เมื่อวานนี้หลังจากได้คุยกับบล็อกเกอร์ท่านนี้ http://www.gotoknow.org/user/khajitfoythong/profile และได้ทราบข่าวคราวถึงเรื่องราวในชีวิตของท่านขจิตที่อุตส่าห์หอบผักกองโตของเด็กน้อยจากโรงเรียนชายขอบที่พวกเขาช่วยกันปลูกและดูแลจนเติบโตอ้วนพีใส่รถตู้ที่มารับท่านขจิตไปเป็นวิทยากรที่โรงพยาบาลเพื่อไปขายให้เหล่านางพยาบาลคนสวยและใจดีได้อุดหนุนเพื่อเป็นกำลังใจให้เด็กน้อยเหล่านั้นได้ชื่นใจกับผลผลิตแห่งน้ำพักน้ำแรงของพวกเค้าที่สามารถนำกลับมาเป็นเงินก้อนให้พวกเค้าได้อีกทางหนึ่งจากส่วนที่เหลือจากการเก็บไว้กินแล้วก็อดชื่นใจแทนเด็กๆ และท่านขจิตไม่ได้
เลยได้ย้อนกลับมานึกถึงตัวเอง.......เหมือนจะเป็นการปลุกผีขึ้นมาก็ว่าได้......
นานเท่าไรแล้วนะ.....ที่เราห่างหายจากการทำสิ่งที่สร้างสรรค์เพื่อเด็กน้อย เอ....ไม่ใช่สิ....เราก็ทำอยู่เหมือนเดิมนี่นา......แต่เรากลับไม่เคยเก็บเรื่องราวอันน่าชื่นใจเหล่านั้นมาบันทึกให้บังเกิดความชื่นใจหรือเพื่อเก็บไว้เป็นการปลอบประโลมตัวตนของคนเป็นครูในคราที่ท้อและเหนื่อยหน่ายเพื่อให้ตัวเองได้ชื่นใจเลย.....นานเท่าไหร่แล้วครูแอน.......คงจะนานอักโข นับตั้งแต่ห่างหายไปกับการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมให้กับตนเอง พร้อมๆ กับการเก็บเนื้อเก็บตัว เจียมตัวเจียมใจในการไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ แม้จะเกิดความเห็นต่างใดๆ ก็ตาม
วันนี้....เลยเกิดอาการเหมือนถูกปลุกผีขึ้นมาจากหลุม อิอิอิ เลยได้ออกมาต่อยอดการเรียนรู้ให้กับตัวเองต่อในบันทึกของคนเป็นครู....ครูเป็นคน...คนเดิม
บันทึกนี้คงเริ่มต้นด้วยการที่ครูส่วนหนึ่ง.....ซึ่งก็หมายรวมถึงครูแอนที่ไม่ได้ร่วมเดินทางไปศึกษาดูงานกับคุณครูอีกกลุ่มหนึ่งในโรงเรียนที่ไปศึกษาดูงานทางภาคเหนือของประเทศไทย พวกเราครูทั้งหมดที่เหลือก็เลยได้รับภาระมอบหมายให้ดำเนินการซ้อมสอบ ONET หรือที่เรียกกันเองว่า PRE – ONET ให้กับเด็กน้อย ม.3 และ ม.6 ส่วนเด็กน้อยชั้นอื่นๆ ก็ให้ปิดเป็นการภายในไปถึงสองวัน จะว่าไปก็น่าสงสารเด็กน้อยชั้น ม.3 อยู่ไม่น้อยที่ต้องซ้อมสอบ PRE – ONET อยู่สองวัน วันละสี่วิชา แถมต่อด้วยการสอบโอเน็ตของจริงในวันเสาร์ – อาทิตย์ ตกลงว่าเด็กๆ เจอข้อสอบซ้ำๆ ประมาณเดียวกันนี้ถึงสี่วันติดๆ กันทีเดียว เห็นด้วยอย่างที่สุดกับบันทึกของคุณมะเดื่อ ในบันทึกนี้.....
ให้เด็ก ๆ ได้พักสมองบ้างเหอะนะ
แต่จะทำไงได้ล่ะ นโยบายเบื้องบนนี่นา.......นโยบายที่ครูอย่างเราๆ จะต้องทำโอเน็ตให้สูงๆ เข้าไว้ ไม่อย่างนั้นจะโดนกันเป็นทอดๆ สุดท้ายคนที่โดนสะกรำมากที่สุดคือเด็กน้อย
หลายๆ โรงเรียนเลยมีวิธีการจัดการให้มีคาบติวข้อสอบโอเน็ตในคาบศูนย์ บ้างก็เลยมาคาบหนึ่งโดยคุณครูในโรงเรียน ไม่ต้องเข้าแถวกันเลยสำหรับชั้นที่มีการสอบโอเน็ต หลังจากนั้นก็จะมีการจ้างทีมติวเตอร์ชื่อดังจากเมืองหลวงมาติวกันเป็นสองสามวันเลยทีเดียว แต่เด็กๆ ภูธรอย่างลูกศิษย์ครูแอนแอบมากระซิบบอกเป็นสำเนียงทองแดงว่า “ครูๆ เบ่อะที่เค้าเอามาติวนั้นเหมือนกับที่ครูเอามาติวก่อนหน้านี้เลย พวกหนูตอบได้กันใหญ่ ครูที่ติวเค้าบอกว่าพวกเราเก่งจัง ไปเรียนพิเศษมาจากไหน พวกเราก็เลยบอกว่าเรียนกับครูในคาบเรียนนี้แหละ”.....ขอบใจนะเด็กน้อยที่แอบเอายาหอมมายื่นให้ครู....
เลยเป็นประเด็นว่าหลังจากติวกันมาอึกทึกครึกโครมแล้วก็ลองซ้อมสอบกันซะหน่อยเป็นไรไป
น่ะ.....เลยต้องจัดให้มีการจัดการซ้อมสอบขึ้น และพวกเราที่เหลือก็ได้รับการแต่งตั้งให้คุมห้องสอบกันในครั้งนี้ ซึ่งเมื่อรวมทั้ง ม.3 และ ม.6 ทั้งหมดแล้วก็แค่ 8 ห้องเอง แต่ครูออกจะเยอะ.....ทางโรงเรียนก็เลยออกคำสั่งให้ครูๆ ช่วยกันคุมสอบกันทั้งหมดเป็นห้องละ 3 คน!!! ค่ะ....ครูคุมสอบห้องละ 3 คน เด็กนักเรียนในห้องแต่ละห้องไม่เกิน 40 คน หลายห้องเด็กๆ แค่ 20 กว่าๆ ไม่เกิน 30 ด้วยซ้ำ แต่ครูคุมถึง 3 คน บรรดาครูๆ เลยแอบแซวกันเองว่า....อย่าเข้าไปคุมในห้องเยอะนักนะ สงสารเด็กๆ เค้าบ้างแค่นี้เค้าก็ตาลายหมดแล้ว อิอิอิ แต่ทำไงได้ครูอย่างเราต้องทำตามผู้บังคับบัญชาสั่งนิ
เมื่อการสอบวิชาแรกซึ่งก็คือวิชาคณิตศาสตร์เสร็จสิ้นลง สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือกระดาษทดเลขของเด็กน้อยซึ่งจากเดิมจะเป็นกระดาษหน้าเดียว แล้วครูคณิตฯก็นำมาให้เด็กๆ ทดเลขกัน ณ บัดนี้มันก็กลายเป็นกระดาษที่ใช้หมดทั้งสองหน้าไปแล้ว
ชะแว๊บ.....นั้นเจ้าความคิดในสิ่งที่เคยอยากทำมันก็กลับเข้ามาในหัวครูแอนใหม่อีกรอบ โรงเรียนส่วนใหญ่จะมีห้องน้ำครูและห้องน้ำเด็กแยกจากกัน โรงเรียนครูแอนก็เป็นเช่นนั้นแล ในครานั้นของเย็นวันนึงที่อาคารปิดไปแล้ว ห้องน้ำก็ถูกปิดไปด้วยเพราะอยู่ชั้นบนของตึก ครูแอนยังคงทำงานอยู่ แล้วเกิดอยากทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำขึ้นมากะทันหัน ตายละวา.....ตึกปิดไปแล้ว.....เลยต้องไปอาศัยเข้าห้องน้ำเด็กๆ ป๊าด.....หันไปพบเจอสิ่งของเหลือใช้ของเด็กผู้หญิงที่เค้าใช้งานแล้วทิ้งไว้เพ่นพ่าน โอยๆๆ....ทำไมมันทำกันเช่นนี้หว่า.......นึกในตอนนั้นเลยว่าต้องมีกระดาษเหลือใช้ที่ใช้แล้วทั้งสองหน้าเสียบลวดห้อยไว้ในห้องน้ำหญิงทุกห้องเลยนะเพื่อแก้ปัญหานี้ คิดในทางที่ดีซะว่าเค้าอาจเกิดเหตุการณ์กะทันหัน ฉุกละหุกมาก เอาอะไรไม่ทันเลยไม่ได้พกกระดาษติดตัวมาด้วย งั้นเราต้องมีไว้บริการเค้าซะ จะได้สร้างนิสัยเค้าด้วย
คิดไว้นานมาก รอทางทีมงานอาคารแล้วก็ไม่เห็น คิดในทางที่ดีอีก.... อาจจะเป็นเพราะคุณครูเหล่านั้นเค้าไม่ได้มาเข้าห้องน้ำเด็กๆ แบบเรา เค้าก็เลยไม่เคยเห็นในสิ่งที่เราไปพบเจอ
เมื่อ.....เห็นกระดาษทดเลขกลายเป็นกระดาษที่ใช้แล้วทั้งสองหน้า ไอ้เจ้าความคิดเดิมๆ ในหัวมันก็เวียนกลับเข้ามาใหม่อีกรอบ แถมรอบนี้ทางสะดวก....ทำได้เลย ไม่มีใครเห็น ไม่ต้องเอาหน้าจากนาย ทำในสิ่งที่อยากทำให้เด็กๆ นี่แหละ สุขใจนัก
ครูแอนเลยบอกครูที่ร่วมคุมสอบด้วยกันอีกสองท่านว่า ครูแอนขอเก็บกระดาษทดเลขทั้งหมดนะ และขอตัวไปเก็บมาจากห้องอื่นๆ ทั้งหมด ทั้ง ม. 3 และ ม.6 ด้วย ไม่ว่ากันนะคะ ถ้าจะหายตัวชะแว๊บไปสักครู่ใหญ่ๆ ซึ่งคุณครูทั้งสองท่านก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเมื่อทราบจุดประสงค์ของการเก็บกระดาษทดเลขในครั้งนี้ของครูแอน คุณครูและเด็กๆ หลายห้องออกอาการงงๆ ว่าครูแอนจะเอาไปทำไมเนี่ย เที่ยวเดินมาเก็บกระดาษทดเลขของเด็กซะเยอะเชียว เมื่อขอแล้วครูแอนก็เลยต้องแจ้งวัตถุประสงค์ไปด้วยเลย คุณครูหลายคนยินดีร่วมด้วยช่วยกัน บอกว่าจะเก็บไว้ให้อีกเมื่อใช้กระดาษหมดทั้งสองหน้าแล้ว นี่คือภาพที่ครูแอนอยากเห็น นานแล้วนะ.....ที่ภาพแบบนี้ห่างหายไปจากสายตา หลังจากที่คุณครูหลายๆ คนแอบอยู่ในมุมห้องทำงานของตนเองเงียบๆ
เมื่อครูแอนลงมาด้านล่างของตึกเรียนเพื่อไปหาภารโรงสักคนและกะจะไหว้วานขอความร่วมมือในการร่วมด้วยช่วยกันทำการนี้ ช่างโชคดีเสียนี่กระไร.....ที่ บัง(พี่) ภารโรงคนใหม่และเจ้าเล๊าะน้องภารโรงอีกคนกำลังเก็บของอยู่ที่โรงงานใกล้ๆ กับห้องน้ำนักเรียนหญิงพอดี ครูแอนเลยไม่รอช้าเข้าไปหาด้วยท่าทีของการขอความร่วมมือ มิใช่การสั่งการเหมือนหัวหน้างานสั่งงานลูกน้องแต่อย่างใด เพราะครูแอนไม่ใช่หัวหน้างาน เลยโชคดีไป....ที่คุยกันได้แบบระดับผู้ที่ถูกสั่งให้ทำงานเหมือนๆ กัน ทั้งสองคนก็ใจดีร่วมการนี้อย่างพึงใจ หาใช่การบังคับ ด้วยเจ้าเล๊าะบอกครูแอนว่า “ผมนี่แล่ะครู..... ที่เก็บตามหลังมันอยู่นิ” ครูแอนเลยบอกเล๊าะไปว่า....งั้นเรามาช่วยกันทำน่ะ เล๊าะก็จะได้ไม่ต้องพบเจอสิ่งที่ไม่น่ามองเวลาเข้ามาทำความสะอาดห้องน้ำนักเรียนหญิง ส่วนครูเองก็อยากฝึกนิสัยเด็กผู้หญิงให้รู้จักเก็บของที่ตัวเองใช้แล้วห่อทิ้งลงถังให้เรียบร้อย ไม่ทิ้งไว้ให้ใครๆ เห็นเป็นเรื่องประเจิดประเจ้อ เพราะแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่มันจะกลายเป็นนิสัยของเด็กน้อยไปในที่สุด เราทั้งสามคนเลยเริ่มจากการออกแบบร่วมกันในการตัดและจัดรูปทรงของลวด แต่บังกับเจ้าเล๊าะจะเป็นฝ่ายหักงอลวดเอง แล้วครูแอนก็ตามเค้าสองคนเข้าไปในห้องน้ำหญิงด้วยเหมือนๆ กับเค้านั่นแหละ ระหว่างทำการติดตั้งลวดเค้าสองคนก็จะหันมาขอความคิดเห็นจากครูแอนเหมือนกันว่า “ด้ายแล้วหม้ายครูๆ” เมื่องานเสร็จครูแอนก็ไม่ลืมที่จะขอบคุณบังและเล๊าะด้วยภาษาที่เข้าใจกัน “ขอบคุณน่อบังน่อ” “ขอบใจหน้าเล๊าะหน้า” และแล้ว.....การงานของเราก็สำเร็จลงด้วยดี เรามีกระดาษแขวนไว้สำหรับให้นักเรียนหญิงได้ใช้ห่อผ้าอนามัยในห้องน้ำครบทั้ง 12 ห้องเลยทีเดียว
นี่แหละ.....บรรยากาศแบบนี้ที่คนเป็นครูอย่างครูแอนอยากเห็น การทำงานร่วมกันแม้จะต่างหน้าที่ ไม่ว่าหน้าที่นั้นจะเล็กหรือใหญ่ แต่ทุกหน้าที่ล้วนมีความสำคัญโดยตัวงานนั้นๆ ในหน้าที่นั้นๆ ของมันเอง และการให้เกียรติซึ่งกันและกัน พึ่งพากันด้วยมิตรจิตมิตรใจ มิใช่การใส่หัวโขนแล้วแสดงบทบาทใหญ่โตเกทับผู้น้อยที่ด้อยกว่า เพราะทั้งหมดที่เราต่างทำหน้าที่ของกันและกันนั้นก็หาใช่อะไร หากเพียงเพื่อประโยชน์ที่เกิดขึ้นนั้นก็มุ่งไปสู่ตัวเด็กน้อยเป็นสำคัญเหมือนๆ กัน ทั้งผู้บริหาร ทั้งครู ทั้งภารโรง..... “ขอบคุณนะคะบัง ขอบคุณนะเล๊าะนะ”
เรียนน้องครูแอน......
ยังอีกไม่กี่เดือนปลดพันธจากงานประจำ ก็ตั้งใจว่า งบประมาณรายเดือนหลังเกษียณ จะเป็นค่าเดินทางไปแลกเปลี่ยนพบปะ พรรคพวกชาว โกทูโนว์ ในการจัดเวที
ด้วยคาดหวังว่า 60 ปี คงมีทักษะชีวิต มาเล่าสู่เยาวชน
ยินดีที่ครูกลับมา
ขอบคุณค่ะบัง......
บังก็ยังเป็นบังคนดีคนเดิมของพวกเราเสมอมานะคะ ปลายเดือนกันยายนนี้บังจะเกษียณแล้วเหรอคะนั่น
แต่ครูแอนก็ยังเชื่อว่า.....ทักษะชีวิตในความเป็นตัวตนของบังกับการสั่งสมจากประสบการณ์อันยาวนานนั่นมากอักโขและมีคุณค่ายิ่งนักกับคนรุ่นหลัง ยินดีเป็นที่สุดที่เคยมีโอกาสได้รู้จักท่านผู้เฒ่าผู้ใจดี
และยินดียิ่งหากจะมีดอกาสพบเจอกันอีกในยามที่ว่างจากการงานในหน้าที่อันหนักอึ้งนี้
ขอบคุณบังนะคะ
ขอบคุณ....คุณเพชรน้ำหนึ่งนะคะ
ครูแอนหายไปนานค่ะ และเมื่อกลับเข้ามาอีกครั้งก็พบว่า การเขียนบันทึกมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบไปจากเดิมบ้าง แต่ก็คิดว่าคลำทางเอาได้ประมาณนึงค่ะ จะพยายามเขียนเพิ่ม....เติมค่า....ในการร่วมแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ซึ่งกันและกันค่ะ
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
โหพี่แอนบันทึกนี้พี่แอนเขียนไว้นานมาก
เปิดเทอมเมื่อไรเนี่ย
ไม่ได้ข่าวเลย
น้องไปใต้มา 2 ครั้งแล้ว 555
ชอบใจการทำงานแบบไม่มีหัวโขนครับพี่เย้ๆๆ
พี่แอน
ติดต่อไม่ได้ครับบบบบบบบ
ติดต่อกลับไปทางเมลล์แล้วนะ___พอดีโทรศัพท์มีปัญหาอ่ะครับ
โน๊ตบุ๊คก้อรวน___มันดันมาลงตัวโช๊ะเอาช่วงนี้พอดครับผม__เลยติดต่อยากหน่อย
รออ่านอีกครับ