ก่อนหน้านี้ดร.ป๊อปเคยบันทึกการจัดการความล้าด้วยกิจกรรมบำบัด
วันนี้ผมจึงอยากบันทึกการจัดการความเครียดในกรณีที่ท่านใดจัดการความล้าแล้วไม่ดีขึ้น จากการสะสมภาวะความเหนื่อยล้าตั้งแต่ทางความคิด จิตใจ และร่างกาย ก็จะทำให้เกิดภาวะเครียดได้
จริงๆ เรื่องราวของการจัดการความเครียด หรือ Stress Management มีให้กัลยาณมิตรทุกท่านได้ศึกษามากมาย เช่น ขอบคุณ Acknowledged Mayoclinic.org
แต่บันทึกนี้ผมอยากรวบรวมดูว่า Neuro-Linguistic Programming หรือ NLP จะมาช่วยจัดการความเครียดได้อย่างไร?
Link ที่น่าสนใจอันแรก Acknowledged Goodman, J.C.
Link ที่น่าสนใจอันที่สอง Acknowledged New Oceans
Link ที่น่าสนใจอันที่สาม Acknowledged Joseph Adams
ในทางกิจกรรมบำบัดไม่ว่าจะมีประสบการณ์ทางคลินิกทั่วไปหรือเชี่ยวชาญเฉพาะทาง...นักกิจกรรมบำบัดจะเน้นองค์ประกอบของการแสดงความสามารถและความสุขในการทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการจัดการความเครียด คลิกอ่านที่นี่ Acknowledged Thompson, T. ได้แก่
1. Coping with Stress คือ การจัดการความเครียดที่เกิดขึ้นทันที (ในวันนี้) กับที่เกิดขึ้นในอดีต (เมื่อวานถึงมากกว่า 6 เดือน) แต่ถ้าในอดีตมากๆกว่า 1 ปีขึ้นไปมักจะต้องใช้หลายๆเทคนิคและวิชาชีพอื่นๆร่วมกัน โดยเน้นการวัดตัวแปรทางสรีรวิทยาในท่านอนหงาย ได้แก่ อัตราการเต้นของหัวใจ (ค่าปกติ 60-90 ครั้งต่อนาที) ความดันโลหิต (ค่าปกติ 120/80 มม.ปรอท) และอัตราการหายใจ (ค่าปกติ 20 ครั้งต่อนาที) บางครั้งดูค่าอุณหภูมิชั้นผิวหนังปลายนิ้วมือที่แปรตามการไหลเวียนอัตโนมัติของเลือดและเหงื่อด้วย หรือ Galvanic Skin Response Biofeedback ทั้งนี้ต้องวัดเชิงทดลองก่อนและหลังการใช้เทคนิคการจัดการความเครียดในข้อ 2 และ/หรือ 3 ข้างล่างนี้ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากค่าปกติหรือเปลี่ยนแปลงลดลง 10-20% จากค่าปกติก็แสดงว่า "สามารถจัดการความเครียดทางระบบสรีรวิทยาได้ด้วยเทคนิคนั้นๆ (หนึ่งคนควรเลือก 3 เทคนิคเพื่อเป็นทางเลือก)"
ในกรณีที่เปลี่ยนแปลงสูงกว่าค่าปกติมากๆ แล้วคงที่ค่าปกติบ้างถ้าให้ทดลองก่อนหลังเทคนิคใดๆซ้ำไม่เกิน 3 รอบ แสดงว่า มี Mental Stress ซึ่งต้องจัดการด้วย Mental Activities ที่คนๆนั้นมีความสนใจทำกิจกรรมที่สร้างพลังจิต (ความคิดสร้างสรรค์) และพลังใจ (ความสุข) เช่น การทำงานศิลปะ การทำสมาธิกับสวดมนต์ การเต้นลีลาศ การทำอาหาร การปลูกผักกินได้ ฯลฯ
ในกรณีที่เปลี่ยนแปลงสูงกว่าค่าปกติมากๆ แล้วลดลงหรือคงที่ค่าปกติบ้างถ้าให้ทดลองก่อนหลังเทคนิคใดๆซ้ำไม่เกิน 3 รอบ แสดงว่า มี Physical Stress ซึ่งต้องจัดการด้วย Physical Activities ที่คนๆนั้นมีความสนใจทำกิจกรรมที่สร้างพลังกาย (ความคล่องแคล่วและความทนทานจากการเคลื่อนไหว) เช่น การเดินเร็ว การวิ่งเหยาะ การเล่นกีฬาทุกประเภท ฯลฯ
ในกรณีที่เปลี่ยนแปลงสูงกว่าค่าปกติมากๆ แล้วยังคงสูงกว่าค่าปกติตลอดการทดลองก่อนหลังเทคนิคใดๆซ้ำไม่เกิน 3 รอบ แสดงว่า มี Emotional Stress ซึ่งต้องจัดการด้วย Physical & Mental Activities ข้างต้น
2. Positive Thinking to Relieve Stress คือ การวิเคราะห์ด้วยตนเองว่า "ความเครียดที่มีอยู่เป็นความเครียดเชิงบวกหรือเชิงลบ" หรือใช้ภาษาง่ายๆ คือ ความพยายามแก้ไขปัญหาชีวิตจนเครียด (ความคิดเชิงบวก) กับ ความทุกข์ที่คิดซ้ำไปซ้ำมาจนหาทางออกไม่ได้จนเครียด (ความคิดเชิงลบ) ซึ่งวิธีการง่ายๆ คือ อยู่กับตัวเองด้วยจำนวนนาทีเท่ากับอายุ เช่น ดร.ป๊อป อายุ 39 ปี ก็นั่งเงียบๆทบทวนตัวเองไม่เกิน 39 นาที จะนั่งหลับตาหรือลืมตาทำสมาธิก็ได้ หรือจะค่อยๆเขียนเรื่องราวที่เครียดทั้งเชิงบวกและ/หรือเชิงลบเป็นข้อๆ อย่างน้อย 5 ข้อต่อประเภทของความเครียดนั้นๆ แล้วมาวางเรียงเป็นคู่ๆ ระหว่างความเครียดเชิงบวกกับลบ ให้วิเคราะห์ว่า ความเครียดคู่ใดหักล้างกัน เช่น เบื่อทำงาน (ความเครียดเชิงลบ) หักล้างกับ ต้องทำงานจะได้มีรายได้ (ความเครียดเชิงบวก) เป็นต้น
3. Stress Management Techniques คือ การทบทวนเครื่องมือที่เหมาะสมในการจัดการความเครียดด้วยตนเอง เช่น การหายใจในหลายรูปแบบ (ง่ายสุด หายใจเข้า 16 ครั้ง หายใจออก 8 ครั้ง ต่อ 1 รอบ ทำ 10 รอบ) การผ่อนคลายกล้ามเนื้อตามลำดับส่วน (ง่ายสุด เกร็งคายกล้ามเนื้อเป็นจังหวะตั้งแต่ใบหน้า แขน ขา และทั้งตัว) การจินตนาการด้วยภาพที่รู้สึกผ่อนคลาย การมองภาพที่สดชื่น (Link ที่น่าสนใจที่อยากให้ทุกท่านชื่นชมคือ Acknowledged Vorobyoff Production) การทำกิจกรรมที่มีความหมายและมีคุณค่าในชีวิต ฯลฯ
ขอบคุณมากๆครับพี่ดร.เปิ้น ท่านวอญ่า และท่านผอ.ชยันต์
ขอบคุณมากๆครับคุณอัญชัญ
วันนี้ตัวผมเองก็รู้สึกเครียด และได้นั่งหลับตาทบทวนว่าเครียดเพราะอะไร ทำไมถึงเครียด หลายรอบอยุ่ รู้สึกดีขึ้นครับ
...คิดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ คิดอย่างสร้างสรรค์ ทันคน ทันเหตุการณ์นะคะ
ขอบคุณมากๆครับและขอให้ผ่อนคลายมีความสุข...พี่ดร.พจนา คุณพ.แจ่มจำรัส คุณบุษยมาศ และพี่ณัฐพัชร์
* ดีจังค่ะ...คิดอย่างเป็นระบบเพื่การบำบัดที่ถูกต้อง...
* หลักพุทธให้ปล่อยวาง ไม่ฟุ้งซ่านยึดติด เพื่อสู่ความเบาสบายทั้งกายและใจ...ต้องฝึกไปเรื่อยๆกับโจทย์ชีวิตที่ผ่านเข้ามาสู่โสตสัมผัสทุกเวลานาที...เป็นกำลังใจให้ค่ะ
เห็นด้วยอย่างยิ่งกับหลักทางพุทธศาสนาและต้องฝึกฝนครับ ขอบคุณมากๆครับพี่ใหญ่
ขอบคุณมากๆครับพี่โอ๋
ความเครียดจะจัดการได้ง่าย ถ้ายอมรับว่าตนเองเกิดปัญหา หรือมีข้อกังวลใจอยู่ ที่ยังแก้ไขไม่ได้ และเมื่อเราคิดมาก ๆ มันจะกลายเป็นย้ำคิด เมื่อร่างกายเรากังวลมาก ๆ ร่างกายจะซึมซับความเครียดจากระดับความรู้สึกตัว ไปสู่ความเครียดในระดับจิตใต้สำนัก ซึ่งก่อให้เกิดการเจ็บป่วยทางกาย ต่าง ๆ ตามมาซึ่งจะแก้ปัญหาความเครียดได้ยากยิ่งขึ้น แต่ที่สำคัญกว่าก็คือ การที่เราไม่ยอมรับว่าตนเองมีปัญหา นี่และทั้งสร้างปัญหาให้แก่่ตนเอง และคนรอบข้าง ซึ่งคนในกลุ่มนี้มีจำนวนไม่มาก สิ่งที่พอจะช่วยได้คือขอให้มีเพียงกัลยาณมิตรอยู่ใกล้ตัว ซึ่งพอมีทางออกได้ ขอบคุณอาจารย์ Dr.Pop ครับสำหรับแนวทางการเช็คความเครียดในมุมของวิชาชีพกิจกรรมบำบัด
-สวัสดีครับ
-ตามมาอ่านสาระประโยชน์ดี ๆ นี้ครับ
-ขอบคุณครับ
-กำลังหาทางกำจัดความเครียด ฮ่าๆ ๆ
ขอบคุณมากๆครับคุณเอกราชและคุณเพชรน้ำหนึ่ง
บางทีก็สรุปไม่ได้เหมือนกัน และวิธีการจัดการกับความเครียนก็ยาก ในบางครั้ง
ไม่เคยคิดว่าตนเองจะเป็นคนเครียดเลยค่ะ จนกระทั่งเพิ่งเจอกับเหตุการณ์หนึ่งมาจนทำให้สมองรวมทั้งร่างกายเครียดจนเกร็งค่ะ จะลองตามตามวิธีการที่อาจารย์แนะนำนะคะ