7 สาเหตุของอาการปวดหลัง


7 สาเหตุของอาการปวดหลัง

จากการสำรวจพบตัวเลขที่น่าแปลกใจว่า ในปัจจุบันนี้มีผู้ที่มีปัญหาปวดหลังมากถึง 80% โดยมีอาการตั้งแต่เจ็บนิดหน่อยไปจนปวดมาก เรามักไม่ทราบว่าอาการปวดหลังมิได้เกิดจากเพียงอุบัติเหตุเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่มักเกิดมาจากพฤติกรรมที่ผิดๆซึ่งสะสมปัญหา เราจึงควรเรียนรู้หาวิธีป้องกันปัญหาหรือช่วยลดอาการปวดที่มี ดังนี้คือ

1.ไม่ออกกำลังกาย คุณหมอ Nancy E. Epstein หัวหน้าคณะศัลยกรรมประสาทกระดูกสันหลังแห่งโรงพยาบาล Winthrop-University Hospital และยังเป็นศาสตราจารย์ภาควิชาศัลยกรรมประสาทแห่งมหาวิทยาลัย Albert Einstein College of Medicine ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวว่าผู้ที่ไม่ออกกำลังกายโดยเฉพาะไม่บริหารกล้ามเนื้อหน้าท้อง มักจะมีสรีระที่ไม่สมดุลซึ่งก่อให้เกิดปัญหาปวดหลังได้ในที่สุด การบริหารที่ช่วยป้องกันปัญหาปวดหลังที่ดีคือ โยคะ พีลาติส และการบริหารกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวอื่นๆ(รวมทั้งกล้ามเนื้อท้องและหลัง-ผู้แปล) ส่วนการออกกำลังกายอื่นที่ดีก็มี ว่ายน้ำ เดิน ปั่นจักรยาน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้อีกด้วย

2.นั่ง-ยืนผิดท่า คุณหมอ Tae M. Shin ศัลยแพทย์กระดูกสันหลังแห่งโรงพยาบาล St. Vincent's Medical Center กล่าวว่าท่านั่ง-ท่ายืนที่ผิดท่าจะทำให้กระดูกสันหลังผิดแนวได้ เนื่องมาจากท่าที่ผิดจะไปกดทับเส้นเลือด เส้นประสาท กล้ามเนื้อ หมอนรองกระดูกสันหลัง และข้อต่อต่างๆ เราจึงควรป้องกันโดย ในขณะที่ยืนเราควรงอเข่าเล็กน้อยโดยให้เท้าข้างหนึ่งอยู่ล้ำไปข้างหน้าเพื่อลดแรงกดที่มีต่อกระดูกสันหลังส่วนล่าง และในขณะที่นั่งโดยให้สะโพกอยู่สูงกว่าเข่าเล็กน้อย

3.ยกผิดท่า โดยมากการปวดหลังมักเกิดจากการยกของหนักผิดท่า ท่ายกที่ถูกคือ ย่อเข่าลงเพื่อยกของขึ้นด้วยแรงจากขา และในขณะที่ยกก็พยายามให้ของนั้นอยู่ชิดลำตัวมากที่สุดและไม่เอี้ยวตัว

4.น้ำหนักตัวเกิน การมีน้ำหนักตัวเกินโดยเฉพาะในช่วงกลางลำตัว(ลงพุง-ผู้แปล)จะเปลี่ยนจุดศูนย์ถ่วงของร่างกายให้ยื่นไปข้างหน้าซึ่งทำให้กล้ามเนื้อหลังต้องทำงานหนักขึ้น จึงควรออกกำลังกายและทานให้ถูกหลักโภชนาการเพื่อรักษาน้ำหนักตัวไม่ให้มากกว่ามาตรฐานเกินกว่า 10 ปอนด์(5 กก)อยู่เสมอ

5.สูบบุหรี่ สารนิโคตินในบุหรี่ทำให้เลือดไม่สามารถไหลไปเลี้ยงหมอนรองกระดูกสันหลังได้สะดวกก่อให้เกิดโรคหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อมก่อนวัย นอกจากนี้การสูบบุหรี่ยังลดความสามารถในการดูดซึมแคลเซียมของร่างกายลงซึ่งทำให้กระดูกไม่สามารถงอกเพื่อซ่อมแซมตนเองได้จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกแตกร้าวขึ้นถึงสองเท่า

6.ขาดแคลเซียมและวิตามินดี สารอาหารเหล่านี้จำเป็นต่อการมีสุขภาพกระดูกที่แข็งแรง หากร่างกายของท่านขาดก็ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทานอาหารเสริม

7.ไม่แอคทีฟ ผู้ที่มีอาการปวดหลังมักไม่ค่อยอยากเคลื่อนไหวไปมาจึงมีวิถีชีวิตที่ไม่แอคทีฟนักซึ่งก็จะไม่ช่วยลดปัญหาลงได้เลย เพราะการเคลื่อนไหวจะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นโดยเฉพาะในบริเวณที่มีปัญหา ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบและช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวลงอีกด้วย

โดย Kristen Stewart, www.everydayhealth.com

ภาพ- google

หมายเหตุ- ผู้มีปัญหาปวดหลังเชิญปรึกษาผมได้ฟรีที่กรีนไลฟ์ฟิตเนส(ผมหายได้เองจากการออกกำลังกาย ฝึกโยคะ และอื่นๆ)

คำสำคัญ (Tags): #สาเหตุ#ปวดหลัง
หมายเลขบันทึก: 567277เขียนเมื่อ 3 พฤษภาคม 2014 10:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 พฤษภาคม 2014 10:19 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

โรคประจำตัวเลยครับ ตั้งแต่เด็ก ;)...

โอ๊ะ เข้าข่ายหลายข้อ จะค่อย ๆ กำจัดพฤติกรรมไม่ดีต่อสุขภาพไป ขอขอบคุณบันทึกนี้ค่ะ

ขอบคุณครับ 

ไม่ทราบว่าท่านอ. Wasawat Deemarn ดูแลอาการด้วยวิธีใดบ้างครับ

ส่วนคุณหมอเล็กคงลำบากหน่อยนะครับเพราะด้วยหน้าที่การงานที่ต้องนั่งติดต่อกันนานๆ 

ผมเคยแนะนำสมาชิกฟิตเนสซึ่งเป็นหญิงสาวที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงและปวดหลังเพราะต้องนั่งทำงานติดต่อกันนานๆแถมยังดื่มน้ำน้อยเพราะกลัวการต้องไปเข้าส้วมบ่อยจนเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ โดยให้วางแก้วน้ำขนาดใหญ่เอาไว้ใกล้ตัวบนโต๊ะทำงานแล้วจิบน้ำทีละน้อยแต่บ่อยๆ 

ผลคือนอกจากสุขภาพโดยรวมดีขึ้นแล้วอาการปวดหลังก็ดีขึ้นด้วย เพราะได้เริ่มออกกำลังกายพร้อมๆกับการเปลี่ยนพฤติกรรมคือดื่มน้ำมากขึ้นทำให้ต้องลุกขึ้นเดินไปส้วมจึงไม่ต้องนั่งติดต่อกันนานๆครับ

...น่าจะเข้าข่ายข้อ 3 ยกของมีน้ำหนัก และยกไม่ถูกวิธี...เผลอก้มตัวยกของที่วางกับพื้นโดยไม่ได้ย่อเข่า เป็นได้เรื่อง...สังเกตว่าคนที่นี่เวลายกของมีท่ามาตรฐานเหมือนกันคือวางเข่าข้างใดข้างหนึ่งแตะพื้นเพื่อรับน้ำหนักนะคะ...

มีประโยชน์มากเลยครับ

ปกติไม่ค่อยได้ระวัง

ดร. พจนา แย้มนัยนา ขอบคุณครับที่ได้กล่าวถึงการวางเข่าข้างใดข้างหนึ่งแตะพื้นเพื่อรับน้ำหนัก

ซึ่งจำเป็นต้องใช้ในเวลาต้องยกของที่อาจจับถือได้ไม่ถนัด 

ผมพบคลิปหนึ่งซึ่งสาธิตท่ายกที่เหมาะสมในกรณีต่างๆ จึงขอฝากมาให้ทุกท่านด้วยนะครับ

http://www.youtube.com/watch?v=qP5nyfTDbfE

เริ่มต้นปรับเปลี่ยนแล้วค่ะ เช่นกำหนดไว้ในใจว่า ทำงานสองรายนี้เสร็จเดินไปเอาเอกสารตรงโน้นมาอ่าน แล้วเดินไปพบผู้ร่วมงานไม่ต้องรอให้เขามาหาเรา เดินขึ้นลงบันไดไม่ใช้ลิฟต์ เดินไปกินข้างโรงอาหารไม่ฝากแม่บ้านซื้อเหมือนเดิม

จากการกัดฟันอดทนเดินจนเดินสลับวิ่งติดต่อกันมาสี่สัปดาห์ ตอนนี้วันไหนไม่ได้ทำไม่สบายตัว ติดความสุขหลังออกกำลังกายแล้ว ขอบคุณค่ะ

ยอดเยี่ยมมากครับ คุณภูสุภา

ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท