อาหารสมอง


คุณพ่อคุณแม่ทุกคน อยากให้ลูกเป็นคนดี คนเก่ง คนมีความสุข ตลอดจนดำเนินชีวิตมีคุณค่าต่อสังคมประเทศชาติในอนาคต เหมือนกันทุกๆคน

                    เมื่อวานนี้ 4  พย 49  ได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนมัธยมสาธิตมหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลก และฟังบรรยายพิเศษจาก พญ. ลลิตา    ธีระสิริ  หนึ่งในผู้ก่อตั้งศูนย์ธรรมชาติบำบัดบัลวี ในหัวข้อเรื่อง การพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กด้วยวิธีธรรมชาติ  ได้รับความรู้ มีประโยชน์ ทำให้มีพลังใจ อยากปฏิบัติตามคำแนะนำ และอยากถ่ายทอดให้คุณพ่อคุณแม่ที่ยังไม่เคยมีโอกาสได้ฟังอาจารย์บรรยาย หรือยังไม่เคยอ่านหนังสือที่อาจารย์เขียน

                     เริ่มแรก อาจารย์ก็บรรยายให้ความรู้เรื่องการเจริญของ cell สมอง  ให้เห็นถึงความสำคัญที่เราต้องดูแลรักษาสุขภาพ  ด้วยวิธีธรรมชาติบำบัด ใกล้ตัวเราที่สุด คือเรื่องอาหารหลักของสมอง มีวิธีง่ายๆ ดังนี้

 1 .  รับประทานข้าวกล้อง  งดของหวานและน้ำตาล

 2.  รับประทานอาหารประเภทโปรตีนในปริมาณพอดี

 3.   เพิ่ม ออกซิเจนให้สมอง เพื่อความคล่องตัว โดยการออกกำลังกาย

4 .  วิตามันบี วิตามินบี 6  โคอีน อินโนซินอล ได้จากข้าวกล้อง จมูกข้าวสาลี  กลุ่มนี้ช่วยสร้างสื่อนำประสาท

5.  กรดไขมันจำเป็น เพื่อสร้างฉนวนหุ้มเส้นประสาท  โดยกินปลา และสัตว์น้ำ กุ้งหอย ปูปลา ทั้งหลาย แหละค่ะ

 

ส่วนอาหารเสริมของสมอง อาจารย์ก็แนะนำให้รับประทานอาหาร ที่มีวิตามิน ดังนี้

  1. กลุ่มวิตามินบี และโคลีน
  2. กลุ่มอินโนซินอล ได้แก่ กะหล่ำ แคนตาลูป จมูกข้าวสาลี
  3. กลุ่มวิตามินซี ได้จากผักสด และผลไม้สด
 

นอกจากนี้ อาจารย์ยังแนะนำเรื่องธรรมชาติบำบัดเพิ่มสมรรถภาพสมอง โดย

  1. การอบซาวน่า การอบตัวสลับร้อนเย็น จะทำให้การหมุนเวียนเลือดดีขึ้น เลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้นด้วย
  2. การออกกำลังกายแบบเข้าจังหวะ
  3. การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  4. ดนตรีบำบัด
  5. กิจกรรมคลายเครียด เพื่อทำให้สมองโล่ง ข้อนี้อาจารย์บอกว่า ต้องไม่ใช่เล่นเกมส์คอมพิวเตอร์นะคะ
  6. บริหารสมอง เพื่อเพิ่มแขนงประสาท
 

การบริหารสมอง ก็ได้แก่

1.      การทำสิ่งซึ่งไม่เคยทำมาก่อน

2.      กิจกรรมนั้นควรมีลักษณะตรงข้ามกับสิ่งซึ่งเคยทำ เป็นกิจกรรมที่นอกเหนือจากการเรียนและกวดวิชา

3.      ต้องปลอดภัย

4.      ทำอย่างสบายๆ ต้องไม่เครียด เช่น การนับเลขถอยหลัง เดินถอยหลัง วาดรูป ดนตรี เต้นรำ เล่นปริศนาอักษรไขว้ ตีเทนนิส เรียนลูกคิด เป็นต้น

 

ส่วนการสร้างความสงบให้กับจิตใจเด็ก ได้แก่

-         ใช้เสียงเพลง

-         ใช้เสียงเพลงประกอบจินตนาการ

-         การสั่งจิตใต้สำนึก

-         การทำสมาธิ เช่น ชี่กง โยคะ การฝึกหายใจ

                   เป็นไงบ้าง  อ่านแล้วรู้สึกมีพลังใจขึ้นบ้างมั้ยคะ  คงไม่สามารถทำกันได้หมดทุกหัวข้อ  แต่เราเลือกสิ่งดีๆ ที่เราสามารถทำให้ลูกได้กันนะคะ เชื่อว่า คุณพ่อคุณแม่ทุกคน อยากให้ลูกเป็นคนดี คนเก่ง คนมีความสุข ตลอดจนดำเนินชีวิตมีคุณค่าต่อสังคมประเทศชาติในอนาคต เหมือนกันทุกๆคน แล้วอย่าลืมมาเล่าแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันนะคะ  
คำสำคัญ (Tags): #อาหารสมอง
หมายเลขบันทึก: 57299เขียนเมื่อ 5 พฤศจิกายน 2006 20:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:15 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
     เรื่องดีๆแบบนี้ผู้ใหญ่ก็น่าทำนะน้อย เราว่าไม่มีใครแก่เกินจะปรับตัวไปสู่สิ่งที่ดีกับชีวิตหรอกนะ เริ่มกันยังงัยดี ..... เปิดดนตรีเพราะๆในตึกที่ทำงานก่อนเลยดีมะ เอาดนตรีบำบัดนี่แหละเป็นเบื้องต้น
     โต้งว่าไม่เพียงแต่เป็นอาหารสมองเฉพาะลูกเท่านั้นนะน้อย แต่เป็นอาหารสมองสำหรับเราซึ่งเป็นพ่อแม่ด้วยแหละ ถ้าทำได้ก็น่าจะช่วยทำให้ผ่อนคลายคงไม่ต้องทำทุกข้อก็ได้ เลือกเฉพาะที่ชอบได้ปะ

เป็นเนื้อหาที่ดีและมีประโยชน์ต่อผู้อ่านมาก เห็นด้วยกับข้อคิดเห็นของอ.นิพัธและพี่โต้งว่า อาหารสมองไม่ใช่จำเป็นเฉพาะเด็กๆ แต่ยังมีความจำเป็นกับผู้ใหญ่ด้วย ถ้าปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง โอกาสการเป็นโรคสมองเสื่อมในวัยผู้สูงอายุก็จะน้อยลง นอกจากนี้อาหารเหล่านี้ยังช่วยให้เราสดชื่น ดีต่อสุขภาพ และสายตาแจ่มใสตลอดเวลา... เห็นชื่อวิทยากรที่มาบรรยาย อยากให้เชิญมาบรรยายที่รพ.พุทธชินราชมั้งจัง เพราะอาจารย์มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้เยอะมากจริงๆ เคยเขียนตำราไว้หลายเล่มอย่าง อาหารต้านมะเร็ง การบำบัดมะเร็งด้วยวิธีธรรมชาติ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท