พาไปเที่ยวFriedrichshafen...ที่นักท่องเที่ยวทัวร์ไทยไม่ค่อยไป


เที่ยวเยอรมนีดีจริงๆ

ร้อนๆอย่างนี้ ขอพาไปเที่ยวเยอรมนีค่ะ รำลึกอดีตที่ไปเที่ยวมาเมือสองปีมาแล้วในช่วงต้นๆเมษายนค่ะ

เยอรมนี เป็นประเทศที่น่าเดินทางท่องเที่ยวมาก และมีทัวร์ไทยจัดทริปไปกันตลอดทั้งปี ทุกฤดูกาล ส่วนมากพากันไปเมืองใหญ่ๆ เช่น เบอร์ลิน มิวนิค แฟรงเฟิร์ต ฟุสเซิน(ไปชมปราสาทนอยชเวนสไตน์ เป็นสัญลักษณ์ของดิสนีย์แลนด์ปราสาทสโนว์ไวท์)และอีกไม่กี่เมืองใหญ่ ซึ่งที่จริงมีเมืองสวยราวอยู่ในเทพนิยายเป็นเมืองขนาดเล็กแต่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และเรื่องราว กระจายอยู่ทั่วทุกภาค ดูเหมือนได้เป็นมรดกโลกไปทุกเมือง มีธรรมชาติวิเศษแห่งขุนเขา ทะเลสาบ สายน้ำอีกมากมายในหมู่บ้านที่เราไม่คุ้นหู คุ้นตา

จากประสบการณ์ที่ลุกขึ้นมาไปเที่ยวเยอรมนีด้วยตนเอง ไม่พึ่งทัวร์ ทำให้พบว่าการท่องเที่ยวเยอรมนีนั้นง่ายกว่าที่คิด แล้วยังหมายถึงสามารถไปยังเมืองที่มีเขตแดนเชื่อมต่อกันได้สะดวก และประหยัด หากศึกษาระบบการเดินทางด้วยรถไฟ รถบัส โดยไม่ต้องซื้อ Eurail Pass หรือ German Pass โดยเฉพาะอย่างยิ่งเดินทางเป็นคณะเล็กๆ ตั้งแต่ 2-4 คนเหมาะมาก

ขอบอกว่าฝรั่งหลายชาติทั้งยุโรปและอเมริกายังทึ่งระบบตั๋วรถไฟหลายประเภทของเยอรมนี ที่ยิ่งวางแผนล่วงหน้าได้ดี ก็จะยิ่งประหยัดสุดๆ ระบบรถบัสที่ผู้เขียนได้ลองใช้บริการก็ราคาถูก รถคุณภาพดีมาก ปลอดภัย ตรงเวลากว่ารถไฟซึ่งมีการสไตรค์บ่อยมากจนงงมาแล้วหลายรอบระหว่างการเดินทางครั้งนี้

จุดเริ่มทริปเยอรมนี

ผู้เขียนนั้นไม่เคยเที่ยวเยอรมนีแบบ "ไปเที่ยว" สมัยที่ยังต้องไปยุโรปช่วงเรียนปริญญาเอกที่ฝรั่งเศสซึ่งไปปีละครั้งหรือสองครั้ง ครั้งละไม่เกิน สองสามสัปดาห์เพื่อปรึกษากับอาจารย์ที่กำกับวิทยานิพนธ์และแลกเปลี่ยนทางวิชาการ ความคืบหน้าในการวิจัยกับเพื่อนๆต่างชาติในโปรแกรมและเป็นโอกาสไปเสนองานในงานประชุมอันเกี่ยวเนื่องกับสาขาที่เรียน ก็ได้เข้าเยอรมนีเพื่อ "ไปเยี่ยมเยียน" รุ่นน้องที่เคยทำงานร่วมกันซึ่งไปแต่งงานกับวิศวกรเยอรมันสร้างครอบครัวอยู่ที่เมือง Essen ไม่ได้ท่องเที่ยวเรื่อยไปอย่างเพลินใจเพราะมีสิ่งที่ต้องคิดเรื่องการคิดการเขียนวิทยานิพนธ์ เรื่องการเตรียมผลงานเสนอในงานประชุมต่างๆ จิตใจไม่ปลอดโปร่งที่จะท่องเที่ยวแบบลั้ลลา

จุดเริ่มต้นของการลุกขึ้นมาอยากไปเที่ยวเยอรมนี คือ คุณยายธี ศิลปินมากประสบการณ์แห่งเมืองฮัมบวร์ก บล็อกเกอร์โกทูโนว์ ซึ่งเธอเคยชวนไว้ แต่ธรรมะไม่ได้จัดสรรเวลาให้พ้องกันครั้งนี้ เลยไม่อยู่ในเส้นทางและไม่ได้พบกันในแดนไกล

เมื่อตัดสินใจไปเที่ยวเยอรมนีเมื่อต้นปี 2013 ราวเดือนเมษายนที่อากาศน่าจะไม่ค่อยหนาวแล้ว แม้จะไม่ใช่ช่วงที่สวยที่สุด แถมยังเป็นปีที่ยุโรปหนาวเนิ่นนาน แต่ก็สะดวกสำหรับผู้ที่จะร่วมเดินทางไปด้วยกัน และยังได้อาศัยบารมีคุณดำรง พุฒตาล กับคนข้างกายที่ทำให้รู้จักครอบครัวคนไทยอัธยาศัยน่ารัก และครอบครัวคนเยอรมันที่ชอบคนไทย ทั้งสองครอบครัวกับครอบครัวคุณดำรงสนิทสนมไปมาเยี่ยมเยียนซึ่งกันและกันหลายครั้ง เมื่อเขามาเมืองไทย คนข้างกายได้ช่วยจัดบรรยากาศต้อนรับอลังการ ผู้เขียนได้นำทัพเสริมนำอาหารฝีมือพี่น้อยมาสร้างความประทับใจ

เมื่อทราบว่าผู้เขียนมีแผนที่จะไปเที่ยวเยอรมนี เขาจึงเชื้อเชิญให้ไปเที่ยวเมือง Friedrichshafen เขียนยาก ออกเสียงว่า ฟรีดิชฮาเฟิน แน่นอนว่าการต้อนรับ ทั้งสองครอบครัว "จัดเต็ม" ให้เรา เพราะสายสัมพันธ์ที่เชื่อมมาจากคุณดำรง พุฒตาล เรียกว่าได้อาศัยใบบุญนั่นเอง

ขอถือโอกาสขอบคุณ คุณดำรง พุฒตาล คนข้างกายและบริวาร ส่งบุญให้เราได้รับการดูแลจากครอบครัวคุณลี-คุณกัลญา แห่งร้านอาหารไทย Bangkok ริมทะเลสาบ Constance หรือที่คนเยอรมันนิยมเรียกว่า Bodensee ซึ่งเราได้พักอยู่อย่างอบอุ่นและอิ่มท้องด้วยอาหารไทย และ คุณ บาบาร่า-คุณหมออูลี่ ซึ่งคุณบาบาร่าเป็นเจ้าของโรงแรมทันสมัย City Krone ในเมืองฟรีดิชฮาเฟิน และเปิดห้อง Zeppelin Suite ชั้นบนสุดให้เราพัก

ทั้งสองครอบครัวดูแลเราอย่างดีตลอดห้าวันที่เขาต้อนรับเราในดินแดนเยอรมนี แถมยังพาข้ามแดนไปเที่ยวซูริค สวิตเซอร์แลนด์ ไปพักกระท่อมน่ารักบนเขาที่เมือง Bodele เขตออสเตรีย ไปเที่ยวชมความงามธรรมชาติ บ้านเรือน บนเทือกเขาแห่ง Bregenzwald ทันได้สัมผัสหิมะบนเขาสูง

Bodele ประเทศออสเตรีย อยู่ในเขตBregenzwald อุดมไปด้วยป่าไม้ เทือกเขา


ขอขอบคุณกัลยาณมิตรแดนไกลทั้งสองครอบครัว...

ไปไหน ไปกัน

ทริปนี้เมื่อสองปีมาแล้วค่ะ (กว่าจะได้ฤกษ์มาลงแบ่งปันเรื่องราว) 8 เมษายน – 2 พฤษภาคม 2013 รวมแล้ว 24 วัน วางแผนเก็บเงินและเส้นทางกันอย่างตั้งใจให้คุ้มค่าที่สุดค่ะ

ตามแผน เวลาส่วนใหญ่จะอยู่แถว เยอรมนีตอนใต้ใช้ มิวนิค เป็นศูนย์กลาง ไปเมือง Friedrichshafen-ฟรีดิชฮาเฟิน/ Berlin-เบอร์ลิน/ Wurzburg-เวอร์ซบูร์ก/ Fussen-ฟุสเซิน (สองเมืองหลังนี้อยู่ในเส้นทาง Romantic Road)

วางเส้นทางไปถึง Prague-ปราก และ Cesky Krumlov-เซสกี้ครุมลอฟ แห่ง สาธารณรัฐเชค และ

เข้า ออสเตรีย แวะเมือง Halstatt-ฮัลสตัดท์ ไข่มุกแห่งเทือกเขาแอลป์ และ Salzburgซาลสเบิร์ก แล้วย้อนกลับเข้าเยอรมนี เดินทางกลับเมืองไทยจาก มิวนิค มาทางไหน ก็กลับไปทางนั้นค่ะ

จากสุวรรณภูมิเครื่องเราสายการบินเอธิฮัด แวะเปลี่ยนเครื่องที่ สนามบินอาบูดาบี สนามบินเล็กๆ ห้องพักรอขึ้นเครื่องเล็กมากจนล้น แต่ของปลอดภาษีราคาน่าซื้อ ผู้ร่วมทางบอกว่าถูกกว่าที่อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถูกกว่าสุวรรณภูมิ

ใช้เวลาบินรวมพักรอเปลี่ยนเครื่องราวๆ 13 ชั่วโมง ถึงมิวนิคเช้า เห็นฝนกำลังตกและเขาประกาศบนเครื่องว่าขณะนั้นอุณหภูมิ 3 องศาเซลเซียส แต่พอบ่ายกลายเป็นใกล้ๆ20 องศาได้ และอุ่นขึ้นทุกวัน

เราพักนอนมิวนิคให้หายเหนื่อยคืนหนึ่ง ยังไม่คิดเที่ยวในมิวนิค เก็บไว้เที่ยวก่อนกลับ

  • Friedrichshafen-ฟรีดิชฮาเฟิน

จะเป็นเมืองแรกที่เราเที่ยวอย่างเป็นทางการ คือ เที่ยวจริงๆ

ผู้เขียนจะไม่พาท่านไปทุกที่ตามแผนหรือโปรแกรมที่วางไว้ แต่จะขอเล่าถึงการเที่ยวสบายๆที่มี ฟรีดิชฮาเฟิน เป็นฐาน รู้สึกตื่นเต้นมากเพราะเมื่อค้นข้อมูลพบว่าเมืองนี้เป็นเมืองสำคัญและสวยงามน่าท่องเที่ยวและยังสามารถเดินทางด้วยรถบัสหรือเรือไปเมืองอื่นๆรอบทะเลสาบได้อีก

ฟรีดิชฮาเฟิน อยู่ห่างจากมิวนิคไปเพียง 166 กิโลเมตรแต่อยู่กันคนละเขตรัฐ ที่เรียกว่า Federal State จากมิวนิค-ของเขตุ Bayern หรือ Bavaria เรานั่งรถไฟข้ามไปสู่รัฐ Baden-Württembergไปยังเมือง อูล์ม-Ulm เพื่อเปลี่ยนรถไฟต่อไปยัง ฟรีดิชฮาเฟิน

แต่ทว่าคุณลีและคุณกัลญา แสนเอื้อเฟื้อบอกว่าจะมารับ เจอกันคนละครึ่งทาง ให้รออยู่ที่สถานีรถไฟเมืองอูล์ม- Ulm เราเลยมีโอกาสได้ชมโบสถ์ที่สูงที่สุดของเยอรมันที่นี่

วิหารแห่งเมืองอูล์ม

ข้อมูลท่องเที่ยวบอกว่า ฟรีดิชฮาเฟิน เป็นเมืองที่สร้างขึ้นใหม่เกือบทั้งหมดหลังจากราบเป็นหน้ากลองจากการถูกทิ้งระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่2

แม้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ เขาก็สร้างจากรากประวัติศาสตร์วัฒนธรรมเดิม น่าชื่นชม ไม่ใช่เมืองใหม่แบบไร้ราก มีสนามบิน มีสถานีรถไฟใหญ่ มีพิพิธภัณฑ์หลายแห่งที่ไม่ควรพลาดคือ พิพิธภัณฑ์เรือเหาะ Zeppelin Museum ซึ่งอยู่ใกล้ท่าเรือ

เขาออกแบบและสร้างระเบียบร่วมกันให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ น่ามาเที่ยว

ส่วนของเมืองติดริมทะเลสาบนั้นทำเป็นทางยาวมาก เรียกว่าเป็นหนึ่งในบรรดาเมืองรอบทะเลสาบที่มีทางเดินเล่นริมทะเลสาบยาวที่สุดเพื่อให้เดินเที่ยว (promenade) ไม่มีรถยนต์วิ่งบนทางเดินเพลินใจนี้ รถวิ่งตามทางนี้ได้เวลาจำกัดช่วงเช้ามากๆ หรือดึกแล้ว มีแต่จักรยานและคนเดิน มีร้านรวงสวยงามและร้านอาหารให้เลือกเติมพลังทั้งเยอรมัน อิตาเลียน และไทย

ที่ชอบมากคือมีร้านไอศกรีมอร่อยโดนใจ ที่ได้ซื้อเดินทานกันแทบทุกวัน


โบสถ์ Schlosskirche (palace church) ซึ่งมียอดโดมสูงถึง 55 เมตร ซึ่งสร้างขึ้นใหม่ทดแทนของเดิมที่พังจากระเบิด สวยงามเป็นจุดเด่นสำคัญของเมืองฟรีดิชฮาเฟิน ห้องพักผู้เขียนที่บ้านคุณลีและคุณกัลญา ได้มองเห็นโบสถ์นี้ที่เป็นแท่งสูงคู่เห็นไกลๆน่ะค่ะ เป็นวิวสุดยอดมาก


  • ฟรีดิชฮาเฟินและ Bodensee

จากแผนที่หน้า Information Office จะเห็นรูปร่างทะเลสาบ Bodensee ชัดเจน ฟรีดิชฮาเฟิน อยู่ค่อนไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของทะเลสาบ และอยู่แทบจะตรงส่วนที่กว้างที่สุดของ Lake Constance หรือ Bodensee มีเมืองน้อยใหญ่ของสามประเทศอยู่รอบทะเลสาบ

จากริมทะเลสาบจะมองเห็นเมืองของออสเตรีย และ สวิตเซอร์แลนด์ พูดง่ายๆ แค่เที่ยวรอบทะเลสาบก็ได้เที่ยว 3 ประเทศเลยทีเดียว หากวันอากาศดี ฟ้าใส จะมองเห็นเทือกเขาแอลป์อีกฟากทำให้ไอศกรีมอร่อยขึ้นอีกเป็นกอง

เมืองนี้เป็นเมืองตากอากาศ หน้าร้อนจะคนแน่นมาก คุณลี-คุณกัลญาบอกว่า คนสวิสก็ชอบข้ามเรือมาทานอาหาร ที่ฟากเยอรมันโดยเฉพาะที่นี่ เพราะค่าครองชีพถูกกว่าฝั่งสวิสมาก ราคาของว่างชากาแฟ เค้กอร่อยๆ หนึ่งมื้อที่ฝั่งสวิส หากมาทานฝั่งนี้ ทานได้เกือบ 3 มื้อ !

มารู้จัก Bodensee กันสักนิด ทะเลสาบนี้อายุราว 15,000 ปี น้ำใส สะอาด เป็นน้ำมาจากหิมะละลายบนเทือกเขาแอลป์ มีสัตว์น้ำอุดมสมบูรณ์ และรอบๆทะเลสาบความยาวรวม 273 กิโลเมตร ยังเป็นที่ทำการเกษตร ทำให้แถบนี้เลื่องชื่อในการผลิตผักและผลไม้คุณภาพดี ทั้งองุ่น (ทำไวน์) แอปเปิ้ล เชอรี่ หน่อไม้ฝรั่งทั้งแบบสีเขียวและสีขาว ภาพอาหารข้างบนเห็นแอสพารากัสขาวต้นฤดูอวบอ้วนมากค่ะ นำมาทำแกงเขียวหวานแบบไทยก็อร่อยล้ำ

ทะเลสาบ Bodensee ส่วนที่กว้างที่สุด กว้าง 14 กิโลเมตร ยาว 63 กิโลเมตร คำนวณเป็นพื้นที่ได้ 536 ตารางกิโลเมตร เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่เป็นอันดับสามของยุโรปตอนกลาง น้ำจืดปริมาณมหาศาลเป็นแหล่งผลิตน้ำดื่มให้แก่เมืองต่างๆแถบนี้ของเยอรมัน

นอกจากเรือโดยสารท่องเที่ยว ยังมีเรือเฟอรรี่สำหรับนำรถยนต์ข้ามฟากไปสวิตเซอร์แลนด์ ที่เมือง Friedrichshafen, Konstanz และ Meersburg ไปยัง เมือง Romanshorn ใน ประเทศสวิสเซอร์แลนด์

ชมความงามเมืองต่างๆที่ได้ไปแวะรอบทะเลสาบ Bodensee นี้ พอให้สำราญใจนะคะ

  • Lindau (ประเทศเยอรมนี)


  • Meersberg (ประเทศเยอรมนี)


  • Steine am Rhein (ประเทศสวิตเซอร์แลนด์)


  • Rhine Fall (ประเทศสวิตเซอร์แลนด์)



ภาพเหล่านี้คงพอช่วยทำให้เพลิดเพลินคลายร้อนลงได้บ้างนะคะ.

หมายเลขบันทึก: 588504เขียนเมื่อ 5 เมษายน 2015 17:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 เมษายน 2015 17:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

ขอบคุณนะคะที่เขียนเล่าซะจนอยากไปอีกสักครั้ง เพราะยังไม่ได้เจาะลึกสถานที่ประวัติศาสตร์ ww2 เลยค่ะ

เห็นด้วยนะคะว่าเดินทางในเยอรมันสดวกมาก รถบัสระหว่างเมืองตรงเวลา ขับดี นั่งสบายใจ

มีตอนต่อไปมั๊ยคะ รออ่านค่ะ

สวยงาม จับตา ครับ พี่นุช ;)...

สวัสดีค่ะพี่ ดร.นุช ได้เรียนรู้ไปกับการเล่าที่น่าติดตาม ได้เห็นเมืองในประเทศเยอรมันและบ้านเมืองทางตะวันตกดั่งเช่นในหนังเลยนะคะ ทิวทัศน์ริมทะเลสวยมากค่ะ....อยากชิมไอศกรีมเนาะ..เห็นอยู่ในตู้ช่างน่าชิมทุกวันจริงๆ

น่าตามอาจารย์นุชไปเที่ยวบ้างนะคะ บ้านเมืองสวยงามมาก

ชอบ Rhine fall ครับ สวยมาก

Rinde ก็น่าสนใจ

น้ำใสมากดูรื่นรมดี

ขอบคุณมากครับ

ภาพและการเล่าเรื่องของพี่นุช เอาลงคู่สร้างคู่สมได้สบายได้เลยนะค่ะ ^^

อยากไปตรงที่บอก มีรถสาธารณะสารพัด ให้เลือกขึ้น น่าผจญภัยสนุกค่

พี่นุชครับ

สบายดีไหมครับ

หายไปนานมาก

คิดถึงๆๆ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท