สมัยยังเด็กเรียนหนังสือได้เรียนรู้มาว่า โรคมีอยู่ 2 ชนิด คือโรคที่เกิดเกี่ยวกับทางกาย และ โรคที่เกี่ยวกับทางจิต ที่อาจจะทั้งเกี่ยวข้องกันและไม่เกี่ยวข้องกันก็ได้ ดังนั้น
"..โรคทางจิตเป็นเหตุให้เกิดโรคทางกาย..และโรคทางกายบางครั้งก็อาจทำให้เกิดโรคทางจิต..."
แต่มาวันนี้อิชั้นได้รู้จักคำอีกคำหนึ่งคือโรคทางจิตวิญญาณ เอ๊...แล้วเป็นอย่างไรเนี่ย
โรคทางจิต คือ จิตไม่สมประกอบ ฟุ้งซ่าน บ้าบอ ต้องไปหาโรงพยาบาลประสาท หรือโรงพยาบาลโรคจิตรักษาถึงจะหาย
แต่ถ้าเป็นโรคทางวิญญาณ ซึ่งเป็นโรคทางสติปัญญาแล้ว จะต้องไปรักษาที่ไหนกันล่ะ ...แต่..อ๊ะ... อ๊ะ..อิชั้นยังไม่เฉลย โปรดติดตามต่อก่อนนะจ๊ะ
ก่อนที่จะรู้ว่าโรคทางจิตวิญญาณรักษาด้วยวิธีไหน เรามาแยกแยะ..ยกตังอย่างให้รู้ชัด ๆ ก่อนว่าอะไรคือโรคทางจิต และอะไรคือโรคทางวิญญาณ
ตังอย่างเช่น คนที่มีความรัก ต่อมาผิดหวังจากความรักจนรู้สึกฟั่นเฟือน ทำอะไรไม่รู้ตัว ฟุ้งซ่าน บ้า ๆ บอๆ อย่างนี้เป็น...เป็น..เป็น..โรคจิตนะ
แต่ถ้าเป็นทางเกี่ยวกับสติปัญญา อย่างเช่นรู้แล้วว่าเขาไม่รักตัวเอง แต่ก็ยังคิดถึงเขา คลั่งไคล้ไหลหลง คิดถึงแต่หน้าเขาอย่างเดียว ไม่เป็นอันกินอันนอน อย่างนี้ก็จะเป็นโรคทางวิญญาณ ซึ่งต้องรักษาด้วย ...เฉลย ...แอ่น...แอ๊น...การไปโรงพยาบาลของพระพุทธเจ้า คือ ธรรมะ นั่นเอง
การรักษาโรคทางวิญญาณด้วยการใช้ธรรมะแล้วยังมียาสูตรเด็ดของท่านพุทธทาสเรียกว่า "ยาแก้โรคทางวิญญาณ" ซึ่งมีตัวยาหรือเครื่องยาเด็ด ดังนี้
ต้น "ไม่รู้ไม่ชี้" นี่เอาเปลือก
ต้น "ช่างหัวมัน" นั้นเลือก เอาแก่นแข็ง
"อย่างนั้นเอง" เอาแต่ราก ฤทธิ์มันแรง
ต้น "ไม่มีกู ของกู" นี้แสวง เอาแต่ใบ
ต้น "ไม่เอาน่า ไม่น่าเป็น" เฟ้นเอาดอก
"ตายก่อนตาย" เลือกออก ลูกใหญ่ ๆ
หกอย่างนี้ อย่างละชั่ง ตั้งเกณฑ์ไว้
"ดับไม่เหลือ" สิ่งสุดท้าย ใช้เมล็ดมัน
หนักหกชั่ง เท่ากับ ยาทั้งหลาย
เคล้ากันไป เสกคาถา ที่อาถรรพ์
"สัพเพ ธัมมานาลัง อภินิเวสาย" อัน
เป็นธรรมชั้น หฤทัย ในพุทธนาม
จัดลงหม้อ ใส่น้ำ พอท่วมยา
เคี่ยวไฟกล้า เหลือได้ หนึ่งในสาม
หนึ่งช้อนชา สามเวลา พยายาม
กินเพื่อความ หมดสรรพโรค เป็นโลกอุดร
ยานี้ต้องการเครื่องยา 7 อย่าง คือ
1. เปลือกต้น "ไม่รู้ไม่ชี้"
2. แก่นต้น "ช่างหัวมัน"
3. รากของต้น "อย่างนั้นเอง"
4. ใบต้นที่ว่า"ไม่มีตัวกูของกู"
5. ดอกต้น "ไม่น่าเอาน่าเป็น"
6. ลูกต้น "ตายเสียก่อนตาย"
7. เมล็ดต้น " ดับไม่มีเหลือ"
ใส่หม้อต้ม กิน 3 เวลา ครั้งละหนึ่งช้อนชาเรื่อย ๆ ไป ก็จะหมดโรค หมดสรรพโรคเป็นโลกอุดรน่ะ อยู่เหนือโลก เหนือโลกที่เป็นโรค
แต่มีคนถามอิชั้นว่าแล้วเครื่องยา 7 อย่างนั้นจะไปหาซื้อได้ที่ไหนล่ะ ?
คำตอบสุดท้ายคือ....
เครื่องยาเหล่านี้คงไม่มีร้านไหนขายหรอกค่า..
....มันต้องหาในตัวคนน่ะ....
ในตัวคุณเองนั่นแหละ...ที่กาย วาจา ใจของคุณ ในชีวิตของคุณน่ะ ลองหาเครื่องยา 7 อย่างนี้ดูนะคะ
ชอบยาสูตรเด็ดนี้ค่ะ จะเอาไปใช้ และขออนุญาตเอาไปเผยแพร่ด้วยได้ไหมคะ
โรคทางจิตวิญญาณที่ว่า หมายถึง โรคของปัญญา ...ต้องแก้ด้วยปัญญา...เอาไปใช้ป้องกันโรคก่อนเป็นโรคได้ด้วยใช่ไหมคะ..(คิดๆไปคิดมา น่าจะใช้ได้ทั้ง ป้องกัน ปกป้องและรักษา รวมทั้งฟื้นฟูสภาพด้วยนะคะ)
คุณเล็กคะ
ครูอ้อยครับ ครูอ้อยต้องจัดยาเองครับ
.....................
พี่เล็ก ครับ
ปัจจุบันป่วยกันมากครับ ทั้งสองโรค และแต่ละคนก็มีทุนทำโอสถที่ต่างกัน
โรคของปัญญา(เกิดจากการขาดปัญญา หรือ ใช้ปัญญาในทางที่ผิด) คงต้องแก้ด้วยปัญญา
เห็นด้วยกับอาจารย์จันทรัตน์ครับ
คุณเล็กคะ
ยาสูตรนี้เด็ดสะระตี่ จริง ๆ อยากจะขอไปต้มให้คนที่เป็นโรคที่ทำงานจัง แต่ก่อนอื่นตัวเองขอกินน้ำยาอภัยก่อนละกันจะได้ปล่อยวางและมีจิตใจที่จะสู้ต่อนะคะ
ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ
ใช้สติกำกับกาย วาจา ใจ ในชีวิตประจำวัน จะช่วยให้อาการของโรคทุเลาเบาคลายได้ค่ะ ไม่ง่ายนัก แต่คิดว่าไม่เกินความพยายามของมนุษย์(ผู้มีจิตสูง)
พยายามฝึกอยู่ค่ะ
..................................