วัฒนธรรมการเรียนรู้ : ศีลธรรมไม่กลับมา...โลกาวินาศ


คนสมัยนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ

ฝนตกลงมาเย็นชื่นฉ่ำใจขณะมาถึงเกาะยอ...ทราบว่าวันนี้จะมีคณะบุคคลมาขอใช้ห้องเรียน ป. เอก สาขาวัฒนธรรมศึกษา...เพื่อจัดการประชุม...ในช่วงบ่าย...

ผมจึงให้ผู้เกี่ยวข้องประสานงานโดยตรงกับทางงานอาคารสถานที่...เมื่อขึ้นสู่บนยอดเขาแล้วมองดูฟ้ายังมีเมฆฝนอยู่มากผมจึงจอดรถกลางลานกว้างเสียเลยเพื่อให้ฝนชำละล้างรถให้อีกแรง...ฮา ๆ เอิก ๆ...

ช่วงเช้าฟังข่าวสารแล้วเกิดมุมคิดว่า...คนสมัยนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ...เมื่อจิตใจไร้ศีลธรรมแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ทั่วไป...โดยเฉพาะคนขาดเรื่องศีล 5 ข้อ การตั้งวงกินเหล้าเมาแล้วเสียสติ...เสียสตางค์...เสียเพื่อน...เสียการงานคือเสียภาวะความเป็นคนไปในที่สุด...

อันที่จริงแล้วสภาพกระแสจิตมักจะไหลลงสู่ที่ต่ำเสมออยู่แล้ว...ยิ่งถ้าไม่ฝึกไม่พัฒนาจิตใจของตนในแต่ละขณะจิต...ก็จะไปกันใหญ่คือมันจะไหลไปสู่ทางเสื่อมได้ง่ายมาก...

ดังนั้นหลัก พุทธธรรมจึงสอนให้เราได้คิดว่า...ผู้ใดจักระวังจิตของตนอยู่เสมอผู้นั้นจักพ้นจากบ่วงแห่งมาร ( ทางเสื่อม )...

หรือคุณมีความเห็นเป็นอย่างไรครับ...

หมายเลขบันทึก: 58078เขียนเมื่อ 9 พฤศจิกายน 2006 09:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 มิถุนายน 2012 15:42 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)
  • ผู้ใดจักระวังจิตของตนอยู่เสมอผู้นั้นจักพ้นจากบ่วงแห่งมาร ( ทางเสื่อม )... ขอบคุณค่ะ
  • ที่เกาะยอฝนยังตกอยู่เหรอคะอาจารย์ 

สาธุ สาธุ สาธุ

อาจารย์คะ..รู้สึกเย็นๆ เหมือนฝนจะตกระเหยออกมาจากบันทึกเลยค่ะ...

เมื่อสักครู่ให้ความเห็นไว้ยาวมากเลย...

แต่หลุดคะ...เลยเข้ามาพยายามใหม่อีกครั้งคะ...

...

กะปุ๋มค่อนข้างจะให้ความสำคัญ...เรื่องของความดี

และยึดมั่นในศีลธรรมคะ...

มีหลายครั้งหลายครา...ที่พลาดไปทำผิดโดยไม่รู้ตัว...และรีบแก้ไข...

และที่รุนแรงสุดก็เพิ่งผ่านมาได้ไม่นาน...ไม่ถึงปี พอรู้ก็รีบหาทางแก้ไข..ไม่พยายามตกไปในบ่วงกรรมนั้นคะ...แต่รู้สึกสงสารในบุคคลหลายๆ คน...ที่มองเห็นกงจักรเป็นดอกบัว...มองเห็นผิดเป็นชอบ...และตั้งมั่นที่จะทำผิดนั้นเป็นถูกให้ได้...เพียงเพราะตามรอยอารมณ์และกิเลสที่มีอยู่...

...

ขอบคุณมากนะคะสำหรับบันทึกนี้

ช่าวเตือนสติได้ดีมากเลยคะ

(^__^)

กะปุ๋ม

สวัสดีครับ  คุณอ้อ

ผมอ่านบันทึกของคุณแล้วต้องเดินไปที่ระเบียงมองออกไปผ่านยอดไม้ทะลุออกไปทางทะเลสาบด้านอ่าวไทย...ซึ่งเห็นเขาแดงอีกลูกหนึ่งบังไว้ก่อนถึงทะเลใหญ่...

ฝนพึ่งหยุดไปครับ...แต่ยังมีรอยชุ่มชื้นแฉะ...หมู่แมกไม้ยิ้มเริงร่า

อิ่มกับน้ำฝนอยู่เลยครับ...

แสดงว่าฝนยังจะมาเยือนอีกในช่วงบ่ายแก่ ๆ...

ขอบคุณครับ

จาก...umi

สวัสดีครับ  คุณจันทรรัตน์

ขอชื่นชมคุณที่สัมผัสสิ่งที่เป็นนามธรรมเหล่านี้ได้ครับ

ธรรมดาตาน้ำ...ไม่ว่าจะอยู่ภาคไหน...ถ้าเราขุดลงไปถึง...

ก็จะเห็นตาน้ำ...ทางน้ำไหล...เช่นกันครับ

ขอบคุณครับ

จาก...umi

สวัสดีครับ  คุณกะปุ๋ม

ผมยังคิดว่า...ความดีคงไหลไปหาความดี...คนดีก็คงไปหาคนดี...

คนมีธรรมก็คงไปหาคนมีธรรม...แม้สุนัขจิ้งจอกสวมหนังแกละ

เพื่อเข้าไปในฝูงแกละ...ก็ยังทำให้ฝูงแกละรู้ได้...

สิ่งที่จริงก็คือสิ่งที่จริง...สิ่งที่ปลอมก็คือสิ่งที่ปลอม...

ความมีศักดิ์ศรีของมนุษย์ก็อยู่ที่สัญญาใจ...ที่ให้ใว้แก่กัน...

ดังนั้น...ใจจึงเป็นหัวหน้า...ในทุกสิ่ง...ครับ

เมื่อใจมีศีลธรรมแล้ว...ความร่มเย็นก็เกิดมีกับคนนั้นแน่ ๆ

ถ้าได้คบกับบัณฑิตทางธรรมไม่ใช่คนจบปริญญาแล้วเรียกเป็นบัณฑิต...เราน่าจะเห็นดอกบัวเป็นปริศนาธรรมได้นะครับ...

คือ  ดอกบัวเกิดจากโคลนตม...น้ำ...แต่พ้นทั้งโคลนตมและน้ำ

ได้...สะอาดสดใส...นะครับ

ขอบคุณครับที่มาเติมเต็มต่อยอดแนวคิดที่ดี...

จาก...umi

 

ท่าน umi คะ...

บันทึกนี้ของอาจารย์สะกิดใจกะปุ๋มให้ทบทวนบางเรื่องได้ดีเยี่ยมมากเลยคะ...บางครั้งคนสองคนที่ไม่เคยรู้จักกันได้มาเจอกัน...ด้วยศีลที่มีอยู่หรืออาจผูกด้วยกรรมบางอย่าง...แต่ ณ วันหนึ่งก็หลุดออกจากกันไปได้อย่างง่ายดาย... เพราะความเสมอแห่งศีล..ที่เบี่ยงเบนไป ไม่เท่ากัน...และต่างก็หลุดไปอยู่ในกลุ่มคนที่มีศีลเสมอกัน...ต่างวิถีกันไป...

...

ย้อนมอง..ก็ทำให้ อืม!!...ครุ่นคิดเรื่องนี้ได้ดียิ่ง...

บุคคลนั้น...ก็ไปปะปนอยู่กับคนที่มีทัศนะต่อชีวิตใกล้เคียงตน...ส่วนเราก็ไปปะปนอยู่กับคนที่มีทัศนะ...กล้ายคลึงกัน...ต่างวิถีกันไป...กะปุ๋มมานึกว่าคำสอนต่างๆ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า..นี้ช่างดีและวิเศษอย่างยิ่งคะ...ทำให้เข้าใจในความจริงที่ละเอียดขึ้น...ทุกวัน ...เกี่ยวกับเรื่อง "มนุษย์"....

...

หากคิดอะไรได้เพิ่มอีก...เดี๋ยวเข้ามาคุยใหม่นะคะ

(^___^)

กะปุ๋ม

สวัสดีครับ  คุณกะปุ๋ม

เป็นธรรมดาว่า...ยิ่งเรียนก็ยิ่งรู้...ยิ่งดูก็ยิ่งเห็น...ยิ่งทำก็ยิ่งเป็น...

คนสองคนกว่าจะมาเจอกันได้ไม่ใช่ธรรมดานะครับ...

แต่ถ้าใช่...ก็คือใช่...ถ้าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่...มันเป็นสิ่งคู่กันไป...

คู่บุญ...คู่กรรม...คู่กัด...คู่เก่า...ถ้าไม่ใช่คู่กันแล้วก็แคล้วกันไป

ตามยถากรรม...ดังนั้น...พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนคนให้ฝึกจิตใจที่วุ่น ๆอยู่นั้น...ให้กลายเป็นจิตใจที่ว่าง...จึงเรียกว่า...อะระหะโต

แปลว่า...ผู้ห่างไกลจากความวุ่นทั้งหลาย...ถ้าผู้นั้นจิตว่างแล้วเบาสบายครับ...ฮา ๆ เอิก ๆ...

ขอบคุณสำหรับแนวคิดคุณกะปุ๋มที่มาต่อเติม...ทำให้ผมได้แง่คิดเพิ่มอีกครับ...

จาก...umi

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท