ปัญหากฎหมาย ถ่ายลำ ผ่านแดน ที่กรมศุลกากรควรตระหนักต่อคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด
คดีหมายเลขแดงที่ อ.630/2556 ระหว่าง
บริษัท ไอโอนิค โลจิสติกส์ จำกัด ผู้ฟ้องคดี กรมศุลกากร ผู้ถูกฟ้องคดี
1.ความเป็นมาและสภาพปัญหา
ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดดังกล่าว ได้พิพากษายกฟ้องคดี โดยวินิจฉัยว่า การนำเข้าและการส่งออกตาม มาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรพ.ศ. 2522 หมายถึง การนำเข้าหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักไม่ว่าโดยวิธีการใด ซึ่งหมายความรวมถึง การขนส่งสินค้าโดยพิธีการถ่ายลำด้วย ประกอบกับตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว กำหนดให้นำกฎบทกฎหมายว่าด้วยศุลกากรมาใช้บังคับแก่การนำเข้าหรือส่งออกตามพระราชบัญญัตินี้ด้วย จึงถือว่าพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. 2522 เป็นกฎหมายอื่นเกี่ยวกับการศุลกากรตามมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2469ดังนั้น การขนถ่ายลำ หรือการขนส่งสินค้าผ่านแดนประเภทไม้ ไม้แปรรูปทุกชนิด จึงต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติศุลกากร ร่วมกับ พรบ.นำเข้าส่งออก 2522
เมื่อศาลปกครองสูงสุดตัดสินดังนี้ กรมศุลกากรมีความกังวลว่า แนวทางดังกล่าวจะขัดกับหลักความตกลงกฎหมายระหว่างประเทศ (อนุสัญญาเกียวโต ฉบับแก้ไข ที่มีหลักการว่า การขนส่งถ่ายลำ ผ่านแดน ไม่ถือเป็นการนำเข้าการส่งออก ให้ได้รับยกเว้นอากร)
2 ข้อพิจารณาต่อประเด็นปัญหาที่กรมศุลกากรควรหาแนวทางแก้ไขและควรตระหนัก
(1) กรมศุลกากรปฏิบัติพิธีการศุลกากรการขนส่งสินค้าผ่านแดน (Transit) และการถ่ายลำ (Transshipment)ตามข้อกำหนดแนวทางปฏิบัติตามหนังสือเวียนที่ กค 0503/ว 683 ลงวันที่ 14 สิงหาคม 2550 โดยไม่ถือเป็นการนำเข้าหรือส่งออกตามกฎหมายศุลกากร จึงไม่มีภาระในอันที่จะต้องเสียค่าภาษีอากร และไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เว้นแต่จะมีบทบัญญัติของกฎหมายบังคับไว้อย่างชัดแจ้งเป็นการเฉพาะว่าให้บังคับใช้รวมถึงของที่ขนส่งผ่านประเทศด้วย
ปัญหาและแนวทางคือ
- ความตกลงระหว่างประเทศ จะผูกพันรัฐ หน่วยงานรัฐ ก็ต่อเมื่อมีกฎหมายบัญญัติรองรับในเรื่องนั้นๆ ไว้แล้ว และหรือหากยังไม่มีกฎหมายในเรื่องนั้นๆ รองรับ หรือมีแต่ไม่ครอบคลุมหลักการที่เป็นการเฉพาะ เช่นธุรกรรมเฉพาะ หลักประกันผ่านแดนเฉพาะ การลงทะเบียนสิทธิผู้ประกอบการผ่านแดนเฉพาะแยกออกเป็นเอกเทศ ประเทศไทยก็ต้องแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติมหรือภคยานุวัติกฎหมายเป็นการเฉพาะรองรับตามที่กฎหมายรัฐธรรมนูญ 2550 บัญญัติไว้ในมาตรา 190 ให้เรียบร้อยก่อน (ความสัมพันธ์ระหว่างกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายภายใน มีทฤษฎีที่เกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ 2 ทฤษฎี คือ ทฤษฎีทวินิยม (Dualism) กับ ทฤษฎีเอกนิยม (Monism))ประเทศไทยยึดหลักทฤษฎีทวินิยม กล่าวคือ เนื่องจากกฎหมายระหว่างประเทศนี้แยกจากกันโดยเด็ดขาด ดังนั้นการที่จะทำให้กฎหมายระหว่างประเทศสามารถบังคับใช้ภายในประเทศได้ จะต้องดำเนินการเปลี่ยนหรือแปลงรูปเป็นกฎหมายภายในเสียก่อน กระบวนการเปลี่ยนกฎหมายระหว่างประเทศให้เป็นกฎหมายภายใน เช่น การประกาศรับสนธิสัญญา การออกกฎหมายรับรองผลของสนธิสัญญา เป็นต้น ด้วยเหตุดังกล่าว หากประเทศไทยจะเข้าผูกพันในความตกลงระหว่างประเทศ จึงจำเป็นต้องออกกฎหมายภายในให้เสร็จสิ้นซะก่อนแล้วค่อยยินยอมที่จะผูกพัน ด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง ซึ่งมี 5 วิธี ( Consent to be bound ตาม The Vienna Conventionon the Law of Treaties )
- ควรตระหนักเสมอว่า ความตกลงระหว่างประเทศใดก็ตามจะผูกพันหน่วยงานอื่นก็ต่อเมื่อมีกฎหมายภายในระดับพระราชบัญญัติและกฎกระทรวงรองรับในหลักการต่างๆเช่นเดียวกับความตกลง (โดยหลักกฎหมายระหว่างประเทศกฎหมายภายในที่จะถือว่าผูกพันความตกลงระหว่างประเทศอันจะต้องให้ปฏิบัติตาม ต้องตราเป็นพระราชบัญญัติและกฎกระทรวง) ต่ำกว่าระดับนี้ไม่ถือเป็นการผูกพัน ด้งนั้น แนวทางปฏิบัติที่เป็นลักษณะหนังสือเวียนที่รองรับกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่ผูกพันหน่วยงานอื่นให้ต้องปฏิบัติตามแนวทางกำหนดที่กรมฯ ให้ไว้ หนังสือเวียนจะผูกพันเฉพาะเจ้าหน้าที่ในกรมฯเท่านั้น หาผูกพันบุคคลภายนอกและหน่วยงานอื่นด้วยไม่ หากจะให้กฎหมายผูกพันหน่วยงานอื่น กรมฯต้องออกเป็นประกาศรองรับพระราชบัญญัติและกฎกระทรวง
(2) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเคยให้ความเห็นไว้ว่าการถ่ายลำไม่ถือเป็นการนำเข้ามาหรือส่งออกนอกราชอาณาจักร (คำวินิจฉัยเรื่องเสร็จที่ 168/2552 กรมสรรพสามิตหารือเรื่องการขนส่งผ่านแดนและการถ่ายลำซึ่งสินค้าและยาสูบ)
ปัญหาและแนวทาง คือ
- ตามหลักการกฎหมาย ในการเกิดข้อพิพาทใดๆ ก็ตาม ให้ยึดถือตามข้อกฎหมาย และหากเรื่องใดก็ตามเมื่อได้มีคำพิพากษาศาลสูงสุดตัดสินไว้เป็นบรรทัดฐานแล้ว ต้องถือคำตัดสินศาลสูงสุดเป็นเด็ดขาดที่ต้องปฏิบัติตาม โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องตระหนักในหลักการนี้เป็นอย่างดี เพราะหากเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลสูงสุด เจ้าหน้าที่มิได้รับผิดเพียงทางละเมิดเท่านั้น หากต้องรับผิดในทางอาญา ฐานความผิด ละเว้น หรืองดเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157)
- ดังนั้น กรณีนี้แม้สำนักคณะกรรมกฤษฎีกาเคยให้ความเห็นไว้เป็นประการใด เมื่อศาลสูงสุดได้ตัดสินเสร็จเด็ดขาดแล้ว ต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลสูงสุดนั้นๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แนวทางแก้ปัญหา
เมื่อกรมศุลกากร เจอปัญหาในลักษณะดังกล่าว คำพิพากษาศาลสูงสุดถือเป็นที่ยุติ เห็นว่า หากไม่มีการฟ้องร้องใหม่ กรมศุลกากรควรหาทางชี้แจงคณะกรรมาธิการต่างๆหรือหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องให้ทราบถึงหลักการที่มาของกฎหมายถ่ายลำ ผ่านแดนว่าจริงๆ แล้ว ถือเป็น พิธีการเฉพาะแยกออกจากพิธีการนำเข้าส่งออก ซึ่งตามหลักอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยพิธีการศุลกากรที่เรียบง่ายและสอดคล้องกัน ( The International Convention on the Simplification and Harmonization of Customs Procedure) ในอนุสัญญาเกียวโต (ฉบับแก้ไข) (The Revised Kyoto Convention) Appendix I Specific Annex EChapterI Customs Transit หลักการ 3มาตรฐาน บัญญัติไว้ว่า “ให้สินค้าที่ขนส่งภายใต้การผ่านแดนทางศุลกากรไม่ต้องชำระค่าภาษีและอากร หากว่าได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศุลกากรวางไว้ และได้วางหลักประกันตามที่กำหนดไว้แล้ว การผ่านแดน การถ่ายลำ มิให้จัดเก็บภาษี และไม่ให้ถือเป็นการนำเข้าส่งออก[1] และ Specific Annex EChapter2Transshipmentหลักการ 2 มาตรฐาน มิให้สินค้าที่ถ่ายลำต้องชำระค่าภาษีและอากร หากว่าได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศุลกากรวางไว้แล้ว[2] ซึ่งเมื่อประเทศไทยเข้าเป็นภาคีฯยอมผูกพัน รับเอาความตกลง ก็จำเป็นต้องตรากฎหมายใหม่มารองรับ และจริงอยู่แม้ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการยังไม่ถือว่าผูกพันประเทศไทย แต่เมื่อประเทศไทยเป็นสมาชิกองค์การศุลกากรโลก (WCO) โดยที่ อนุสัญญาเกียวโต (ฉบับแก้ไข) จัดทำขึ้นภายใต้ความอุปถัมภ์ของคณะมนตรีความร่วมมือทางศุลกากร หรือ WCO ประเทศไทยก็ควรให้ความร่วมมือในแนวทางและหลักการต่างๆที่องค์การได้กำหนดขึ้นเพราะกรณีอนุสัญญาฯดังกล่าวเป็นอนุสัญญาที่เป็นไปในลักษณะการอำนวยความสะดวกทางการค้าอันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันการค้าระหว่างประเทศให้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจและเกิดเสรีทางการค้าอย่างแท้จริง
สำนักมาตรฐานราคาและส่วนพิธีการศุลกากร กรมศุลกากร
[1]3 Standard Goods being carried under Customs Transit shall not be subject to the payment of duties and taxes, provide the conditions laid down by the Customs are complied with and that any security required has been furnished.
[2]2Standard Goods admitted to transshipment shall not be subject to the payment of duties and taxes, provide the conditions laid down by the Customs are complied with
นับเป็นความรู้ใหม่ เห็นด้วยที่ควรออกกฎหมายเฉพาะครับ ไม่ควรแก้มาตราใดมาตราหนึ่งเพราะเท่าที่อ่านเป็นเรื่องเฉพาะ หากปะปนกันอาจเกิดความสับสนกับผู้ประกอบการครับ เคยอ่านพรบ.ขนส่งต่อเนื่องมีหมวดการจดทะเบียน การคิดค่าธรรมเนียม นิยามผู้ประกอบการที่copy. กรอบอาเซียนมา แต่ลืมดูกรอบของ. UNเลยยังมีช่องว่าง
เร่งรัดออกกฎหมายเฉพาะรองรับ AEC ค่ะ ขอเสนอแนะให้ทำเป็นกฎหมายคล้ายๆกับผ่านแดนของยุโรป ที่เรียกว่า common transit หรือ New computerize transit ที่มีหลักการครบค่ะ มีประเภทหลักประกันด้วยค่ะ ผู้ประกอบการอย่างดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากรมฯจะตระหนักปัญหาเหล่านี้ ขอให้ทำประชาพิจารณ์ก่อนออกกฎหมายโดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยค่ะ อย่าให้เกิดปัญหาเรื่องกฎหมายระหว่างหน่วยงานเลยค่ะ ผู้ประกอบการจะสับสน
เห็นด้วยครับ. ที่ผ่านมารู้สึกว่ากรมมีปัญหาตลอดครับอยากให้มีการบูรณาการนะครับอาเซียนมี3กรอบยังมีกรอบอื่นอีกกรมศุลคือความหวังของผู้ประกอบการ ดีใจครับที่มีเจ้าหน้าที่กรมตั้งใจศึกษาและรู้จริงๆมิทราบผมพอจะติดต่อท่านได้ที่ไหนครับจะได้สะท้อนปัญหาที่เจอครับ. เชียร์ครับ ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ ตามอ่านเรื่องผ่านแดนของคุณมาตลอดครับ. ติดตามตั้งแต่ไปเป็นวิทยากรบรรยายครับ