ความทรงจำอันแสนสุข (๒) รถตู้จับเด็ก


ความทรงจำอันแสนสุข (๑) รถตู้จับเด็ก

จำได้ว่าวันนั้นเป็นวันเสาร์ ปกติแล้ววันหยุดเสาร์-อาทิตย์พวกเราจะมีกิจกรรมทำร่วมกันเสมอไม่ว่าจะเป็นการเล่นน้ำที่คลองท้ายหมู่บ้าน เล่นก่อกองทรายที่ทางเกวียนหลังป่าช้าวัด อย่างวันนี้แรกๆ เราก็คุยกันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะพากันออกล่ากิ้งก่า เก็บผักหักฟืน ทัวร์ป่า เพื่อนบางคนเก็บลูกหินจนพูนย่าม บางคนก็แบกไม้ไผ่ที่ติดบ่วงไว้ที่ปลายมาด้วย แต่หลังจากพากันดูละครจักรๆ วงศ์ๆ จบความคิดเดิมที่มีก็เปลี่ยนไป วันนี้เลยเป็นการออกล่าปลาแทน 

แดดยามสายอธิบายตัวเองถึงความร้อนบนผิวน้ำคลองอย่างละเอียดยิบ ดูได้จากแสงสะท้อนบนผืนน้ำ แต่มีเพื่อนบางคนแย้งว่า ผู้เขียน น่าจะบอกว่า แดดยามสายอธิบายตัวเองถึงความร้อนบนแผ่นหลังของผู้เขียนได้อย่างละเอียดยิบ อันนี้แล้วแต่ผู้อ่านจะพิจารณาแล้วกัน แต่ที่แน่ๆ เสาร์นี้น่าจะเป็นเสาร์ที่ร้อนที่สุดในรอบเดือนเลยก็ว่าได้ ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับละครจักรๆ วงศ์ๆ เพราะไม่อย่างนั้น พวกเราบางคนคงได้เกรียมแดดหรือตายแดดก่อนได้ออกล่ากิ้งก่าแน่ๆ

ลมร้อนเดือนเมษาฯ เริ่มทักทายเราเป็นระยะๆ สลับกับกลิ่นไหม้ของตอซังที่ชาวบ้านเผาเพื่อเตรียมสู่การเพาะปลูกต่อไป (อย่างว่าครับครั้นจะปล่อยให้ตอซังย่อยเอง ก็ดูจะยากสำหรับคมผาลไถที่มีควายลาก ครั้นจะสูบน้ำคลองอัดลงปล่อยให้เน่าสลายเป็นปุ๋ยก็ดูจะไม่ได้ เพราะน้ำคลองก็มีจำกัด ท้ายสุดจึงต้องเผา) แล้วพวกเราก็มาถึงคลองท้ายหมู่บ้าน ณ ที่ที่ปลาชุมพอๆ กับบรรดาเป็ดและห่านของชาวบ้านแถบนั้น พวกเราบางคนในกลุ่มลงมือหาปลากันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ถ้าจะพูดว่าลงเล่นน้ำกันอย่างเอาเป็นเอาตายน่าจะใช่มากกว่าบางคนวาดท่าทอดแหของพ่อที่เตรียมมา แต่ดูเหมือนจะท่าดีทีเหลวเสียมากกว่า เพื่อนบางคนหว่านไม่เป็น แหไม่แตก ก็อาศัยลากกันคนละข้าง บางคนขอร่ายมนต์แบบที่จำมาจากละครจักรๆ วงศ์ๆ เมื่อชั่วโมงก่อน เลียนแบบพระสังข์ ว่ากันอย่างงั้น เวลาล่วงเลยมาจนบรรดาเป็ด ห่าน ต่างพากันขึ้นบก สลัดปีก เกี้ยวพากันสารพัด แต่ดูเหมือนบรรดาประมงสมัครเล่นอย่างพวกเราจะไม่ยอมลดละ ต่างพยายามทุกวิถีทางในการจับปลาตัวแรกขึ้นมาให้ได้ แต่ดูเหมือนความพยายามจะเริ่มอ่อนล้าขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่ทุกคนจะก็ตัดสินใจเปลี่ยนสมรภูมิรบใหม่

เพื่อนบางคนนุ่งเพียงกางเกงในตัวเดียว โดยในมือมีเสื้อกับกางเกงเดินโทงๆ พร้อมกับอุปกรณ์หาปลาคู่กาย บางคนถอดรองเท้าเดินหน้าตาหมดอาลัย บางคนบ่นอยากกลับบ้าน เพราะเริ่มหนาว หิวข้าว ขณะเพื่อนบางคนยังคงไม่ยอมแพ้ แต่ท้ายที่สุดแล้วทุกคนก็มาถึงลำคลองสายใหม่ ลำคลองสายนี้อยู่ห่างจากหมู่บ้านพอสมควร แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคสักเท่าไหร่สำหรับการเดินเท้า แล้วทุกคนก็ลงมือ เพื่อนคนหนึ่งทอดแหลงกลางลำคลอง แหทะยานลงจูบผิวน้ำแตกออกบานกว้างดูเกินจริงนักสำหรับการพรรณนา แต่ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ และไม่ทันที่ตีนแหจะทอดจมถึงก้นดิน ปลาช่อนตัวเท่าแขนเด็กแปดขวบสองคนรวมกันก็พุ่งทะยานขึ้น ดันเอาแหที่กำลังจมลงน้ำให้โผล่ขึ้น แล้วทุกสายตามองไปยังแหดังกล่าว ก่อนจะโยนความตื่นเต้นและประหลาดใจให้แก่กัน ชั่วความตื่นเต้นไม่ทันจาง ไม่นานปลาช่อนที่ผู้เขียนได้อธิบายไว้ในบรรทัดที่ผ่านมา ก็ต้องยอมแพ้พรานปลาวัยแปดขวบ ดูเหมือนเพื่อนคนนั้นจะลำพองในชัยชนะอยู่นาน และเพื่อนคนเดียวกันที่ว่าก็เทียวแวะยกข้องที่แช่น้ำไว้ ซึ่งภายในมีปลาช่อนตัวใหญ่ทำลมหายใจหายนอนแน่นิ่งอยู่ เพื่อนคนนั้นคงกลัวมันจะหลุดออกจากข้องว่ายน้ำหนีไป ทั้งที่มันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลย

แสงแดดเดือนเมษายนเริ่มเล่นบทบาทที่แสงแดดเดือนธันวาคมไม่นิยมเล่น เรียกได้ว่าแดดเดือนนี้ตีบทแตกตั้งแต่เปิดผ้าม่านแล้ว เพราะตั้งแต่เช้าแล้วที่อากาศไม่มีทีท่าจะลดองศาของความร้อนลงเลย มีแต่จะเพิ่มขึ้น จนเพื่อนบางคนไม่อยากขึ้นจากน้ำ บางคนดำผุดดำว่ายจนตัวดำเมื่อม ตาก็แดงก่ำ แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อมีรถตู้แล่นมาจอดบริเวณใกล้ๆ กับที่พวกเรายึดเป็นที่ทำการหาปลา แรกๆ พวกเราก็ให้ความเห็นกันว่าน่าจะเป็นพวกคนหลงทาง อาจจะจอดถามทาง แต่พอรถตู้หยุดได้ซักพัก ที่ด้านหลังรถตู้ ก็ปรากฏชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ร่างท้วมผมยาวเดินลงมายังพวกเรา เพื่อนบางคนที่กำลังง่วนอยู่กับเศษไม้ที่ติดแหก็ละมือจากที่ทำอยู่ ต่างคนต่างประสานสายตาจดจ้องไปยังชายดังกล่าว แต่รู้สึกว่าผู้เขียนในขณะนั้น น่าจะกำลังช่วยเพื่อนอีกคนจับแหอยู่ แต่ผู้เขียนสังเกตุได้ว่ามีรถมอเตอร์ไซค์พร้อมคนขับสวมหมวกไอ้โม่ง จอดอยู่บริเวณด้านหน้ารถตู้ประมาณสิบเมตรได้ แต่ไม่ทันความคิดผู้เขียนจะสวมรองเท้า เพื่อนที่ผู้เขียนช่วยจับแหอยู่นั้นก็ตะโกนขึ้น “วิ่งๆๆๆๆๆ รถตู้จับเด็ก” แค่นั้นแหละ ผู้เขียนก็วิ่งหน้าตั้งตามเพื่อน ก่อนจะหันไปตะโกนบอกเพื่อนๆ ที่ยังยืนงงกันอยู่ให้วิ่งลงไปยังทุ่งนา เพื่อนบางคนมัวยืนงงต่อ จนชายร่างท้วมเห็นท่าไม่ดี รีบวิ่งใกล้เข้ามาหวังจะจับ แต่ก็ไม่ทันการแล้วเพื่อนได้ทีกระโดดลงน้ำว่ายข้ามคลองก่อนจะขึ้นฝั่งวิ่งหนีไม่คิดชีวิต ฝ่าฝูงเป็ดแตกกระเจิงด้วยความกลัว

แล้วรถตู้ดังกล่าวก็กลับรถขับย้อนไปตามทางเดิมอย่างรีบร้อน ขณะเดียวกันพวกเราก็มาหยุดพักที่ใต้ร่มหว้าใหญ่ ก่อนจะมีชายสูงอายุทั้งเดินทั้งวิ่งมายังพวกเรา แรกๆ พวกเราก็คิดว่าแกมาถามข่าวคราว แต่แล้วก็ต้องปล่อยความสงสัยดังกล่าวเผชิญหน้ากับความจริง

“นี่พวกเอ็งไล่จับเป็ดเขามาใช่ไหม? จับได้กี่ตัวล่ะ?”

“ทำมากี่ครั้งแล้ว? ไอ้พวกลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน”

..........................................................................

พวกเราปล่อยให้ชายแก่แปลกหน้าคนนั้นก่นด่าอยู่นาน ก่อนเพื่อนคนหนึ่งจะโพล่งปากออกมาว่า

“พวกเราวิ่งหนีรถตู้จับเด็กมา”

แต่ดูเหมือนว่าความบริสุทธิ์จากปากเพื่อนจะเปรอะเปื้อนโคลนตมจากลำคลองเกินกว่าจะชะล้างด้วยสายตาของชายแก่แปลกหน้า

พวกเรารวมทั้งผู้เขียนด้วย ปล่อยให้ลมปากของชายแก่แปลกหน้าเดียวดายอยู่นาน โดยที่ไม่โต้ตอบอันใด ก่อนจะพากันเดินกลับไปยังคลองดังกล่าวที่บรรดาอุปกรณ์หาปลาวางอยู่ระเกะระกะ พวกเราจัดการช่วยกันเก็บ ก่อนจะเดินทางกลับไปยังหมู่บ้าน ค่ำวันนั้นเมนูปลาช่อนต้มใบมะขามใส่ผักกะแยงก็เกิดขึ้น พร้อมกับวีรกรรมวันเสาร์ของพวกเรา

เรื่องไม่จบแค่นั้น  เรื่องราวดังกล่าวรู้ไปถึงหูของผู้ใหญ่บ้าน เลยเกิดการตื่นตัวกันยกใหญ่ สัปดาห์นั้นทั้งสัปดาห์ หอกระจายข่าวหมู่บ้านกระจายข่าวเรื่องเดียวคือ 'รถตู้จับเด็ก' เรียกได้ว่าผู้ใหญ่บ้านพูดจนปากเปียกปากแฉะไมค์ชื้นก็ว่าได้ 

สุดท้ายพวกเรารวมทั้งผู้เขียนด้วยก็ได้กลับไปยังคลองดังกล่าวอีกครั้งเพื่อแก้ผ้าล่อรถตู้จับเด็ก โดยมีเหล่า สารวัตร กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้าน รวมทั้งชายแก่แปลกหน้าที่พวกเรารู้ทีหลังว่าเป็นคนรับจ้างเลี้ยงเป็ด โดยมีค่าแรงวันละ 50 บาท กับเหล้าขาว 1 ขวด แอบซุ่มอยู่บริเวณใกล้ๆ 

วันนั้นจึงเป็นวันที่ของพวกเราได้เล่นน้ำกันทั้งวัน โดยมีเหล่า สารวัตร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยอยู่ไม่ห่าง.

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 556897เขียนเมื่อ 20 ธันวาคม 2013 11:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 ธันวาคม 2013 11:25 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

.... เป็นเรื่องราวให้สังคมไทยเรา....เกิดเรียนเรียนรู้และเป็น...เหตุการณ์พึงสังวรณ์ (Sentinel Events) และ...เป็นความเสี่ยงต่อบุตร-หลาน นะคะ ขอบคุณค่ะ


-สวัสดีครับ.

-อ่านบันทึกนี้ด้วยความชื่นชมและชื่นชอบครับ..

-ผมชอบเรื่องราวแบบนี้ครับ ทำให้ผมได้จินตนาการถึงบรรยากาศได้ดีทีเดียว 55

-ความทรงจำอันแสนสุข...สุขมาก ๆครับ..

-ขอบคุณครับ อิๆ


ยินดีที่ได้พบเจอกันในนี้ ครับ

ผมก็เคยคิดเช่นนั้นมาตั้งเเต่ประถมครับ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท