ขอความเห็น


รับทำวิจัยและให้คำปรึกษาการทำวิทยานิพนธ์และดุษฎีนิพนธ์ในสาขาต่าง ๆ

ขอความเห็น

มหาวิทยาลัยควรมีท่าทีต่อโฆษณานี้


และโฆษณานี้

อย่างไร ขอความเห็นครับ พร้อมเหตุผล

วิจารณ์ พานิช

๑๔ ก.ค. ๕๘

หมายเลขบันทึก: 592329เขียนเมื่อ 14 กรกฎาคม 2015 07:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 กรกฎาคม 2015 10:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

ปัญหารับจ้างทำวิจัยเป็นปัญหาใหญ่มากทางการศึกษาของไทยเราค่ะ มีให้เห็นกันมากมายตามรอบๆ สถานศึกษาค่ะ

ถ้าเห็น..ว่า..เป็นอาชีพ..ก็เป็นอาชีพ ที่สุจริต...คือ อาชีพ รับจ้าง..ก็คงไม่แตกต่างไปจากอาชีพ สุจริต อื่นๆ..เป็นต้นว่า..รับจ้างแจวเรือ ข้ามฟาก..(สมัยนี้..ใช้ขับเคลื่อน ด้วย เครื่องยนต์)..สมัยก่อนเราเรียกครูผู้สอนว่ามีอาชีพเหมือนผู้พายเรือจ้าง(ขายแรงงานพร้อมความรู้ที่มีในสมอง)..เวลาเปลี่ยนไป..เครื่องยนต์ต้องซื้อมาติด ราคามันแพง..คือต้องมีทุน(นิยม มี..)...ผู้มาเรียน..เดี๋ยวนี้..ก็ไม่ใช่เด็กวัด..สถานศึกษาเปลี่ยนไป..ต้องมีทุนทรัพย์..จึงเข้าเรียนได้...ก็ไม่แปลกอะไร..ทั้งผู้เรียน ผู้สอน ผู้รับจ้าง ช่วยทำปริญญา บัตรประดับราคาแพง..คนที่จบด้วยกระดาษประเภทนี้..ถ้าไม่ได้ เอาปริญญาที่ได้มาไป ทำอาชญากรรม...เพียงกลับมาอยู่บ้านกับพ่อแม่ที่มีฐานะมีอันจะกิน อบอุ่นเป็นครอบครัว..ให้ดูแลกันอยู่..เกาะพ่อเกาะแม่..เกาะกันไป...(จะแย่หน่อย..ตรงสังคม..ที่ ภาษาไทยเรียกว่า..เห็น ช้างขี้ ขี้ตาม ช้าง..)..ผลปรากฏดังรูปแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้..แก้ไม่ได้..ต้องปล่อยไป..เลยตามเลย..แบบ.คน พุทธ..ที่ยังยึดถือ สิ่งที่ปฏิบัติตามๆกันมา...เป็นประเพณีนิยม..เป็นต้นว่า..คอรัปชั่น..หรือเป็นนักการเมือง สำส่อน...ใช้ลัทธิ..ทุนนิยมและประชาธิปไตยอย่างผิด..ความหมายในด้านอุดมการณ์...

ตรงนี้ แอบคิด ตามประสา (ยายธี)...ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด....

  • คิดว่ามหาวิทยาลัยควรมีกฎเกณฑ์ข้อบังคับให้ตรวจสอบ plagiarism ทั้งภาษาไทยและอังกฤษก่อนอนุมัติให้ผ่านงานวิจัยทุกชิ้นทั้งของอาจารย์และนักศึกษาค่ะ

อ่านงานที่เขารับบริการแล้วรู้สึกว่านั่นคือ หน้าที่ของอาจารย์ที่ปรึกษาและ Mentor ของนักวิจัยนะคะ ต้องถามว่าคนที่มีหน้าที่นี้ของเราทำอะไรกันอยู่ แนวคิดและวัฒนธรรมในการเรียนรู้ของไทยเราเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำอย่างไรเด็กๆสมัยใหม่จะเห็นคุณค่าของการเรียนรู้ตามความชอบ ความถนัดและใช้ความสามารถของตัวเองในการสร้างงาน ไม่เห็นความสำคัญของการมีประกาศนียบัตรความรู้ใดๆที่ตัวเองไม่ได้ลงแรงจริงๆ คงต้องปลูกฝังค่านิยมกันใหม่ ปรับเปลี่ยนระบบวิธีการเรียนกันใหม่นะคะ อาจารย์ ตอนนี้ที่เห็นๆคือชั้นอนุบาลก็เรียนสิ่งที่ชั้นประถมจะสอบ ประถมก็เรียนสิ่งที่มัธยมจะสอบ มัธยมก็เรียนสิ่งที่มหาวิทยาลัยจะสอบ พอเข้ามหาวิทยาลัยก็เลยไปไม่ถูกเลยถ้าอาจารย์เองก็หลงทาง

คำถามนี้ของอาจารย์น่าจะเอาไปเป็น ข้อคำถามสำหรับอาจารย์ในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศนะคะ

ตราบที่มหาวิทยาลัยสักแต่ขายปริญญา แต่ไม่ได้เป็นแหล่งสะสมองค์ความรู้ ถ่ายทอดองค์ความรู้ เป็นที่พึ่งของประชาชนด้านความรู้ ปัญหาที่ที่อาจารย์หมอยกมาถามความเห็นก็จะเกลื่อนไปครับ

เห็นเขาเล่ากันมาต่อๆ ว่ากันว่าอาจารย์มหาวิทยาลัยเองก็รับทำกันเยอะครับ เรียกว่าครบวงจรทีเดียว ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหนครับ

น่าจะมีการศึกษา "สถานการณ์ธุรกิจการศึกษาระดับอุดมศึกษาของไทยในปัจจุบัน" โดยบุคคลที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อให้ได้ข้อมูลจริงๆ มาตีแผ่นะครับ น่าจะมีอะไรน่าสนใจมากทีเดียวครับ

ดูผิวเผินเหมือนการทำหน้าที่แนะนำที่มีประโยชน์แก่ผู้ทำวิทยานิพนธ์นะคะ

แต่ยังน่าคลางแคลงใจอยู่มาก กว่านักศึกษาจะไปถึงเวลาทำวิทยานิพนธ์ก็ได้เรียนรู้มากมายพออยู่แล้วโดยไม่จำเป็นต้องไปปรึกษาให้เสียเงินเสียทอง การทำวิจัยไม่ได้ยากเย็นถ้าคุณเรียนในห้องเรียน อาจารย์ที่ปรึกษาก็มีอยู่ คนทั่วไปก็น่าจะไปปรึกษาอาจารย์?? แทนที่จะไปเสียเงินเสียทอง

เรื่องแบบนี้เป็นการสมยอม ดิฉันว่าเราจะหาข้อมูลจริงยาก

การปล่อยให้มีการกระทำแบบนี้ ทำให้คุณภาพบัณฑิตตกต่ำ ยิ่งถ้าครูบาอาจารย์รับจ้างทำเอง ยิ่งน่าตกใจ

น่าเสียดายโอกาสเรียนรู้มาก หากนิสิตไปจ้างทำวิทยานิพนธ์ เพราะไม่มีโอกาสไหนอีกแล้วที่จะได้เรียนรู้รอบด้านมากเท่าช่วงเวลานี้

น่าจะมีมาตรการเด็ดขาดกรณีที่ตรวจสอบได้ชัดเจนว่าบัณฑิตจ้างทำวิทยานิพนธ์

ไม่ได้เป็นเฉพาะในระดับมหาวิทยาลัยนะคะ รับทำ คศ.3 ผลงานครู งาน CAI ก็มีเยอะเช่นกันนะคะ

อาชีพทำลายชาติ .. ถึงกับล้างเผ่าพันธุ์เลยนะคะ

ปราบไม่ยาก ถ้าคิดจะปราบ ส่งคนตีสนิท จ้างเหมือนจริง แล้วลากทั้งยวง ม.๔๔ ประหารชีวิตดีมั้ย

พี่สาว...ของผมเธอน่าเห็นใจมากนะครับ การเป็นครูที่มีระดับการศึกษาป .ตรี แล้วต้องทำ วิจัย 5 บท เพื่อประเมิน คศ3 เธอบอกผมตรง ๆ ครับว่า...พี่จนปัญญา เรียนมาไม่เคยรู้เลยว่า สถิติวิจัยเป็นอย่างไร กระบวนการขั้นตอนการทำวิจัยเค้าทำอย่างไร เธอบ่นกับผมว่า...พี่คงไม่ไหว?

..

สุดท้ายผมก็ต้องให้คำแนะนำ ช่วยเหลือ ...ทำกันเกือบเป็นเกือบตาย น่าสงสารเธอมาก ครับ เธอทุ่มเท.. ผมก็ช่วยเหลือเพราะมีความรู้ทางด้านนี้ สุดท้ายผลออกมา ต้องแก้ไข มากมาย...

เธอบอกผมครับว่า...จะให้พี่ทำอย่างไรเนี่ย? พี่งงไปหมดแล้ว

สุดท้าย ทุกวันนี้...พี่สาวผมเธอ ปล่อยวางแล้วครับ

เธอบอกผมว่า...ให้พี่เอาเวลาไปสอนเด็ก ๆ ดีกว่า ที่จะเอาเวลานั้นไปวิ่งเต้น เพื่อตำแหน่งของตัวเอง

..

ผมไม่ทราบครับว่า...ระบบนี้เดี๋ยวนี้ยังมีหรือเปล่า

..

ขอให้เป็นกรณีศึกษากรณีหนึ่งนะครับ อาจารย์

ขอบพระคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท