บันทึกการเดินทางที่ต้องจดจำไปอีกนาน : ตอนโดนล้วงกระเป๋าที่เบอร์ลิน


ระหว่างวันที่ 17-25 มิถุนายน 2558 ฉันเดินทางไปประชุม International Society of Physical and Rehabilitation Medicine ( ISPRM 2015 ) ที่เบอร์ลิน วันที่ฉันต้องจดจำไปอีกนานคือวันที่ฉันจะเดินทางกลับเมืองไทย วันที่ฉันมีเวลาเหลืออีกเล็กน้อยพอที่จะท่องเที่ยวในเบอร์ลินอีกประมาณ 5-6 ชั่วโมง มันเป็นวันที่ฉันโดนล้วงกระเป๋าที่นี่ ที่เบอร์ลิน วันที่ 24 มิถุนายน 2558


เรื่องมีอยู่ว่า วันนี้ฉันเตรียม check out จากโรงแรม Altberlin วันนี้ตื่นสายกว่าวันก่อนหน้านี้ เพราะไม่ต้องไปเข้าประชุมแล้ว อาบน้ำอาบท่าเสร็จ ลงไปทานอาหารเช้า แล้วทำเรื่อง check out ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม จากนั้นเดินไปสถานีรถไฟ Posdams Platze เพื่อซื้อตั๋วเดินทางรายวันไว้ใช้สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟและรถบัสประจำทางในเบอร์ลิน เป้าหมายแรกที่จะแวะไปคือกำแพงเบอร์ลินฝั่งตะวันออก บันทึกภาพความทรงจำบนฝาผนัง





เดินเล่นอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงจึงเดินทางกลับด้วยรถไฟใต้ดิน กะว่าจะไปเก็บภาพแถว Brandenberg Gate ออกจากรถไฟฟ้าแวะเข้าโรงแรมทางผ่านเพื่อจะเข้าห้องน้ำ เห็นเป้ผิดสังเกตุ ทำไมซิปเปิดออก แวบแรกที่สำรวจดูเลยคือพาสปอร์ตและกระเป๋าเงินยังอยู่หรือไม่ เพราะจัดไว้ในซองพลาสติกเดียวกัน รวมทั้งบัตรเครดิตอีก 2 ใบ ค้นดูอยู่หลายรอบ มันหายไปจริงๆ ตั้งสติคิดว่าต้องกลับโรงแรม แจ้งตำรวจ และไปสถานทูต อันดับแรกกลับโรงแรมก่อน ช่วงนั้นประมาณเที่ยงกว่าแล้ว เที่ยวบินกลับประมาณ 19.55 น. คิดว่ายังพอมีเวลาจัดการ ยังไงวันนี้ฉันต้องกลับเมืองไทยให้ได้ ใช้เวลาเดินทางกลับโรงแรมอีกครึ่งชั่งโมง


ไปถึงโรงแรมแจ้งเด็กสาวที่อยู่หน้าฟร้อนว่าฉันโดนล้วงกระเป๋า พาสปอร์ต เงินไทย และบัตรเครดิตหายไป ช่วยโทรติดต่อสถานทูตไทยให้หน่อย ระหว่างนั้นที่โรงแรมใช้ wifi ได้แล้ว จึงไลน์ถึงน้องที่แผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟูของโรงพยาบาลให้ช่วยอายัดบัตรเครดิต 2 ใบ น้องที่ฟร้อนบอกติดต่อสถานทูตไม่ได้ เป็นช่วงพักกลางวันพอดี จะกลับมาตอนบ่ายสอง เลยบอกน้องที่โรงแรมไปว่าช่วยติดต่อสายการบินว่าต้องทำอย่างไร แล้วแจ้งความที่สนามบินได้ไหม ส่วนอีกความคิดหนึ่งก็รีบไลน์ไปหาน้องนัท เป็นคนไทยที่ได้สัญชาตินอรเวย์ มารู้จักกันตอนมาประชุม ISPRM 2015 นี่แหละ น้องนัทเคยบอกว่ารู้จักท่านทูตและเจ้าหน้าที่สถานทูตหลายคน เลยให้ช่วยติดต่อ หรือขอเบอร์โทรที่ติดต่อได้ ได้มาหลายเบอร์ก็ยังโทรติดต่อสถานทูตไม่ได้เลย ทางสายการบินแจ้งว่าจุดที่อาจจะมีปัญหาคือที่สนามบินเวียนนา เพราะต้องผ่าน immigration หลักฐานสำคัญคือพาสปอร์ตชั่วคราวและใบแจ้งความ


เวลาผ่านไปถึงบ่ายสองแล้วยังติดต่อสถานทูตไม่ได้เลย ไลน์แจ้งน้องนัทให้ทางสถานทูตติดต่อกลับมาที่โรงแรม น้องก็ใจดีช่วยหาเบอร์โทรสถานทูตฉุกเฉินให้ คราวนี้โทรติดแล้ว ทางสถานทูตแจ้งว่ายังไงต้องไปสถานทูตทำพาสปอร์ตชั่วคราว ไม่งั้นก็ออกนอกประเทศไม่ได้ พร้อมบอกที่อยู่ให้เรียบร้อย ให้น้องที่ฟร้อนเช็คเส้นทางว่าจากโรงแรมไปสถานทูตยังไง หลังจากเช็คเส้นทางเสร็จก็ได้เวลาลากกระเป๋าไปสถานทูต ต้องขอบคุณน้องที่ฟร้อนชาวเยอรมัน 2 คนที่ช่วยติดต่อโทรศัพท์ให้อย่างดีไม่มีเกี่ยงงอน เลยให้ผ้าพันคอที่เพิ่งซื้อไปคนละผืน น้องมีจิตใจดีมากจริงๆ ทำให้ฉันโชคดีไปด้วย


ใช้เวลา 45 นาทีถึงสถานทูต เวลาในขณะนั้นบ่ายสามเข้าไปแล้ว รอกดออดหน้าสถานทูตกว่า 10 นาทีถึงจะเปิด เจอนักเรียนไทยสองคนก็ประสบปัญหาพาสปอร์ตหายจากโดนล้วงกระเป๋าเหมือนกัน ทางสถานทูตต้องการรูปถ่าย 2 ใบ ถ้ามีบัตรประชาชนหรือสำเนาพาสปอร์ต โชคดีถ่ายหน้าพาสปอร์ตเก็บไว้ในมือถือ แต่ไม่ได้ถ่ายหน้าวีซ่าไว้ และที่สำคัญไม่มีรูปถ่ายติดมาเลย ทางสถานทูตแจ้งว่ายังไงต้องไปถ่ายรูปเพื่อติดหน้าพาสปอร์ตชั่วคราว เอาละสิ จะไปถ่ายที่ไหนกันหล่ะ เจ้าหน้าที่สถานทูตแนะให้ไปถ่ายรูปดิจิตอล แถวรถใต้ดิน พร้อมบอกเส้นทางจากสถานทูตไปสถานีรถใต้ดิน เหตุการตื่นเต้นก็เกิดอีกจนได้ สามโมงครึ่งไปแล้วเพิ่งจะต้องออกไปถ่ายรูปจะทันหรือนี่อ่ะ ยังไงก็ต้องไป เดินจากสถานทูตไปสถานีรถใต้ดินที่ใกล้ที่สุด 10 นาที เดินหาซุ้มหยอดเหรียญถ่ายรูปอีก เจอแล้ว กดปุ่มยังไงก็ไม่ทำงาน ถามคนที่เดินผ่านไปมาบอกว่าเครื่องเสีย ไม่มีภาษาอังกฤษเลย คำแนะนำเป็นภาษาเยอรมันหมด เดินหาเครื่องใหม่ ไฟติดแต่ก็ไม่ทำงานอีก หาคนเดินไปมาแถวนั้นช่วยทำให้ สรุปว่าเครื่องเสียอีกแล้ว ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่ได้เรื่องเลย ทำไงดี ในใจคิดว่ายังไงวันนี้ฉันต้องกลับเมืองไทยให้ได้ เอาหละต้องมีทางออก เดินหาอีกสักพัก คิดใหม่นั่งรถใต้ดินไปอีกสถานีนึง เข้าใจว่าตู้หยอดเหรียญถ่ายรูปมันคงมีทุกสถานี และแล้วก็เจอจนได้ในอีกสถานีถัดไป ไฟติดหยอดแบ้งค์เครื่องไม่รับแบ้งค์ ถามคนเดินผ่านไปมาให้ช่วยดูหน่อย เขาบอกว่าเครื่องนี้ต้องหยอดเหรียญอย่างเดียว อ้าวมีเหรียญไม่พอต้องใช้ 6 ยูโร เดินออกไปแลกเหรียญอีก ไม่คิดอะไรมากต้องทำให้ได้ กลับมาหยอดเหรียญครบเครื่องเริ่มทำงาน กดถ่ายอยู่ 3-4 รอบถึงได้เรื่อง เพราะถ้าหน้าไม่ตรง ไม่อยู่ในกรอบที่กำหนดให้ เครื่องก็จะไม่พิมพ์ให้ สุดท้ายก็ได้รูปมา 1 แผ่น 4 รูป เกือบจะ 4 โมงเย็นแล้ว นั่งรถใต้ดินกลับไป แล้วเดินกลับไปที่สถานทูต เจ้าหน้าที่เตรียมพาสปอร์ตชั่วคราวไว้ให้แล้วรอติดรูปอย่างเดียว เป็นอันเสร็จ ค่าพาสปอร์ตชั่วคราว 13 ยูโร เจ้าหน้าที่ใจดีมากค่ะ ถามว่าคุณหมอมีเงินใช้ไหม ให้ยืมได้นะ แต่เผอิญเหลือเงินยูโรติดตัวอีกประมาณ 500 ยูโร น่าจะพอ จึงไม่ได้ยืมเงิน เจ้าหน้าที่สถานทูตช่วยโทรเรียกแท็กซี่ให้ เสร็จไปอีกเรื่อง ใช้เวลาเดินทางไปสนามบิน 30 นาที เบ็ดเสร็จถึงสนามบินเกือบ 5 โมงเย็น



เคาน์เตอร์ตั๋วยังไม่เปิดให้ออกตั๋ว จะเปิดเวลา 18.30 น. ประมาณชั่วโมงครึ่งก่อนเครื่องออก ยังมีเวลาเหลือ เลยไปหาตำรวจแจ้งความโดนล้วงกระเป๋า มีความรู้สึกแย่สุดๆๆ เพราะตำรวจไม่รับแจ้งบอกไม่ใช่เรื่องเขา ช่วยอะไรไม่ได้ เลยบอกเขาไปว่าจะให้ทำยังไง เขาบอกไม่รู้ช่วยไม่ได้ ยืนยันอย่างเดียวว่าช่วยไม่ได้ ไม่ช่วยก็ได้ไปเสี่ยงตายเอาดาบหน้าละกัน พอออกตั๋วได้รอขึ้นเครื่อง ค่อยไปลุ้นต่อที่เวียนนาตอนเปลี่ยนเครื่อง เพราะเที่ยวบินระหว่างเบอร์ลินไปเวียนนาไม่ผ่าน immigration จะผ่านตอนออกจากยุโรปที่เวียนนา ไปลุ้นเอาตอนนั้นละกัน และแล้วที่ immigration ก็ขอใบแจ้งความจริงๆ เลยบอกเขาไปว่า ไปแจ้งความแล้วตำรวจไม่รับแจ้ง นี่ก็มีพาสปอร์ตชั่วคราวจากสถานทูตให้มาแล้ว ฉันโดนล้วงกระเป๋าที่เบอร์ลินนะ เขามองหน้าอยู่พักนึงสุดท้ายก็ตีตราให้ออกนอกประเทศได้ เฮ้อโล่งอกไปที ฉันได้กลับบ้านแล้ว................


บทเรียนครั้งนี้สอนให้เราอย่าประมาทอีก อยากแนะนำผู้ที่จะไปต่างประเทศ เตรียมเอกสารสำคัญสำเนาไว้ 2 ชุด เวลามีปัญหา ชุดนึงเก็บติดตัว อีกชุดเก็บไว้ที่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ สิ่งที่จะต้องสำเนาไว้คือ

1. หน้าพาสปอร์ต

2. หน้าวีซ่า

3. รูปถ่าย หน้าตรง ไม่สวมแว่น ไม่สวมหมวก เหมือนตอนทำวีซ่า 4 ใบ

4. หน้าบัตร หรือเลขบัตรเครดิต

5. บัตรประชาชน

6. ตั๋วเครื่องบินไปกลับ

7. ที่อยู่ เบอร์โทร ของสถานทูตประเทศที่เราไป

ที่สำคัญเอกสารพวกนี้ห้ามใส่เป้แบกไว้ข้างหลัง พกติดตัวให้แนบเนียน และที่สำคัญแยกเก็บเงินไว้สัก 3 กอง ไว้คนละที่ เผื่อหายก็ยังมีสำรองไว้ใช้ เราอาจไม่ได้โชคดีมีคนช่วยเหลือ เจอแต่คนดีๆแบบครั้งนี้เสมอไป ป้องกันไว้ดีกว่า และอย่าประมาทอีก รอบนี้ line application มีประโยชน์และประหยัดมากๆ



หมายเลขบันทึก: 591649เขียนเมื่อ 26 มิถุนายน 2015 00:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 มิถุนายน 2015 21:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะคุณหมอ...เดี๋ยวนี้ไปต่างประเทศทั่วโลกต้องระวังชาวต่างชาติ(ฝรั่ง)จะล้วงกระเป๋าคนเอเซีย...แต่ที่แคนาดาคนน้อยยังไม่เคยได้ยินข่าวทำนองนี้นะคะ...นี่ครอบครัวน้องสาวจะไปส่งลูกเรียนต่อโทที่อังกฤษ...ก็เตือนเขาให้ระวังถูกล้วงกระเป๋า...โดยเฉพาะที่หน้าพระราชวังตอนยืนดูทหารเดินสวนสนาม...เพราะจุดนั้นขึ้นชื่อมากๆ...

นึกภาพตามตัวหนังสือแล้ว สงสารคุณหมอเลย


คุณหมอเก่งจัง ไม่ตกใจ แก้ปัญหาแข่งกับเวลา ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำตอนท้าย มีประโยชน์มาก ๆค่ะ เพราะตนเองเดินทางมาเยอะเหมือนกัน แต่ไม่เคยมีอะไรติดตัวแบบที่คุณหมอแนะนำเลย ครั้งต่อไปต้องทำแล้วละค่ะ

เป็นประสบการณ์ตรงที่ทำให้คนอื่นๆ ได้บทเรียนสำหรับการระมัดระวังและป้องกันตัวได้อย่างดีเลยนะครับ

ถ้าเป็นจันคงทำอะไรไม่ถูกเลยค่ะอาจารย์ ตกใจ ตกใจ

อ่านไปลุ้นไปด้วยความเป็นห่วง...คุณหมอเข้มแข็งมากๆค่ะ...

ขอบคุณที่นอกจากจะนำมาเล่าเป็นอุทาหรณ์และมีวิธีเตรียมตัวเรื่องการสำรองเอกสารในการเดินทางต่างประเทศแล้วยังแถมความสนุกสนาน ตื่นเต้น อ่านไปลุ้นไปกับคุณหมอด้วยค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และให้กำลังใจค่ะ ยังรู้สึกว่าวันนั้นโชคดีมากๆ ที่โดยรวมเจอแต่คนดีๆซึ่งเพิ่งรู้จักกันที่เบอร์ลิน ให้ความช่วยเหลือ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท