ตรุษจีนปีนี้ ตรงกับวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๗ ซึ่งตามปฏิทินจีนนับเป็นวันปีใหม่จีน หรือ วันที่ ๑ ตามปฏิทินจีน นั่นเอง
หลังจากตรุษจีน ตามประเพณีเดิม ชาวไทยเชื้อสายจีนมักจะไปท่องเที่ยวกัน และพ่อจะเล่าให้ฟังว่าชาวบ้านมักจะเริ่มกลับมาทำงานอีกครั้งประมาณวันที่ ๔ ตามปฏิทินจีน หรือวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
ปีนี้ ที่บ้านได้เพียงไหว้ที่บ้านเพื่อความสะดวก และ เนื่องจากพ่อและแม่เดินทางลำบากแล้ว จึงไม่มีโอกาสได้พาพ่อและแม่ไปไหน และหลังตรุษจีนได้ไปซื้อผักที่ตลาดเทศบาล แม่ค้าถามว่าพรุ่งนี้จะมาตลาดไหม เพราะจะถึงวันที่ ๗ ตามปฏิทินจีน ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ จะมีประเพณีกินผัก ๗ อย่างเพื่อเป็นสิริมงคล หรือ ชิกเอี่ยฉ่าย
พอกลับจากตลาดจึงเล่าให้แม่ฟังและได้ถามถึงประเพณีชิกเอี่ยฉ่าย คืออะไร ตอนแรกแม่ก็บอกว่าเป็นการกินผัก ๗ อย่าง จะได้ทำงานเก่ง ในที่สุดด้วยความสงสัยจึงค้น google ได้คำตอบว่าในเทศกาลการกินผัก ๗ อย่างนี้ ผักที่เลือกมา ๗ อย่าง มีความหมายด้วย เช่น
ชุงฉ่าย ใกล้เคียงกับคำว่า ฉุ่ง แปลว่า เหลือ ถ้าเป็นคำว่า ฉุ่งจี้ คือ เพื่อการมีเหลือกินเหลือใช้
ปวยเล็ง ให้มีการเงินคล่องแคล่ว
ไช้เท้า เท้า แปลว่า หัว จึงตีความว่าเป็นหัวหน้าคน
คื่นฉ่าย คำว่า คึ่ง แปลว่าเก็บ จึงตีความว่าเพื่อให้เก็บเงินอยู่
ฮะฉ่าย หรือ เก๋าฮะ เพื่อความรัก ความกลมเกลียว ความอดทน ความยั่งยืน
โสภณ หรือตั่วฉ่าย เพื่อความเป็นใหญ่เป็นโต
แปะฉ่าย ผักกาดขาว เพื่อความโชคดี
ผักกวางตุ้ง เพื่อความรุ่งเรือง
แต่คงเป็นอุบายของคนโบราณที่เมื่อเทศกาลปีใหม่ หรือ ตรุษจีน ซึ่งหลังจากการไหว้เจ้าไหว้บรรพบุรุษแล้ว จะมีการกินอาหารประเภท หมู เห็ด เป็ด ไก่ เหล้า ปลา หนักๆ ทั้งนั้น จึงมีอุบายให้กินผักเพื่อให้ได้ระบายท้อง หรืออาจจะหลอกให้เด็กกินผักก็ได้ เพราะจำได้ว่าตอนเป็นเด็กมักถูกเรียกให้กินผักซึ่งไม่ชอบโดยเฉพาะผักที่มีกลิ่นฉุน
พ่อกับแม่ยังเล่าว่าเป็นเรื่องเล่าแต่โบราณว่าเทศกาลนี้ บ้านนึงมีลูกสาว ๗ คน มีผักคนละอย่าง จึงเอามาขายและให้คนซื้อไปประกอบอาหาร ในเทศกาลนี้
ได้ความรู้ดี ๆ ค่ะพี่บุญ
ขอขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆนะคะ :)
ปวยเล็ง...ชอบทานมากๆค่ะ อร่อยมากค่ะ เวลาผัก นะคะ .... ชอบผักทุกๆอย่างเลยค่ะ