ผม..จะไม่ทำผิด


ความที่เป็นเด็กแถวหลังของห้อง จึงไม่ค่อยจะสุงสิงกับใคร ไม่ถึงกับน้อยเนื้อต่ำใจ แต่ก็กัดฟันสู้..และคิดเสมอว่า..คงมีสักวัน..ที่สว่างไสวกว่านี้..พยายามรักษาฟอร์มตัวเอง ด้วยการแต่งกายให้เรียบร้อย ปฏิบัติตามระเบียบของโรงเรียนอย่างเคร่งครัด

คนเราเกิดมาแตกต่างกัน..ย่อมจะมีความคิดที่ไม่เหมือนกัน จึงไม่ควรที่เราจะเอาความคิดของเราไปตัดสินใคร สิ่งแวดล้อมของครอบครัวและการศึกษา..มีอิทธิพลต่อความคิดความอ่าน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่าง ทุกคนเคยทำผิดพลาดมากบ้างน้อยบ้าง ไม่ได้ดั่งใจและไม่สมหวัง เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต.....

ผมเคยทำผิดและติดตัวมาตลอด..เป็นเงาดำมืดทะมึนติดอยู่กลางใจ สลัดอย่างไร ไม่เคยหลุดร่วง เป็นบ่วงพันธนาการจนแน่นขึ้นทุกที..ผมจึงเลือกที่จะอ่านหนังสือมากขึ้น หนังสือจะให้ข้อคิด ปรัชญาชีวิต ช่วยกระตุ้นเตือนและปลุกจิตสำนึกใหม่ให้คิดสร้างสรรค์... ไม่เหหันไปทำความผิดแบบเดิมๆ

แต่นั่นแหละ..จะด้วยวัยหรืออะไรก็แล้วแต่..ประสิทธิภาพในการอ่านของผมลดลงทุกที ด้วยสมองและสองมือ ผมหันมาให้เวลากับการเขียน มากขึ้นและมากขึ้น..เป็นบันทึกแห่งความทรงจำ เป็นตำนานของเรื่องราว ที่เป็นอุทาหรณ์สอนใจ ไว้บอกลูกหลาน..ว่าครั้งหนึ่งหรือหลายครั้ง..เราก็ไม่ได้ดีเลิศประเสริฐศรี มีผิดพลาดกันได้...และจะ...ไม่ทำผิดอีก

ผมก้าวพลาดตั้งแต่ครั้งแรก..ที่ตัดสินใจไปเรียนสายวิทย์-คณิต รู้ตัวตั้งแต่มัธยมต้น แต่ไม่เคยบอกให้พ่อกับแม่รู้ เมื่อพ่อบอกให้ไปเรียนเสริมพิเศษที่โรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ วัดชลประทานรังสฤษดฺ์ ผมจึงตอบตกลงทันทีเพื่อเอาใจท่าน..และ ณ เวลานั้น ผมมีเกียรติบัตรธรรมศึกษาชั้นตรีติดตัวมาตั้งแต่ ป.๗ แล้ว การเรียนวันอาทิตย์ ผมอาจได้ โท และเอก เพิ่มขึ้นมาก็ได้

สัปดาห์หนึ่ง เรียน ๖ วัน พักวันเดียว ก็เรียกว่าเป็นเด็กที่ขยันคนหนึ่ง วันที่ควรพักวิ่งเล่นกับเพื่อน กลับต้องนั่งเรือหางยาว ไปขึ้นรถเพื่อเรียนธรรมมะ พุทธประวัติ ศาสนพิธี และภาษาอังกฤษ ห้าชั่วโมงครึ่ง จากนั้นจึงนั่งรถแล้วก็ลงเรือกลับบ้าน ทำอย่างนี้อยู่ ๓ ปี จึงได้จบหลักสูตร.....

เมื่อเรียนทางโลก(วิทย์คณิต)ไม่ได้เรื่อง ก็ต้องเอาดีทางธรรมะในวันอาทิตย์ ผมเรียนดีในระดับแถวหน้า พระอาจารย์เห็นแววและให้โอกาส จึงให้ขึ้นเวทีตอบปัญหาในช่วงบ่าย..แทบจะทุกข์อาทิตย์ โดยทางวัดชลประทานฯออกค่าใช้จ่าย ให้ผมเดินทางเป็นตัวแทนฝ่ายมัธยมต้น..ไปตอบปัญหาธรรมะที่วัดชนะสงคราม วัดมหาธาตุ วัดเบญจมบพิตร วัดโสมนัสวิหาร และวัดหลวงรอบกรุงเทพอีกหลายวัด ได้รางวัลดีที่สุดคือที่ ๓ แย่สุดก็เกือบ ๒๐ จากเด็กกว่า ๕๐ โรงเรียน ผมมักจะไปแพ้วิชาภาษาอังกฤษ..ต้องยอมรับเด็กกรุงเทพฯ เมื่อเขาตั้งใจใฝ่รู้อะไรแล้ว เขาจะเก่งรอบด้านจริงๆ

ผมรู้สึกตัวเองมีคุณค่า..เมื่อได้เรียนรู้ธรรมะ และจะรู้สึกด้อยค่า เมื่อเข้าสู่มัธยมปลาย เข้าห้องเรียนฟิสิคส์ เคมี ชีวะ ตามเพื่อนไม่ค่อยจะทัน หลายครั้งที่คิดว่าตัวเลขที่ต้องคำนวณเหล่านี้ เอาไปใช้อะไรได้ในชีวิตประจำวัน บางครั้งเผลอตัว..คุยเล่นกับเพื่อนจนครูฟิสิคส์ (ครูสมมาตร) ตีก้นอย่างแรง เจ็บแต่ไม่เคยจำ ใจตอนนั้นมันอยากทำผิดอยู่เรื่อย..ลืมไปชั่วขณะว่าเรา..ได้รับยกย่องให้เป็นเด็กเรียนดี มีมารยาท รับรางวัลจากหลวงพ่อปัญญาทันทะภิกขุมาแล้ว...นะ

ความที่เป็นเด็กแถวหลังของห้อง จึงไม่ค่อยจะสุงสิงกับใคร ไม่ถึงกับน้อยเนื้อต่ำใจ แต่ก็กัดฟันสู้..และคิดเสมอว่า..คงมีสักวัน..ที่สว่างไสวกว่านี้..พยายามรักษาฟอร์มตัวเอง ด้วยการแต่งกายให้เรียบร้อย ปฏิบัติตามระเบียบของโรงเรียนอย่างเคร่งครัด จนเข้าตาฝ่ายปกครอง และท่านผู้อำนวยการฯ(กว้าง รอบคอบ) ให้ไปยืนหน้าเสาธงเป็นนักเรียนตัวอย่างหลายครั้ง..

เหมือนผมถูกตีกรอบของจริยธรรม..อึดอัดมากเหมือนกัน เมื่อเห็นเพื่อนๆก้าวสู่ความเป็นเลิศทางวิชาการ มีสิ่งเดียวที่ผมภูมิใจได้ คือ ชอบเรียนวิชาภาษาไทยและสังคมศึกษา ตลอดจนชอบอ่านหนังสือสารคดี มีอยู่วันหนึ่ง …เป็นประสบการณ์ด้านมืด ครั้งแรกและครั้งเดียว…อยากอ่านหนังสือมาก แต่ไม่มีเงินซื้อหนังสือ

ตอนนั้นเช่าบ้านอยู่ข้างรั้วโรงเรียนปากเกร็ด..วันหยุด..เข้าไปเดินเล่นในโรงเรียน ผมเห็นประตูเหล็กของอาคารปิดไม่สนิท จึงมุดเข้าไปและเดินขึ้นไปที่ชั้นสาม เข้าไปในห้องเรียน ปีนออกทางหน้าต่าง อาคารสมัยนั้น จะมีระเบียงยื่นพอให้ยืนได้ กว้างราวๆ ครึ่งเมตร แต่ผมก็กลัวความสูง เดินจับขอบหน้าต่างไว้แน่น เดินเลียบเลาะขอบระเบียงย้อนกลับมาที่หน้าต่างห้องสมุด ตอนนั้นก็กลัวเพื่อน (ทวีเดช ศักดิ์ปรีชายืนยง) ที่มีบ้านอยู่หลังโรงเรียนจะเห็น รีบกระโจนเข้าห้องสมุดไปในทันที..

หมกตัวอยู่ในห้องสมุดราว ๒๐ นาที ได้หนังสือออกมา ๔ เล่ม ไม่มีหนังสือฟิสิคส์เคมีชีวะแม้แต่เล่มเดียว จำได้ว่าเป็นหนังสือ เกี่ยวกับความเชื่อมั่นแนวจิตวิทยา ของเดลคาเนกี ผลงานและเรื่องสั้นของหลวงวิจิตรวาทการ ผู้ชนะสิบทิศของยาขอบ.... ส่วนอีกเล่มจำไม่ได้...

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ถนนแห่งการอ่าน ก็เริ่มต้นอย่างจริงจังและสวยงาม ตลอดจนมากพอ..ที่จะไม่ทำผิดอีก ไม่ไปขโมยหนังสือที่ไหนอีก ..จวบจนได้เป็นครู อุทิศตนเพื่อสอนและใช้วิชาหนังสือ ถ่ายทอดการอ่านและการเขียน จนเกิดมรรคเกิดผลเป็นรูปธรรม ..เหนื่อยก็ต้องสู้ อดทน กับงาน(ไถ่บาป) รับบริจาคหนังสือให้โรงเรียนบ้าง.. แจกหนังสือบันเทิงคดี(ฟรี)ให้นักเรียนไปอ่านที่บ้าน..ท้ายที่สุดระดมทุนจากเพื่อนๆ สร้างห้องสมุดให้โรงเรียน..จนแล้วเสร็จ...และเชื่อว่าได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว หลังจากที่ทำผิดมาอย่างยาวนาน

ชยันต์ เพชรศรีจันทร์

บ้านทุ่งดินดำ / ๑๓ เมษายน ๒๕๕๘

</strong>

หมายเลขบันทึก: 588836เขียนเมื่อ 13 เมษายน 2015 11:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 เมษายน 2015 11:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เมื่อเข้าเป็นพุทธมามกะของรร.หลวงพ่อปัญญนันทะเหมือนกันเจ้าค่ะ..

ชีวิตมีรสชาติ น่าชื่นชมที่เอามาเขียนเล่านะคะ อาจารย์ เป็นบทเรียนที่ดีทุกแง่มุมเลย ขอบคุณมากค่ะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท