เคยคิดไหม..ในทศวรรษนี้เราทุ่มงบเพื่อการศึกษาไปแล้วกี่แสนล้าน เรียนฟรี มีนักการศึกษาเก่งๆมากมาย และด๊อกเตอร์เต็มบ้านเต็มเมือง หลายคนโทษนโยบาย และโทษผู้บริหารระดับสูง แต่ก็ยังดีที่ไม่กล่าวโทษว่างบประมาณน้อยเกินไป
แต่อย่าลืมนะครับ
ทุกภาคส่วนทุ่มเทให้กับงานพัฒนาการศึกษา ที่มองเห็นความเข้มข้นมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน
แล้วเหตุใด....การศึกษาถึง
เน่าได้มากมายถึงเพียงนี้
<?xml:namespace prefix = o />
มองในประเด็นเดียวครับ
คือมีเด็ก
ที่ยังอ่านไม่ออก เขียนไม่คล่อง ตามสมควรแก่วัยนับแสนคน
เป็นข้อมูลที่ได้จากการประเมินทุกปีและสำรวจจากทั่วประเทศ
ซึ่งหัวใจของปัญหาอยู่ที่....
เด็กต่างจังหวัด
สิ่งที่ผมจะบอกต่อไปนี้..คือเรื่องจริงในพื้นที่
เคยมีนักวิจัยทางการแพทย์พูดถึง แต่ไม่แพร่หลาย เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ
การศึกษาขั้นพื้นฐานโดยตรง
ถ้ารัฐบาลไม่รีบป้องกันแก้ไข สื่อมวลชนไม่ช่วยประชาสัมพันธ์
บ้านเมืองเราไปไม่รอด..ไม่ว่าเราจะประเมินด้วยเครื่องมือใดก็ตาม
เรื่องมีอยู่ว่า...มีนักเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เป็นจำนวนมากที่มีทั้งเรียนจบและเรียนไม่จบ แต่ไม่ได้ไปต่อ
มีทั้งกรณีใจแตกและเรียนไม่ไหว ไม่ได้ไปไหนต่างจับคู่กันด้วยวัยยังไม่ถึง ๑๘ ปี
วุฒิภาวะทางอารมณ์และสมอง ตลอดจนความรับผิดชอบชั่วดี ยังเติบโตไม่เต็มที่
แต่มีลูกได้ แล้ววันหนึ่งลูกของเขาก็โตขึ้นแล้วเข้าโรงเรียน บางครอบครัวไม่ทันโต
พ่อแม่แยกกัน ทิ้งให้ปู่ย่าตายายเลี้ยง
เป็นปัญหาทางสังคมและส่งผลกระทบต่อการเรียนของลูก....ท้ายที่สุดเป็น
ปัญหาของครู..และการศึกษาทั้งระบบ
คุณครูทุกวันนี้
บ่นเป็นเสียงเดียวกัน..ว่าเด็กสมัยนี้สอนยาก...จะไม่ยากได้อย่างไร..ในเมื่อพันธุกรรมไม่ได้รับการพัฒนาเลย
ยีนของพ่อแม่ที่ผสมกันถูกถ่ายทอดทางสายเลือด มีแต่ระดับปลายแถว..เนื่องจากสังคมชนบท
จับคู่กันง่าย ไม่ได้ข้ามสายพันธุ์ หรือพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ไม่สมบูรณ์ทั้งคู่
มีมากมายที่เป็น
ญาติพี่น้องกัน นามสกุลต่างกัน ก็จริง แต่พอสืบลึกลงไป
ต้นตระกูลไม่ได้ห่างกันเลย จึงกลายพันธุ์เห็นๆ...ทางการแพทย์บอกว่า
มีผลลบมากกว่าผลบวกแน่นอน
การแต่งงานกันกับคนรักในหมู่บ้านเดียวกัน
ตำบลเดียวกัน..มีปัญหาฯลฯคล้ายกัน และยากจนเหมือนกัน
ผลผลิตของชุมชนและการศึกษาจึงต่ำลงอยู่เรื่อยๆ ครูจึงต้องรับภาระ
ในการสร้างสรรค์เด็กที่มีแต่ไอคิวต่ำและความรู้ความจำมีปัญหาอยู่ตลอด...จะเป็นอย่างนี้อีกนานเท่านาน..ถ้าไม่รีบแก้ไข
ดังนั้น..ผมคิดว่าถ้าจะปฏิรูปการศึกษากันอย่างจริงจัง..ลองหันมาปฏิรูปสังคมไทย….ไปพร้อมๆกันด้วย…จะดีไหม ชยันต์ เพชรศรีจันทร์ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ </p>
</font></strong></o:p></font></span>
ตามมา...ให้กำลังใจ นะคะ .... ผอ. สู้ๆๆ ะคะ
มาเคาะๆๆอิอิ...(น่าจะเหมียนกันทั้งประเทศ..มานานแล้ว..ถ้าจะว่า..กันไป...เรามาจาก..สังคมทาส..เมื่อไม่นานมานี้เอง..แค่ประกาศเลิกเป็นทางการ..แต่..สันหลังส่วนใหญ่..ยังต้องอยู่ในระบบต่อไป..อิอิ)
เป็นไปได้ว่าในชนบทเมื่อสืบความไปลึกๆพบว่าเป็นญาติกัน
เพราะอยู่แถวหมู่บ้านเดียวกันมาตั้งรกรากเหมือนกันตอนแรก
ขอให้ ผอ มีความสุขกับการทำงานครับ
เห็นด้วยกับผอ.ครับ นี่คือสิ่งที่ผมอยากให้เราคนไทยกระตุ้นคนไทยกันเอง มิใช่ไปข่มขืนสมองคนไทยว่า เราเก่ง เรามีเด็กเก่ง ชนะโน่น ชนะนี่ เราเป็นระดับสากลหรือเป็นสมาชิกเออีซีแล้ว และเราควรจะมองตนเองว่า มียีนด้อยหรือเด่น อะไรบ้าง โดยเฉพาะเราอ่อนแอด้านความคิด วิเคราะห์ ประเมิน แต่กลับไหลตามสังคม สนองตนตามข้อเสนอของนักธุรกิจ ฯ
การคิด การมองเช่นนี้คือ การยกระดับตนให้ดำเนินไปอยู่เรื่อยๆ มิใช่หยุดชื่นชมตนจนเพลิน เราเหลิงกับความสุข สบายในแผ่นดินที่อุดมนี้หรือไม่ จนปล่อยให้ต่างชาติมาแสวงหาประโยชน์เต็มไปหมด ในขณะคนไทยที่ร่ำรวยฝังอยู่อยู่เมืองนอกอย่างสบายใจ
ว่าไปแล้วมันกระทบถึงระบบโครงสร้างทางสังคมและระบบนิเวศไปด้วย และที่กระทบอย่างยิ่งคือ ระดับปัญญา คิดวางแผนระยะไกลครับ เมื่อมองในมุมกว้างๆ มันก็ห่างในแง่ปัจเจกบุคคล เพราะมันขาดการเชื่อมโยงกัน และขาดจิตสำนึกต่อชาติบ้านเมือง ท้องถิ่นตนเองด้วย
เราจะล้าหลังเพื่อนบ้านเราแน่นอนหากเรายังติดหล่ม จมสบาย เรียกร้องหาอิสระ อยากสนุกสนาน และปล่อยปละปัญหา จนขาดความรับผิดชอบในพฤติกรรมของตนต่อประเทศชาติ ธรรมชาติและชื่อเสียงของไทย เราควรรู้เวียดนาม เขมร พม่า และลาว ที่พวกเราถูกปกครอง และถูกกดขี่มาก่อนเราชื่นชมตัวเองและก้าวไกลไปอย่างไร และสำนึกในเชื้อชาติบ้านเมือง ที่เป็นรากเหง้าตน
ขอให้ผอ. สะท้อนปัญหาเหล่านี้ให้ผู้คนรับรู้ครับ จะได้ไม่หลงตนว่า เราพัฒนาหรือเจริญแล้ว (จริงหรือ???) ขอบคุณครับ