ผิดเป็นครู เรื่องเล่าจาก Post-it


ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มได้ด้วยการลงมือทำ... อย่ากลัวที่จะคิด อย่ากลัวที่จะฝัน

 เรียนแล้วเอามานั่งคิด..

   ผมได้มีโอกาสได้เรียนเรื่อง Leading innovation ผมนั่งฟังและมองดูอะไรหลายอย่างเพื่อการสำรวจนั่งคิดตัวเองไปด้วย จะเอาอย่างไรดี นวตกรรมหน้าตาเป็นอย่างไร การมองนั้นมองแบบไหน และที่สำคัญที่สุดนั้นจะสามารถใช้ได้อย่างไร  ผมนั่งฟังไปด้วย และดูหลายอย่างๆ ผมลองเรียกความคิดตัวเองมาแบบนี้ครับ หากที่เราเรียกว่าจะเกิดนวตกรรมนั้นจะเกิดได้อย่างไร 

chabahome.blogspot.com

  1. จะเกิดได้ต้องเปิดโอกาสให้คิด
  2. จะเกิดได้ต้องสนุกกับการคิด
  3. จะเกิดขึ้นได้ต้องมีบรรยากาศให้เกิดการคิด
  4. จะเกิดขึ้นได้ต้องอะไรที่เป็นฐาน เครื่องมือเก่า หน้าที่เก่า มานั่งคิด
  5. จะเกิดขึ้นได้ต้องรวมหัวคิด
  6. จะเกิดขึ้นได้ ต้องเอา Technology มาร่วมคิด
  7. ลงมือลองเลย...

  คำถามเหล่านี้ผมตั้งคำถามอย่างเดียว คือ จะเกิดได้อย่างไร เป็นการทบทวนและท้ายสุดลองทำเลยสิ.. เหล่านี้ผมคิดว่า(ส่วนตัวนะครับ) หลากหลายทฤษฏีนั้นผมไม่เอามาพูดที่อบรมมาครับ เพราะหลากหลายเนื้อหาเหลือเกิน มีที่หนึ่งที่ผมฟังมาแล้วผมคิดว่าเกิดประโยชน์และแรงบันดาลใจสำหรับผม คือเรื่อง Post-it  ที่ผมเองเอาของเขามาเหมือนกันจาก www.ayarafun.com 

เรื่องนิดเดียวที่ยิ่งใหญ่..

     เชื่อหรือไม่ครับ เรื่อง Post-it ข้อผิดพลาดที่กำลังจะทิ้งไปในการทดสอบกาวทรงพลัง และเป็นได้เพียงกระดาษกาวที่ติดไม่ทน ..แต่นั่นเองเขากลับพบโอกาส ผมมองเรื่องการคิดการพัฒนาและนวัตกรรมของเรื่องนี้มันมากมายมหาศาลเหลือเกินในกระบวนการทั้งการออกแบบและการทำงานที่เกิดขึ้น โดยเรื่องนี้เกิดจาก  3M


 

สองผู้คิดค้น Post it รูปจาก www.ft.com

โฟสต์-อิท กระดาษแผ่นเล็กๆ หลากหลายสีสัน ที่มีแถบกาวใช้ซ้ำติดอยู่ด้านหลังกระดาษ ที่เห็นใช้กันอยู่ทั่วไปนั้น แท้จริงแล้วมันคือ ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ใน ความล้มเหลว

กว่าจะค้นพบ Post-it
  • Post-it เริ่มแรกนั้นเป็นผลิตภัณฑ์ของ 3M คิดค้นได้โดยบังเอิญโดย สเปนเซอร์ ซิลเวอร์ (Spencer Silver) ในปี 1968
  • เรื่องของ Post-it เป็นความ “ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ในความล้มเหลว” ก็เนื่องมาจาก สเปนเซอร์ ชึ่งได้รับมอบหมายให้ปรับปรุงสูตร กาวพลังช้าง ที่สามารถติดได้แน่น ทนทาน กว่าเดิม
  • แต่เขากลับพบสูตรกาวใหม่ ที่ผลไม่ได้เป็นอย่างที่ต้องการ โดยสิ้นเชิง คือ ได้กาวที่แทบจะไม่มีความเหนียวเลย จนทีมงานไม่รู้จะนำไปใช้ประโยชน์อะไร เป็นกาวที่ยึดอะไรไม่ได้ ยึดได้เพียงกระดาษสองแผ่นให้ติดกัน แต่ออกมันดึงออกจากกันได้ แต่ก็พบข้อดีว่า มันเอาติดใหม่ได้หลายครั้ง โดยไม่ทิ้งคราบไว้เลย
  • ถึงกระนั้น สเปนเซอร์ และทีมงาน จะไม่รู้จะนำไปใช้ประโยชน์อะไร แต่เขาก็ยังคงเก็บรายงาน และสูตร กาวพลังห่วย นี้ไว้ (ถ้าเป็นบริษัทในไทย ทำสร้างงบขนาดนี้ คงโดยตัดเงินเดือนแน่นอน)
  • เวลาผ่านไปกว่า 4 ปี นักวิทยาศาสตร์ของ 3M นามว่า อาเธอร์ ฟรี(Arthur Fry)  ซึ่งเขาเป็นนักร้องประสานเสียงในโบสถ์อีกด้วย
  • ตามปกติการร้องเพลง แต่ล่ะครั้ง นักร้องจะมีการประชุม เพื่อเลือกเพลง ที่จะร้องไว้ล่วงหน้า เมื่อเลือกเพลงได้ เขาจะคั่นหน้าเพลงด้วยเศษกระดาษ แต่เขาประสบปัญหา กระดาษเหล่านั้นมักปริวหลุด ขณะเปิดไปหน้าอื่นๆ ทำให้การร้องเพลงต่อไป ขลุกขลักไม่ต่อเนื่อง
  • จากปัญหานี้ ทำให้อาเธอร์ นึกขึ้นได้ว่าสเปนเซอร์ เคยค้นพบ กาวพลังห่วยขั้นเทพ ได้เมื่อ 4 ปี ที่แล้ว เมื่ออาเธอร์จึงนำมันลองใช้ อาเธอร์พบว่า กาวพลังห่วยนี้ มีคุณสมบัติถูกต้องอย่างที่เขาตามหา ทำให้กระดาษโน๊ตติดกับหนังสือได้ และสามารถลอกไปติดซ้ำได้ และไม่ทิ้งรอยคราบ หรือทำความเสียหายให้หนังสืออีกด้วย จากข้อด้อยไร้ประโยชน์ กลายเป็นข้อดีหาที่เปรียบมิได้สักแล้ว
  • จากการค้นพบครั้งนั้น ทำให้ “กาวพลังห่วย” ได้เกิดเป็นกระดาษโน็ตสีเหลือง ที่ใช้เป็นอุปกรณ์ช่วยเตือนความจำ นามว่า Post-it
  • Post-it กระดาษโน็ตยอดนิยม ของ 3M ผลิตออกขายในปี 1980 หลังการค้นพบ กาวพลังห่วย นั้นถึง 10 ปี
  • ส่วนประกอบของแถบกาว Post-it ผิวกระดาษด้านที่กาวเหนียวนั้นมียางยูเรีย ฟอร์มาดีไฮด์ เป็นฟองเล็กๆปกคลุมอยู่ และภายในฟองมีสารยึดติด เมื่อโดนแรงกด ฟองเหล่านี้จะแตกไปบ้างแต่ไม่หมดทุกฟอง ดังนั้นกระดาษนี้จึงนำไปใช้ติดใหม่ได้

POST iT เชิงสังคม
  • Post-it เป็นที่นิยมมาก เพราะว่ามันเปลี่ยนรูปแบบการจัดการเอกสาร ในที่ทำงานอย่างสิ้นเชิง
  • Post-it ถือเป็นเครื่องช่วยเตือนความจำ และ มันยังผลิตภัณท์ที่สะท้อนสังคม ที่ชีวิตเต็มไปด้วยเรื่องยุ่งเหยิง เต็มไปด้วยข้อมูล ข่าวสารที่หลายทาง และ ความต้องการที่จะจัดการกับความสลับ ข้อมูลอันยุ่งเหยิงนั้น
  • เราจะเห็นภาพยนตร์หลายๆเรื่องที่เอา Post-it ไปเป็นตัวละครหลัก ที่เอามันมาเป็นสัญลักษณ์เกี่ยวกับเตือนความจำ ไม่ว่าจะเป็น “50 First dates”  ,”Memento” , ”ความจำสั้น แต่รักฉันยาว” , “32 ธันวา” …….
  • Post-it ถูก พัฒนามันมาใช้เป็นระบบช่วยเตือนความจำในรูปแบบของคอมพิวเตอร์ เป็นโน็ตบนหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็น “Sticky Notes” ของ Windows 7 และ “Stickies”  ของ MacOS
ความสำเร็จของ POST-IT
  • Post-it เป็นผลิตภัณต์ของ 3M มากว่า 30 ปี และ มีการพัฒนาต่อเนื่อง จากกระดาษช่วยเตือนความจำขนาด 3×3 นิ้ว ได้พัฒนาเรื่อยมาจนทุกวันนี้มีกระดาษ 8 ขนาด 25 แบบ และ 62 สี เพื่อตอบสนองการใช้งาน และยังขายไปอีก 150 ประเทศ
  • อาเธอร์ (Arthur Fry) และ สเปนเซอร์ (Spencer Silver)  ผู้ให้กำเนิดเจ้ากระดาษโน้ตนี้ ได้รับเกียรติ ถูกนำชื่อเข้าประดับในทำเนียบ หอนักประดิษฐ์เกียรติยศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (National Inventors Hall of Fame) ที่มีบทบาท ผลักดันเทคโนโลยีที่ช่วยขับเคลื่อน สังคมและเศรษฐกิจ ให้ดีขึ้น
  • สำหรับ Post it ในตอนนี้คงไม่เป็นแค่กระดาษสีเหลืองธรรมดา มันพัฒนามาเป็นระบบช่วยเตือนความจำ และระบบนี้คงจะอยู่ไปอีก เป็นร้อยๆ ปี

 

เรื่องราวนี้บอกเราว่า

1.ไม่มีสิ่งใดที่ไร้ค่า การพบสิ่งไร้ค่า ไม่ได้บอกว่า เราจะล้มเหลว
แต่การล้มเหลว คือการที่ล้มเลิก ไปก่อนต่างหาก”

2.ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มได้ด้วยการลงมือทำ... อย่ากลัวที่จะคิด  อย่ากลัวที่จะฝัน

 

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

1.ข้อมูลจาก http://www.ayarafun.com

2.จากการประชุมและการ recall ความคิดตนเอง  ..ในการอบรม Leading innovation

คำสำคัญ (Tags): #Post it#Leading innovation#สรพ
หมายเลขบันทึก: 556895เขียนเมื่อ 20 ธันวาคม 2013 10:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 ธันวาคม 2013 11:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)

ล้มเหลว แต่อย่า ล้มเลิก และ ไม่เลิกล้ม ครับ

ขอบคุณครับอาจารย์และเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ

ขอบคุณบันทึกให้มุมคิดนี้นะคะ

สุดยอดค่ะ

ขอบคุณครับพี่ที่เข้ามาเยี่ยม คิดถึงพี่จัง ..และไปอ่านบันทึกพี่ทีไรได้ความสึกทุกทีไป ..

เป็นเรื่องที่มีคุณค่าและน่าสนใจมากค่ะ

นวัตกรรมเกิดจาก 1) ต้องเปิดโอกาสให้คิด 2) ต้องสนุกกับการคิด 3) ต้องมีบรรยากาศกระตุ้นให้คิด 4) ต้องมีทรัพยากรที่เป็นฐานการคิด 5) ต้องรวมหัวคิด 6) ต้อง ใช้ Technology สนับสนุนการคิด และ 7) ต้องลงมือลองเลย...ขอบคุณมากนะคะ

ผิดแล้วเกิดบทเรียน..ได้เรียนรู้ นะคะ .....ได้ต้องเปิดโอกาสให้คิด...ต้องสนุกกับการคิด...มีบรรยากาศให้เกิดการคิด....เป็นฐาน เครื่องมือเก่า หน้าที่เก่า มานั่งคิด.....รวมหัวคิด..... เอา Technology มาร่วมคิด ..... ลงมือลองเลย ...... ดีจริง ๆค่ะ


ขอบคุณค่ะ



ขอบคุณบันทึกนี้มากเลยครับ

ทำให้ห้วงเวลาแห่งความรู้สึกสบสนของผม

.ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มได้ด้วยการลงมือทำ... อย่ากลัวที่จะคิด อย่ากลัวที่จะฝัน..

ขอบคุณค่ะ

อาจารย์ขอบคุณมากครับในการเข้ามาเยี่ยมชมครับอาจารย์

ขอบคุณครับพี่ ดร.เปิ้ล พร้อมทั้งยกตัวอย่างนวตกรรมที่น่ารักมาด้วย "ห่วงใครให้ใส่หมวก"

สวัสดีครับ พี่ พ. สบายดีนะครับ และขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมครับ

ขอบคุณครับพี่ อ.ภู กล้าที่จะฝันและลงมือทำเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่มากครับพี่ ..

ผิดเป็นคุณมะเดื่อจ้ะ...อิ อิ เพราะคุณมะเดื่อเป็นครู

55 ครับพี่มะเดื่อ ไม่ได้เขามานานสำหรับผม ยังคงคิดถึงพี่ๆทุกท่านครับ

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
ไม่มีสิ่งใดที่ไร้ค่า...
ทุกๆ สิ่งมีค่าในตัวของมันเอง

ขอบคุณครับ.

มันใช่เลยจอร์จ ฮ่าๆๆ จะบอกว่ามันใช่เลยอจ.ลูกหมู

ที่เคยผิดพี่เต่าว่ามันกลับเป็นผลดีที่ทำให้เรารู้ว่า

ถ้าจะทำ,,,อีกครั้งในวันข้างหน้า..เราต้องทำอย่างไร เย้ /////

...คิดและฝันให้ไกล...แล้วไปให้ถึงนะคะคุณลูกหมู...เป็นกำลังใจเสมอค่ะ

55 ครับพี่มะเดื่อเป็นครูจริงๆ ..

ดีใจจังเจอพี่เต่าแล้ว..จากการทำงานก็เจอมาเจอทางนี้เรียนความคิดกัน..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท