เรื่องเล่า
หมออนามัยนั้นแสนสบาย จะอยู่ที่ทำงานหรือไม่อยู่ก็ได้ไม่มีใครมาดูมาเห็น คนไข้นิดเดียวค่าตอบนอกเวลาราชการก็ได้
เรื่องจริง
1.เราอยู่อนามัยกัน 2-3 คนต่อแห่ง เช่นหากอยู่กัน 2 คน ไปประชุม 1 คน และออกหมู่บ้าน 1 คน ก็ไม่ใครอยู่เฝ้าอนามัยแล้ว
2.หากไม่จำเป็นจริง ๆ เราจะไม่ปล่อยให้อนามัยไม่มีหมออยู่แน่นอน
3.ไม่มีใครเห็นเราก็เห็น ประชาชนก็เห็นว่าเราลำบากกัน
4.เราทำงานทั้งวันและอีกทั้งคืน เป็นเวลาอย่างน้อยคนละ 10-20 วันต่อเดือน ลองคิดดูไม่ได้ไปไหนเลยเย็นมาก็เฝ้าอนามัย
5.นอนหลับอยู่ก็มีคนไข้มาเรียกเหนื่อยมาทั้งวันก็ต้องลงมาดู ถ้าไม่เจ็บจริง เขาคงไม่มาเรียก แถมบางทีเรียกให้ไปดูที่บ้าน เช้ามาก็ต้องขึ้นทำงานแต่เช้า หากเป็นหน้าทำนาเพราะชาวบ้านออกแต่เช้า
จังหวัดพิษณุโลก ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพในการจัดงานวิชาการประจำปี ศูนย์สุขภาพชุมชน ประจำปี 2550 ซึ่งเป็นครั้งที่ 4 ผมได้เป็นส่วนหนึ่งในการเป็นเจ้าภาพเตรียมและจัดงานครั้งนี้ ขอถ่ายทอดความรู้สึกที่ได้รับจากหลากหลายผู้คนที่แสดงความจำนงเข้าร่วมงาน หากไม่ได้รับผิดชอบงานในครั้งนี้ คงไม่ได้รับทราบความรู้สึกจากผู้คนหลากหลายที่ทำงานเป็นด่านหน้าของกระทรวงสาธารณสุขที่ต้องการมาสัมผัสกับความรู้สึกที่คนที่ทำงานคล้าย ๆ หรือเหมือน ๆ กันได้มาชุมนุมและถ่ายความรู้ ประสบการณ์ ความรู้สึก ผ่านคำพูด ตัวหนังสือ การแต่งกาย รูปภาพ ว่าเป็นความรู้สึกที่รุนแรง หากเราไม่เข้าใจเขา เราคงว่าเขานี่แย่มากพูดจาไม่มีความไพเราะนี่เสียกระไร เชิญให้มาร่วมประชุม แล้วจะมาก็บอกว่าไม่รับเข้าประชุม เพราะเต็มแล้ว ได้อย่างไร ก็ฉันจะมาไม่ใช่ความผิดของฉัน ฉันต้องการมาเห็นว่าคนอื่นเขาพัฒนาไปถึงไหนกันแล้ว โอ้ถ้าไม่มีสติคงตอบโต้ไปว่าคุณไม่เข้าใจหรือว่าเต็มแล้ว จากเป้าหมาย 800 ขยับเป็น 1200 ขยับเป็น 1500 ขยับเป็น 1600+ แล้วฉันจะเอาที่นอนหมอนมุ้ง ที่กินที่อยู่ ข้าวของที่เตรียมไว้ให้ที่ไหนเล่า แต่ด้วยแรงแห่งความต้องการพัฒนาและเรียนรู้เขาตอบกันมาหลายคนว่าไม่เป็นไรไม่ได้กระเป๋าก็ไม่เป็นไรขอให้ได้มาเห็นและมาชมเพื่อนำไปเล่าขานและพัฒนาสุขภาพคนในพื้นทีเขาก็พอ โอ้โหซาบซึ้งมาก ทำให้เรามีกำลังใจจัดงาน