โชคดี-โชคร้าย (2-152)


“คนโชคดีไม่ได้หมายถึงว่าพบแต่เรื่องดีๆแต่เขาเห็น เรื่องดีๆ ในเรื่องไม่ดี... ต่างหาก”

 

ในโชคดี มีเรื่องร้าย ในโชคร้าย มีเรื่องดี

 

                ข้อความนี้ฉันเคยเขียนไว้ตั้งแต่เด็กแต่เพิ่งจะ “ซาบซึ้ง” มีประสบการณ์ตรงก็เมื่อไม่นานมานี้ เรื่องมาจากฉันรู้สึก “โชคร้าย”เพราะต้องรับงานด่วนจากหัวหน้า ที่มีเวลาเพียง 3 วันทำการ (รวมวันหยุดเสาร์-อาทิตย์เป็น5 วัน) ต้องเขียน “เอกสารข้อมูลพื้นฐาน” (Grounded Paper) ด้านวิชาการที่ต้องใช้ในการประชุมอันเร่งด่วน  

 

                ตอนรับปากก็แอบบ่นในใจว่า “แล้วจะทำทันได้ยังไงเรื่องอะไรก็ไม่รู้ เพิ่งเคยได้ยินชื่อ” ยังไม่เคยมีงานพิมพ์เรื่องนี้เผยแพร่เป็นภาษาไทยและฉันต้องศึกษาจากเอกสารภาษาอังกฤษ ซึ่งไม่ใช่ภาษาที่ฉันเชี่ยวชาญ แม้จะมีความรู้“อ่านออก เขียนได้พอใช้” แต่การต้องอ่านเอกสารที่ค้นหาจากเว็บต่างประเทศในเวลาสั้นๆนั้นฉันไม่ชอบเลย ฉันชอบงานยาก แต่ต้องมีเวลาได้ซึมซับเรียนรู้ ไม่ใช่งานด่วนๆซึ่งแน่ละ ไม่มีทางที่จะทำให้ดีไปได้ (ในศักยภาพอันน้อยนิดของตัวเองที่มี) เขียนออกไปแล้วคนอ่านก็จะว่าได้ว่าทำงานหยาบๆ เรียนมาขนาดนี้ อ่าน คิดวิเคราะห์ได้แค่นี้เองหรือ (กระทบอัตตาตัวตนอย่างแรง) แล้วที่ขัดใจยิ่งขึ้นก็ตอนมีคนมาบอกว่า งานนี้หัวหน้ามอบให้เพื่อนร่วมงานอีกคนหนึ่งทำตั้งแต่ 3 เดือนที่แล้ว แต่เธอไม่ได้ทำอะไรเลย และช่วงนี้ยังมาลาพักผ่อน (ทิ้งงานนี่นา) ฉันไม่ใช่คนดีวิเศษหรือเป็นแม่พระนะ(โว้ยยยยย) ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห หัวหน้าคนนี้ก็แปลกคนชอบโยนงานด่วนเผือกร้อนให้ฉันหลายครั้งแล้วนะ เห็นฉันไม่ค่อยมีปากมีเสียง หยวนๆยอมๆหรือไง แล้วอย่ามาอ้างว่าฉันเก่งฉันเป็นคนดีเสียสละ ฉันล่ะเบื่ออออออ....ฉันไม่ได้เป็นคนดีเสียหน่อยยยยยย....ฉันก็คนธรรมดาๆ เหนื่อยเป็น น้อยใจเป็นนะ  ไม่ทำให้เสียดีไหมปล่อยให้เสียชื่อสำนักฯไปเลย หอบข้อมูลภาษาอังกฤษขนาดกระดาษ 1 รีมกลับบ้านมาด้วยความทุกข์ วางกองข้างโต๊ะอย่างนั้นเอง

 

                ตื่นเช้านั่งละเลียดกาแฟไม่มีอะไรทำก็เลยเก็บเศษกระดาษที่ชอบโน้ตโน่นนี่ ที่กระจายไม่เป็นระเบียบบนโต๊ะเรียงเป็นตั้งๆเจอกระดาษโน้ตเล็กๆ แผ่นหนึ่งเขียนไว้เมื่อวันที่ 22 พย.54วันที่กลับไปทำงานวันแรกหลังเรียนจบ

เรียนจบแล้วอย่างมีความสุขกลับไปทำงานให้มากที่สุด เต็มที่เต็มกำลัง ตอบแทนชาติบ้านเมืองเสียนะ อย่าลืมๆ...” 

              อ่านแล้วกลืนน้ำลายลงคอ ยังไม่ถึง 2 ปีดีเลยความรู้สึกที่เขียนไว้ในวันนั้นหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้...อายตัวเองจัง  ตัดสินใจ เอาล่ะ ทำก็ทำทำเต็มที่ที่สุดเท่าที่ทำได้ ดีไม่ดี ใครจะชมจะด่า ไม่เป็นไร ถือว่า “ได้ทำ”ก็แล้วกัน

 

 

                Grounded Paper ชิ้นนั้นเสร็จทันใช้ในการประชุม มีความยาว 10 หน้ากระดาษ A4 เป็นที่พอใจของหัวหน้าและได้ยินว่า“นายใหญ่” ชมว่าดี  ฉันยิ้มรับคำบอกเล่า ที่ยิ้มไม่ได้ภูมิใจอะไรหรอก แต่เพราะคิดอยู่ในใจว่า ที่ทำท่าพอใจและชมว่าดีนี่น่ะคงไม่ได้อ่านหรอก (เชื่อขนมกินได้เลย) แต่เพราะ “ได้อย่างใจ” ที่สั่งงานแล้วได้มากกว่า!!! ในขณะที่เสี้ยวหนึ่งของความรู้สึกหลังทำเสร็จก็คือ“ภูมิใจ” ไม่ใช่เพราะผลงานดีเด่นอะไร หากเพราะงานนี้เป็นประจักษ์พยานที่แสดงว่าฉันสามารถ“ชนะใจตัวเอง” ได้ต่างหาก

 

               จากการประชุมครั้งนั้นส่งผลต่อให้ฉันถูกชี้ตัวให้ไปร่วมประชุมนานาชาติที่โปรตุเกส 10 วันเป็นประเด็นให้คนในที่ทำงานได้พูดคุยอภิปรายอย่างกว้างขวาง (นินทา) บ้างก็ว่าฉัน “โชคดี”บ้าง “บุญหล่นทับ” บ้าง "ชุบมือเปิบ" บ้าง บางคนเล่าถึงขนาดว่า หัวหน้าฉันไม่ได้อยากให้ฉันไปหรอกแต่ขัด “นายใหญ่” ไม่ได้ ฯลฯ  เสียงคุยลับหลังพวกนี้ก็แปลกใครแอบพูดที่ไหน ก็ยังมีคนแอบได้ยินและเอามาบอกเล่า (เสริมเติมแต่งตามใจกันไป)เข้าหูฉันจนได้(ยุ่งจริงหนอโลกนี้) แรกๆ ก็รำคาญใจ ไม่เห็นจะอยากไปเลย ประเทศโปรตุเกสนี่ไม่เคยอยู่ในลิสต์ที่เคยทำไว้ว่าจะไปเยือนด้วยซ้ำไป ใครอยากไปก็ไปสิ ไปทีตั้ง 10วันนานเกินไป ฯลฯ

 

               แต่ก็ในที่สุดนั่นแหละ ฉันต้องไปประชุมพร้อมคนอื่นๆ 3 คน เป็นการประชุมที่สนุก ได้ความรู้ ประสบการณ์ และฉันชอบมากที่สุดประชุมหนึ่งเลยก็ว่าได้  ตั้งใจว่าจะเล่าเรื่องการประชุมในโปรตุเกส แต่เรื่องราวยืดยาวเยิ่นเย้อ  บันทึกต่อไปจะเล่าเรื่อง “ความรู้สึก” ที่ได้จากการประชุมที่โปรตุเกส (หมายเหตุไม่ใช่ “ความรู้” นะคะ)

 

                อ้าว...เกือบลืมที่เล่าไปนั้นสรุปได้ด้วยข้อความของพี่ชายคนดี ที่ว่า

คนโชคดีไม่ได้หมายถึงว่าพบแต่เรื่องดีๆแต่เขาเห็น เรื่องดีๆ ในเรื่องไม่ดี... ต่างหาก

หมายเลขบันทึก: 551564เขียนเมื่อ 23 ตุลาคม 2013 15:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 ตุลาคม 2013 16:01 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (23)

สบายใจแล้วซินะคะ งานเสร็จไม่อยากไปแอ่ว พอได้พบความสุขเกิดแล้วสิ่งดีๆข้างหน้ามีเสมอนะคะ

พี่ดาว่ามีหลายคนต้องแอบอิจฉาแน่ๆ  ดีใจด้วยนะคะที่ไปเรื่องงานแล้ว สนุก ได้ความรู้ประสบการณ์ดี ที่จะนำมาฝาก 

 

สวัสดีค่ะพี่ดา

ดีใจ สุขใจมากค่ะพี่ดา ยิ่งไม่ได้คาดหวัง แต่ได้ผลดีเกินที่คิดไว้ เลยอยากบันทึกไว้ 

เล่าให้รุ่นน้องและหลานๆหลายคนที่อยู่ในวัยเพิ่งทำงาน เพื่อเป็นอุทาหรณ์ว่า "อย่าปฏิเสธงาน ให้สู้งานหนัก เพราะงานนี้เองที่สร้างคน" ยิ่งทำโดยไม่ได้หวังผลส่วนตัวแล้ว เราจะได้เป็นทวีคูณค่ะ   :)

สวัสดีค่ะคุณ คุณมะเดื่อ

ดีใจได้ทักทายกันค่ะ

ตุ๊กตาน่ารักจังค่ะ  ;)

รีบมาด้วยคิดถึงค่ะ

ถามถึงมาสักระยะแล้วค่ะ ว่าหลายคนที่ดิฉันคุ้นเคยและชอบอ่านบันทึกหายไปค่ะ

และคุณหยั่งราก ฝากใบ ก็เป็นหนึ่งในลิสต์นั้นค่ะ

 

 

ส่งผลไม้จานนี้มารับขวัญและเป็นกำลังใจนะคะ

รอฟังเรื่องสนุกๆ จากโปรตุเกสนะคะ

 

 

คิดถึงจึงมาหา

คนดีมีความหมาย

หายไปมิสั่งลา

ใจที่หายยังรอ..อ่านค่ะ

มองหาความท้าทาย ในปัญหา เปลี่ยนเป็นมองหาสิ่งดีดี ที่เราทำงาน หรือการประชุม เลยนะคะ ขอบคุณเรื่องเล่าดีดีนี้ค่ะ

สวัสดีค่ะพี่ Bright Lily

ขอบคุณสำหรับกำลังใจและมิตรภาพที่พี่ให้อย่างสม่ำเสมอ
รับองุ่นไว้นะคะ ส่วนแตงโมไม่ค่อยชอบทานค่ะ
ขอบคุณค่ะ  :)

สวัสดีค่ะพี่ครู krutoiting

ความจริงไม่ได้หายไปไหนค่ะ

เลือกใช้เวลาน้อยลงในนี้ เพื่อทำสิ่งอื่นค่ะ

ขอบคุณค่ะ  :)

 

สวัสดีค่ะคุณครู noktalay

เห็นด้วยค่ะ  ;)

ขอบคุณที่สรุปให้อย่างชัดเจนค่ะพี่ Dr. Ple

สวัสดีครับคุณครู

ยินดีที่คุณครูทำงานได้

 

ที่จริงผมคิดว่าครูทำได้ตั้งแต่คุณครูตัดสินใจเริ่มลงมือทำแล้วหละ

และตอนนี้ก็ตั้งใจรออ่านงานต่อๆไปของคุณครูนะครับ

พี่Green ครานี้บันทึก.....ออกจะแปลกไปนะครับ  

โชคดีหรือโชคร้าย........ถ้ายังทำงานอยู่กับชาว .โลก. มันก็หนีไม่พ้น .คน. ตามโลกธรรมเน้อ.................... (งงว่าผมพยายามจะเขียนอะไร .....แฮะๆๆ  แต่เอาเป็นว่า วางว่างว่างวาง นะครับ.....)

สวัสดีค่ะคุณ ลุงชาติ

ขอบคุณกำลังใจที่ให้เสมอค่ะ

หวังว่าคุณลุงชาติคงสบายดีนะคะ  :)

สวัสดีค่ะท่าน .99

หากเข้าใจไม่ผิดคงจะเป็น ท่านวิชญธรรม นะคะ

บันทึกนี้gเขียนด้วยความรู้สึกแปลกไปจริงๆ ด้วยค่ะ  เพราะยังรู้สึกเล็กๆ คล้ายๆ กับ "การสะใจ" บางคน โดยเฉพาะ "หัวหน้า" เนื่องจากเขาไม่อยากให้เราไป แต่เราได้ไป อะไรทำนองนั้น...ฮาๆๆๆๆ

ตอนนี้ก็มาคิดอีกว่า...

พยายามศึกษาธรรมะ แต่ก็ยังโกรธ ยังน้อยใจ จิตไม่สูงขึ้นกว่าเดิมเลย สรุปว่า "สอบตก" เหมือนเดิม แต่ไม่เป็นไร คิดให้กำลังใจตัวเองว่า... รู้ว่าเราไม่ดีตรงไหน ก็ดีแล้ว รู้สึกผิดก็ดีแล้ว รู้แล้วเห็นแล้วว่าผิด ก็สำนึกแล้ววาง ว่าง วางลงไป จะได้ก้าวต่อไป เจริญยิ่งขึ้นในธรรมค่ะ

หวังว่าคงสบายดีนะคะ ด้วยความระลึกถึงค่ะ  :)

ยินดีกับความสำเร็จนะคะ...ชื่นชมในความคิดและการสู้งานความสำเร็จของงาน

มันจะท้าทายเราให้แข็งแกร่งและทำงานได้อย่างสนุกกับงานนะคะ...เขียนได้น่าอานชวนติดตามค่ะ

สวัสดีค่ะพี่ Preeda

ต้องขออภัยพี่ด้วยที่เพิ่งเข้ามาตอบนะคะ

ขอบพระคุณกำลังใจและข้อคิดของพี่ น้องน้อมนำไว้ในใจค่ะ :)

ขำๆ คนเขียนบันทึกนี้โมโหก็เป็น

อิๆๆๆๆ

สวัสดีค่ะคุณครู ธ.วั ช ชั ย

การโมโหวันละนิด ทำให้เราได้เทขยะออกจากจิตใต้สำนึกบ้างค่ะ (เพื่อนรักบอก)

หากเราเก็บกักกดทุกเรื่องราวที่ไม่ชอบไม่พึงใจไว้ ถังขยะจิตใต้สำนึกอาจจะเต็มได้ในวันหนึ่ง เมื่อนั้นเราอาจมีพฤติกรรมที่ไม่เคยทำมาก่อน... เช่น โกรธ โมโห ปึงปังโดยมีเหตุไม่สมควร (ในสายตาของคนรอบตัว) ดังนั้น...หมั่นทิ้งความไม่พึงใจออกบ้าง จะได้ไม่คั่งค้างและมีที่สำหรับความอดทนอดกลั้นต่อไป...ค่ะ :)

“คนโชคดีไม่ได้หมายถึงว่าพบแต่เรื่องดีๆแต่เขาเห็น เรื่องดีๆ ในเรื่องไม่ดี... ต่างหาก”

เป็นบันทึกที่เขียนได้ชัดเจนมากเลยนะครับ มุมคิดที่ไม่พูดที่เขียนได้กระแทกใจใครบางคน

..

อ่านแล้ว พบความจริงที่ว่า...น้ำนิ่งไหลลึกเป็นเช่นไร?

..

เป็นกำลังใจให้เสมอนะครับคุณหยั่งรากฯ ครับ

..

มุมคิดที่ไม่พูดที่ แต่เขียนได้กระแทกใจใครบางคน

สวัสดีค่ะคุณแสงแห่งความดี

ความจริงก็นึกดีใจและอดจะขอบใจตัวเองไม่ได้ค่ะที่ไม่ได้ พูดหรือปฏิเสธงานออกไป ไม่ใช่เพราะได้ไปต่างประเทศจากการทำงานชิ้นนั้น แต่เพราะได้ ผ่านความอดทนอดกลั้นและชนะใจตนเอง...
ซึ่งสำหรับตัวเองแล้ว ถือว่า สำคัญและมีคุณค่าที่สุดค่ะ  ☺

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท