Happy Ba....ถอดบันทึก 4 บล็อกเกอร์ ( 6 )


 

  ผู้เขียนเดินทางตามถอดบทเรียนของสมาชิกใน Happy Ba มาเกินครึ่งทางแล้ว ไม่ทราบว่าหลายๆท่าน เดินทางกันไปถึงไหนแล้ว ผู้เขียนของเดินทางต่อก่อนนะคะ

21. บันทึกชื่อ 

นิยายภาพ(จริง): มองเหนือหัวใจแห่งปัญหา ของคุณหมอ ป. ที่ http://www.gotoknow.org/posts/514491

  เหตุเกิดจากถังขยะใบหนึ่ง บนชั้นที่พักของคุณหมอเสีย เปิดไม่ได้ ทำให้ต้องเดินลงไปทิ้งขยะชั้นต่ำลงมา เป็นเช่นนี้อยู่หลายวัน ที่สุดถังขยะใบนั้น ก็ได้รับความสนใจจากคุณหมอ ป.ค่ะ คุณหมอหยุดสำรวจ ก็พบว่า เมื่อพยายามใช้มือแกะเปิดฝาถังนั้นเปิดไม่ได้ เห็นว่ามือจับนั้นไม่มี แถมสลักข้างในก็ล็อกอีก ซึ่งหลายๆคน ก็อาจปล่อยผ่านเลยไป หมดความสนใจที่จะแก้ไข แต่คุณหมอมีความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหานี้ด้วยตนเอง จึงมองไปรอบๆบริเวณนั้น ก็พบชิ้นส่วนของมือจับวางอยู่ข้างๆ จึงนำมาแงะรูช่องสลักดู แต่ก็ไม่ได้ช่วยปลดล็อกได้ จึงคิดว่า มันต้องมีแกนเหล็กที่จะสวมเข้าไปในรูนั้นเพื่อปลอดล็อก จึงมองกว้างออกไปอีก ก็พบแท่งเหล็กจริงๆ จึงนำมาประกอบเข้ากับมือจับ แล้วใส่เข้าใปตามช่องนั้น ปรากฏว่าคราวนี้ ปลดล็อกได้ แต่ทว่า มันไม่มีสกรูจับ เมื่อถ้าใช้งานชั่วคราวเสร็จ  แล้วทิ้งมือจับไว้อย่างนั้น ประเดียวก็หล่นชิ้นส่วนกระจัดกระจายอีก คุณหมอจึงใช้สายตา มองหาสกรูอย่างถี่ถ้วน รอบทิศทาง ที่สุดก็ไปพบสกรู ตัวหนึ่งอยู่บนขอบกำแพงนั่น การมองรอบทิศทางมีประโยชนือย่างนี้เอง ที่สุดสกรูตัวนั้นก็ได้ยึดที่เปิดถังขยะ และใช้การได้ แต่เพื่อความสมบูรณ์ คุณหมอจึงคิดว่าจะไปหาสกรู อีก 2 ตัว มายึดให้มั่นคง

  ถังขยะใ้ได้แล้ว หลายคนคงดีใจที่ไม่ต้องเดินทางลงไปทิ้งขยะชั้นอื่น แต่คุณหมอ ป. มีความรู้สึกมากกว่านั้น โดยบอกว่า รู้สึกมีความสุขจัง ในขณะที่ทำงานชิ้นนี้จนสำเร็จ อาจเป็นเพราะการเกิดปัญญา ในการแก้ปัญหาชวนคิดต่อไปเรื่อยๆนั้นนั่นเอง  และเมื่อใช้สติพิจารณาอย่างรอบครอบ ก็มองเห็นสิ่งรอบข้างที่ทำให้การแก้ไขปัญหานั้นสำเร็จลงในที่สุด คุณหมอเรียกสิ่งนี้ว่า

"มองเหนือหัวใจแห่งปัญหา"  ขอบคุณค่ะ กับการแบ่งปัน มุมมอง และเห็นขั้นตอนการปฏิบัติ ที่ชัดเจนด้วยค่ะ คุณหมอ

.............................................................


22. บันทึกของเพื่อนร่วมอาชีพของผู้เขียนเอง คุณ ทิมดาบ หมออนามัยผู้มีจิตใจที่เมตตาและละเอียดอ่อน ที่บันทึกนี้ค่ะ  ความสุขที่ไม่เคยคาดฝันว่าจะได้รับจากคนๆ นี้...http://www.gotoknow.org/posts/499359

  บันทึกของคุณทิมดาบ สร้างความรู้สึกที่ผู้เขียนอยากจะบอกว่า สัมผัสเข้าไปถึงหัวใจ และมีความสุขกับคนๆนี้ ที่มอบความรู้สึกดีมากๆให้คุณทิมดาบด้วยค่ะ

..เปรี้ยวเป็นที่รู้จักดีของคนในหมู่บ้าน เพราะเปรี้ยวมีความพิการทางสมอง ที่ชาวบ้านเรียกว่า ไม่เต็มบาท นอกจากนี้เปรี้ยวยังเป็นคนไข้ประจำ ที่ต้องมาฉีดอินซูลิน  เช้า เย็น ก่อนอาหาร ที่สถานีอนามัยที่คุณทิมดาบรับราชการอยู่ คนในหมู่บ้านและหมออนามัยรู้จักเปรี้ยวดี เธออารมณ์ดี วันๆกว่าจะเดินทางมาถึงสถานีอนามัย ก็แวะนวดคนนั้น เล่นตรงนี้ไปเรื่อยเปื่อย บางคนก็ให้เงินเล็กๆน้อย ด้วยความเอ็นดูเมตตา และคุรทิมดาบ ก็มีความห่วงใยเปรี้ยวเสมอ โดยเมื่อเห็นเธอโตเป็นสาว และเริ่มมีผุ้ชายบางคน มีทีท่ากับเปรี้ยว ทำให้คุณทิมดาบตัดสินใจ ขออนุญาต ญาติของเปรี้ยวฉีดยาคุมให่้ เพื่อกันการเกิดปัญหา ที่ทำให้เปรี้ยวต้องมารับภาระเป็นแม่คนได้ เหล่านี้ คือสิ่งที่ผู้เขียนชื่นชอบการดูแลด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ ของคุณทิมดาบมาก

   สิ่งหนึ่งที่เปรี้ยวแสดงความสนใจมากคือ เธออยากเขียนหนังสือเป็น เพราะเห็นคุรหมอที่อนามัยเขียนหนังสือกัน ดังนั้นคุณหมอใจดีของสถานอนามัยแห่งนี้ จึงเวียนกันให้การบ้าน ให้เปรี้ยวไปค้ดหนังสือมาส่ง ไม่ได้มีใครคาดหวังว่าเปรี้ยวจะสามารถขนาดไหน เพียงแต่อยากให้เธอได้รู้สึกสมปรารถนาบ้าง ที่อยากเขียนหนังสือเป็น

 เปรี้ยวที่คุณทิมดาบเห็น คือบุคคลที่ควรได้รับการสงเคราะหฺ ช่วยเหลือ ดูแล หลายคนให้ข้าวของ อาหาร เครื่องใช้ เงินทองแก่เปรี้ยวบ้าง ถือเป็นการสร้างสุขที่เป็นรูปธรรม ที่หลายๆสังคมทำกัน แต่ใครจะนึกว่า คนไม่เต็มบาทคนนี้ กลับสร้างความรู้สึกที่เป็นนามธรรมให้คุณทิมดาบได้สัมผัสด้วยหัวใจที่เป็นสุขยิ่งนัก เมื่อวันหนึ่ง ที่คุณทิมดาบกลับสถานีอนามัยมาด้วยความเหนื่อยล้า แต่เมื่อสายตาสัมผัสเศษกระดาษใบหนึ่ง ที่เขียนหนังสือด้วยตัวบรรจง ชัดเจน เขียนหลายบรรทัด และบันทัดสุดท้ายนั้น เขียนชื่อ นามสกุลของคุณทิมดาบ ไม่ผิดเพี้ยนสักตัวอักษร นั่นแหละค่ะ ของฝากที่เปรี้ยวนำมาให้คุณทิมดาบในวันนั้น

    เห็นท้ายบันทึกว่า มีความสุขกับข้อความของเปรี้ยวคนไม่เต็มบาทคนนี้ ที่สามารถทำให้คุณทิมดาบมีสุขจนกินข้าวอย่างอร่อยที่สุดวันกนึ่งทีเดียว

 ผู้เขียนก็มีความสุขไปด้วยจริงๆค่ะ

..............................................................................................................

23.  ชีวิตอันน่าทึ่งของ......“จั๊กจั่น”  http://www.gotoknow.org/posts/459938

บันทึกจากนักกีฏโภชนา ( วิชาใหม่) ของคุณอักขณิช แห่งบ้านแม่ตาด เราอาจจะเคยอ่านแต่เรื่องกีฏโภชนา (กินแมลง) มานำเสนอบ่อยๆ แต่วันนี้ คุณอักขณิช มาแนวใหม่ เป้นนักวิการการเนี้ยบเลยค่ะ และทำให้ผู้เขียนพลอยหายโง่ไปด้วย เพราะเหมือนจะรู้จักกั๊กจั่นดี แต่ที่แท้ไม่รู้เลย นอกจากเสียงร้องกังวาลไพรเท่านั้น

  เข้าเนื้อหาสำคัญกันเลยนะคะ คุณอักขณิชเล่าเรื่องจั๊กจั่น ให้คนในครอบครัวฟัง ในคืนที่มีจัก๊จั่นยักษ์ บินมาส่งเสียงลั่นบ้าน คุณอักขณิชเล่าอย่างผู้รู้ว่า จั๊กจั่นตัวนี้ มีอายุ 18 ปี เป็นการเรียกความสนใจ และทึ่งมากให้กับผู้ฟังในคืนนั้น และผู้เขียนก็แอบทึ่งไปด้วยในคืนนี้

   แต่เรื่องราวของคุณอักขณิช ที่ได้ไปค้นคว้ามา จากหนังสือสารานุกรม ก้ทำให้เราได้รู้ว่า จั๊กจั่นที่มีอยู่ 2,000 กว่าสายพันธุ์นั้น เป็นสัตว์ดึกดำพรรพ์มากว่า 200 ล้านปีแล้ว เป็นสัตว์ที่ทำเสียงจากการขยับปีก ให้ดังมากถึง 200 เดซิเบล   โดยมีเหตุผลในการทำเสียงหลายอย่างด้วยกัน เช่น  เตือนภัย  เรียกร้องความสนใจจากสาวๆ(จั๊กจั่นสาว) และบ่งบอกให้เราได้ทราบถึงความเปลี่ยนแปลงแห่งฤดูกาล(เสียงของจั๊กจั่นทำให้เราได้ทราบโดยอัตโนมัติว่า “ฤดูร้อน” เริ่มมาเยือนแล้วน่ะ) และตัวผู้เท่านั้น ที่ทำให้เกิดเสียงได้

  วงจรของจั๊กจั่น น่าทึ่งมาก เพราะหลังจากตัวเมียวาวงไข่ไว้ตามเปลือกไม้เสร็จ ก็จะสิ้นใจพอดี ไข่จะฟักอยู่นาน 4 เดือน จากนั้นก็จะฟักเป็นตัวอ่อนคล้ายหนอ ลงไปอยู่ใต้ดิน โดยกินน้ำเลี้ยงจากรากต้นไม้เป็นอาหาร มีชีวิตช่วงนี้นานถึง 17 ปี จากนั้นจึงขึ้นมาลอกคราบกลายเป็นแมลงจั๊กจั่นที่เราเห็น โดยอาศัยตามต้นไม้ ที่ชอบมากคือต้นจามจุรี ดูดกินน้ำเลี้ยงของต้นไม้เช่นเคย ช่วงนี้เมื่อมีอายุครบ 4 เดือน จั๊กจั่นก็จะส่งเสียงหาคู่ผสมพันธุ์กันต่อไป เป็นวัฏจักรอยู่แบบนี้

 เป็นเรื่องที่เพิ่งจะรู้ และขอถอดบันทึกนี้ไว้ เป้นความรู้โดยย่อ หากใครสนใจในสำนวนคุณ อักขณิช ก็เชิญอ่านบันทึกเต็มๆได้

   จักรจั่น มาเกาะมุ้งลวด ร้องเสียงดังสนั่นที่บ้านคุณอักขณิชในวันนั้น ทำให้คุณอักขณิชบังเกิดความสนใจและใฝ่คิดไปถึงการมาของจั๊กจั่นต่างๆนาๆ มันมาทำไมหนอ มาส่งข่าวเรื่องอะไรหรือ หรือมาตามหาคู่ที่พลัดพรากกัน ดูคุณอักขณิชพยายามเข้าใจจ๊กจั่นอย่างน่าทึ่งเช่นกัน และเมื่อเริ่มต้นคิด ก็ต้องมีบทสรุปมิเช่นนั้น จะต้องคิดไปตลอดคืน คุณอักขณิช สรุปเรื่องความคิดของตนเองกับจั๊กจั่นว่า

“แหม! มาเยี่ยมกันทั้งที ก็น่าจะพากันมาหลายๆ ตัวน่ะ สัก 20 ตัวก็คงจะดี  อวบๆ อ้วนๆ แบบนี้ จับไปคั่วแล้วเอาไปตำทำน้ำพริกกินกับผักสดๆ  คือสิแซ่บและนัวคักขนาด”  คิ  คิ  คิ

    เข้าใจแล้วค่ะ ท่านนักกีฏโภชนา

.....................................................................................................................

24. http://www.gotoknow.org/posts/509039  เรียนพิเศษที่บ้านนอก : happy ba, จับปลาข่อน

 เรื่องราวของความคิดต้นแบบการเรียนรู้ จากวิถีชีวิตจริงนั้น คุณ แผ่นดิน นำเสนอไว้น่าสนใจมาก เป็นการสอนลูกหรือเรียกว่าเรียนพิเศษที่บ้านนอก ในช่วงปิดเทอมค่ะ ไปดูนะคะ ว่าจะแตกต่างจากการเรียนของเด้กในเมืองอย่างไร

  เมื่อคุณแผ่นดิน พาลูกชายสองคนกลับบ้่าน ไปหาปู่ ย่า คราวนี้เดผ้กๆ บอกจุดประสงค์ชัดเจน

“อยากกลับไปช่วยพ่อปู่จับปลา..ไปช่วยแม่ย่านึ่งข้าว”


แล้วกระบวนการจับปลาข่อน ก้เริ่มต้นอย่าวงสนุกสนาน ที่ท้องทุ่งบ้านนอกนั่นเอง

การจับปลาในห้วงเวลาอันเป็นปลายฝนเช่นนี้เราเรียกมันว่า “ปลาข่อน”

สองหนุ่มดูเหมือนตื่นเต้น สนุก และมีความสุขกับการเรียนพิเศษเช่นนี้มหาศาล เขา ได้ใช้มือ ใช้สะวิงจับปลา ได้อุดท่อน้ำ ได้ปล่อยน้ำออกจากท่อน้ำที่ฝังเชื่อมระหว่างคันนากับคันนา  เป็นการทำงานที่สอดประสานกันของแต่ละกระบวนการ

   โรงเรียนธรรมชาติ สอนการใช้ชีวิตให้เด็กน้อยได้เรียนรู้ว่า

ถึงแม้วันข้างหน้าเขาจะเติบโตไปสู่อาชีพใดก็ตาม  เขาก็จะไม่หลงลืมดินแดนอันแสนอบอุ่นและมหัศจรรย์เหล่านี้


ไม่หลงลืมเรื่องราวอันเป็น “นาฏการณ์ของท้องทุ่ง” ที่ประกอบด้วยสายลม แสงแดด ต้นข้าว ต้นหญ้า  ปลา ปู หอย  วัว ควาย ต้นไม้ ใบหญ้า  สะวิง  จอบ เสียม 

และไม่ลืมที่จะให้คุณค่าต่อสรรพสิ่ง  ไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญกับ “ชาวนา”  ...ไม่ประเมินค่าความเป็นคนผ่านรูปลักษณ์กายสถานเดียว

หรือแม้แต่การที่พวกเขาจะเชื่อและศรัทธาว่า·ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ·ในน้ำมีปลา ในทุ่งนามีภูมิปัญญาของบรรพชน...·“...มีที่..มีทาง...”

   เห็นภาพประกอบ พร้อมการบรรยาย และสรุปใจความสำคัญ อันเกิดจากการเรียนรู้ของลูกๆ ตามแบบฉบับบล็อกเกอร์มืออาชีพ ทำให้ผู้เขียนชื่นชมวิถีการเรียนรู้จากชีวิตจริงในวัยเด็ก ที่มีคุณพ่อคุณแม่ เป้นผู้ส่งเสริมอย่างเป้นทางการค่ะ ขอบคุณ อ. แผ่นดินเป้นอย่างยิ่งค่ะ
.......................................................................






หมายเลขบันทึก: 540751เขียนเมื่อ 28 มิถุนายน 2013 00:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 มิถุนายน 2013 00:24 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ขอบคุณการถอดบทเรียนดีๆนี้ค่ะ...

ขอบคุณพี่บุญรุ่งมากๆ เลยครับ  ที่กรุณาให้เกียรตินักกีฏโภชนาอย่างผม

ดีใจด้วยนะครับ ที่ทราบว่าพี่รุ่งชอบบันทึกของผมเรื่องนี้

อ่านแล้ว ก็ขอให้พี่รุ่งมีความสุขและอารมณ์ดีตลอดปีและตลอดชาติเลยนะครับ   555


จากที่ "คุณตันติราพันธ์" ถามในต้นบันทึกว่า "ผู้เขียนเดินทางตามถอดบทเรียนของสมาชิกใน Happy Ba มาเกินครึ่งทางแล้ว (ุ6 บันทึก 24 เรื่อง) ไม่ทราบว่าหลายๆ ท่าน เดินทางกันไปถึงไหนแล้ว"

ขอชื่นชมความขยันของคุณตันติราพันธ์ และความก้าวหน้าในการทำการบ้านนะคะ และขอแจ้งสถานการณ์ของตนเองให้ทราบค่ะ ไอดินฯ วางแผนการถอดบทเรียนไว้แค่ 8 เรื่อง จากผู้เขียน 8 ท่าน เตรียมงานมาตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว แต่ขณะนี้ เขียนต้นฉบับเสร็จสมบูรณ์แล้วแค่ 2 เรื่องค่ะ  ตั้งใจจะส่งงานในวันที่ 28 มิ.ย. แต่นี่ 29 มิ.ย แล้วและจะหมดกำหนด 30 มิ.ย. เต่าที่เมื่อวานแทบจะใช้งานคอมฯ ไม่ได้เพราะวิงเวียน เช้านี้ดีขึ้นลุกมาทำงานต่อได้ แต่ก็ยังคลานต้วมเตี้ยมห่างจุดหมายอยู่เลยค่ะ  
     

สวัสดีค่ะพี่ใหญ่ นงนาท

ขอบคุณค่ะพี่

ที่ติดตามให้กำลังใจเสมอมา

กระตุ้นให้น้องไปถึงจุดหมายด้วยค่ะ

สวัสดีค่ะคุณอักขณิช

ต้องถอดบันทึกนี้แหละถึงจะสนุกและแสดงให้เห็นว่าเป็นนักกีฏโภชนาตัวจริง

ดีใจที่จั๊กจั่นมาตัวเดียว

เลยรอด. 55555

สวัสดีค่ะคุณไอดิน กลิ่นไม้

  โอ้.... แค่เห็นสารบัญภาพก็อยากอ่านแล้ว

นับวันรอแล้วนะคะ

สู้สู้ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท