภาพเขียนของลุงอีกหลาย ๆ ภาพที่ลุงแขวนไว้ภายในบ้าน

ระหว่างที่ชมภาพวาดของลุง ผมได้ถามลุงไปว่า…แล้วงานศิลปะที่ลุงชอบมากที่สุดละ มันคือสิ่งใด ?

ลุงตอบทันทีว่า….ภาพลายเส้นนี่แหละ!! ลุงชอบเขียนมันที่สุด

และผมก็เชื่อคำพูดที่ลุงพูดอย่างสนิทใจ

ศิษย์ย่อมมีครู…

สักพักใหญ่ ผมได้ถามลุงไปอีกว่า… “แล้วครูผู้สอนลุงให้วาดรูปงาม ๆ แบบนี้ละ….ท่านชื่ออะไร?”

ลุงตอบว่า…อาจารย์เฉลิม นาคีรักษ์ คืออาจารย์ของลุงในสมัยที่ลุงเรียนอยู่ที่นั้น

ด้วยความอยากรู้ครับว่า… ปัจจุบันนี้อาจารย์เฉลิมท่านมีชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง

สืบค้นข้อมูลจากnet ก็พบว่า…ปัจจุบันท่านยังคงใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบ สร้างสรรค์ผลงานศิลปะ อยู่กลางเมืองหลวงของประเทศไทยนี่เอง

และเกียรติประวัติ ที่เชิดชูท่านมีอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือ…. รางวัลศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์(วิจิตรศิลป์) เมื่อปี พ.ศ. 2531

อาจารย์เฉลิม นาคีรักษ์ กับภาพวาดที่ได้วาดไว้ งามมาก ๆ ได้บรรยากาศเหลือเกินครับ

...

...

บรรยากาศในบ้านไม้สองชั้น ที่ลุงสร้างมันขึ้นมากับมือ อบอวลไปด้วยงานศิลปะของลุงเลยจริง ๆ

งานปั้น…จากเยื่อกระดาษ ภูมิปัญญาสร้างสรรค์ ที่ลุงคิด ทำ และปั้นมันมากับมือของลุงเอง

จนทำให้ผมอดพูดกับลุงไปไม่ได้ว่า….“มันเป็นประติมากรรมอันทรงคุณค่าเลยทีเดียวนะครับลุง”

ประติมากรรมที่ลุงคิดจากภูมิปัญญาของลุงเอง

ลุง พูดขึ้นมาว่า…..ลุงแก่เกินไปที่จะดิ้นรนจดลิขสิทธิ์ทางปัญญา

ให้มันอยู่อย่างนี้…. งามอย่างนี้…. ลุงก็มีความสุขมากพอแล้ว… ไอ้หลานชาย

ระหว่างที่ผมนั่งคุยกับลุงนั้น …แมวพันธุ์ผสม ระหว่างแมวไทยกับแมวเปอร์เซีย จ้องมองผมตาไม่กระพริบเลย

แมวตัวนี้ ตัวใหญ่มาก …ดุเอาการอยู่ เคยฝากรอยเขี้ยวกับแขกที่มาเยี่ยมเยือนลุง กันหลายรายแล้ว ผมถ่ายรูปเพียงแค่รูปเดียว หากกดชัตเตอร์หลาย ๆ รูป เกรงว่า…เค้าจะไม่พอใจ

ตาของเค้า.... มันเอาเรื่องทีเดียว !!

ผมนั่งคุยกับลุงภายในบ้านนานพอสมควร หลังจากนั้นลุงได้พาผมออกมานอกบ้าน

ผมได้ชมสระน้ำ สระน้ำที่ลุงขุดมันขึ้นมาด้วยมือของลุงเอง

ผมแทบไม่เชื่อสายตาเลย เพราะขนาดของสระ มันไม่ธรรมดาเลย ลึก และกว้าง

คน ๆ เดียว ใช้เวลากับสระที่ขุด หินทุกก้อน ถูกลำเลียง ขึ้นมา สร้างสรรค์ จินตนาการงานศิลป์ ได้อย่างบรรเจิด และลงตัว

และมุมทางเดิน มุมนี้ถูกตกแต่งด้วย หินธรรมชาติ และหินเทียม (หินที่ลุงสร้างจากปูน ภายในกลวง และเบา แต่มองเหมือนหินจริง มาก ๆ)

หินเทียม คือ ลูกกลม ๆ ด้านซ้ายมือที่มีตะไคร่น้ำเกาะ ส่วนหินจริง คือลูกใหญ่สุดอยู่ด้านขวามือของภาพ

มองแทบแยกไม่ออก

หากแต่ลองยกขึ้นดู จะรู้ทันทีครับว่า หินเทียมเนี่ย!! เบามาก

ลุงบอกว่า …หลักการจัดแต่งสวนเนี่ย !! มันง่ายนิดเดียว ให้นึกถึงหลักสมดุล ซ้ายขวา ต้องถ่วงดุลกันได้

ทุกอณูชีวิตของลุง …ลุงสอดแทรกศิลปะเข้าไปกับมันเสมอ

หินแกะ ภาพนี้ก็เช่นกัน ….ลองจินตนาการดูซิครับว่า มันคือสิ่งใด?

ตลอดทางเดิน ที่เรียบง่ายในชีวิตของลุง

ลุงบอกว่า…ขอเพียงแค่เรามีแรงบันดาลใจ เราก็สามารถทำสิ่งที่เราอยากเป็นอยากมี ได้เสมอ

หลานดูกำแพงจากเศษหิน เศษอิฐ ที่เค้าทิ้งจากงานก่อสร้างเหล่านี้ซิ!!

ลุงเก็บมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของลุงเองเลยนะ

เรียงทับซ้อนกัน ปราศจากการใช้ปูนซีเมนต์ แต่ทว่า…แข็งแรงมาก เศษหิน เศษอิฐทุกก้อนกอดกันแน่น ไม่มีขยับเขยื้อนไปไหนเลย ทำให้ผมอดนึกถึง …กำแพงสมัยโบราณที่สร้างขึ้นมา โดยไม่มีการโบกปูน หรือเชื่อมต่อกันด้วยเทคโนโลยี่สมัยใหม่ใด ๆ ทั้งสิ้น

ผมนับถือหัวใจ ของลุง… นะครับ

แต่สำหรับลุงแล้ว มันคืองานศิลป์ ที่ลุงรักอย่างหมดหัวใจ

….

….

ผมเชื่อและเข้าใจในสิ่งที่ลุงพูด ……ศิลปะอยู่ในจิตวิญญาณของลุงจริง ๆ

หมายเลขบันทึก: 593012เขียนเมื่อ 31 กรกฎาคม 2015 22:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 กรกฎาคม 2015 22:26 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

บ้านและสภาพแวดล้อมของบ้านลุง สร้างมาจากหัวใจและดวงตาของผู้มีศิลปะในหัวใจจริงๆ มันจึงประณีตและมีชีวิต

คุณแสงถ่ายทอดได้ครบกระบวนความทีเดียว

การเรียงหินซ้อนเป็นกำแพงก็ไม่ง่ายนะคะ

ปราสาทหินนครวัดก็เป็นการนำหินทุกก้อนมาวางเรียงโดยไม่มีเครื่องช่วยใดๆ ค่ะ น่าทึ่งมาก

ลุงมีชีวิตเพื่อศิลปะจริงๆครับ

ชอบใจการจัดบ้านและงานปั้น

ขอบคุณมากๆครับที่นำมาให้อ่าน

ขอบคุณมากครับคุณแสงฯ สำหรับเรื่องราวดีๆที่มีมาฝาก...:)

ขอบคุณพี่นุ้ยมากครับ

เป็นบันทึกเก่าที่นำมาใส่ใหม่ เพราะบันทึกเดิมเปิดอ่านมาแล้วอ่านไม่ได้ครับพี่

..

ลุงชอบบันทึกที่ผมเขียนนี้มากนะครับพี่

แก่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยทีเดียวครับพี่

ขอบคุณครับอาจารย์ขจิตครับ

ขจิต ฝอยทอง

ปีนี้ลุงอายุเข้าเลขเจ็ดแล้ว

ผมก็ยังเห็นวิถีชีวิตของลุงเค้าเป็นเช่นนี้เสมอ

..

ทุกครั้งที่มาเยี่ยมยายของน้องดวงใจ

สวัสดีค่ะคุณแสงฯ

ดูแล้วมีความสุขค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่นำมาแบ่งปันกันค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท