การใช้สื่อออนไลน์ เพื่อส่งเสริมสุขภาพกาย จิตใจ และสังคม


การใช้ชีวิตของผู้เขียนที่ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้ เอื้อต่อการปฏิบัติตนเพื่อการมีสุขภาพกายที่ดี ด้านอาหาร อากาศ ออกกำลังกาย และอารมณ์ และการปฏิบัติตนเพื่อการมีสุขภาพดีตามคาถา "กินปลาเป็นหลัก กินผักเป็นยา กินกล้วยน้ำว้าเป็นขนมหวาน และเดินให้นานวันละ 5,000 ก้าว"

"ดร.จันทวรรณ ปิยะวัฒน์" ได้เชิญชวนให้สมาชิก GotoKnow ร่วมบันทึก “ใช้สื่อออนไลน์อย่างไรเพื่อส่งเสริมการดูแลสุขภาพ" โดยได้กำหนดแนวการเขียนบันทึกให้ตอบโจทย์ 1) ท่านได้ใช้หรืออยากใช้สื่อออนไลน์อย่างไรเพื่อการส่งเสริมด้านการดูแลสุขภาพ 2) บันทึกใดบ้างที่ท่านคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อการดูแลสุขภาพของท่านและคนรอบข้าง และ 3) ท่านอยากเสนอโครงการการดูแลสุขภาพอะไรบ้างที่อยากจะให้เกิดขึ้นใน GotoKnow

ผู้เขียนได้รับทราบข้อเชิญชวนดังกล่าว ในช่วงเวลาที่เกือบจะสิ้นสุดเวลาการลงบทความแล้ว แต่อยากจะมีส่วนร่วม เพราะว่างเว้นการเขียนบันทึกใน GotoKnow มานาน จึงขอเสนอบทความตามชื่อเรื่องข้างล่าง
ซึ่งจะเน้นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของตนเอง ตามสองประเด็นแรกที่กล่าวถึงข้างบน

      

"สื่อออนไลน์" ที่ผู้เขียนได้ใช้เพื่อส่งเสริมสุขภาพ คือ Gotoknow.org ซึ่งได้ใช้ในอัตราส่วนประมาณ 90 % (โดยได้สร้าง Plannet "Well-being" เพื่อรวบรวมบันทึกเพื่อการมีสุขภาวะที่ดีไว้ด้วย) และ Facebook ซึ่งได้ใช้ในอัตราส่วนประมาณ 10 %

"สุขภาพ" ณ ที่นี้ จะนิยามตามที่ องค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) ได้ให้ความหมายไว้ในธรรมนูญ (Constitution) ขององค์การว่า “สุขภาพ หมายถึง สุขภาวะที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ และสังคม" สุขภาพทางกาย คือ การมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง ไม่เป็นโรค และมีสิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมสุขภาพ สุขภาพทางจิตใจ คือ การมีจิตใจที่มีความสุข เบิกบาน มีเมตตา มีสติ มีสมาธิ และสุขภาพทางสังคม คือ การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น มีครอบครัวที่อบอุ่น ชุมชนเข้มแข็ง (ในภายหลัง สสส.ได้เพิ่ม สุขภาพทางจิตวิญญาณ : Spiritual Health เข้ามาอีกองค์ประกอบหนึ่ง) 

การใช้ชีวิตของผู้เขียนที่ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้ เอื้อต่อการปฏิบัติตนเพื่อการมีสุขภาพกายที่ดี ด้านอาหาร อากาศ ออกกำลังกาย และอารมณ์ และการปฏิบัติตนเพื่อการมีสุขภาพดีตามคาถา "กินปลาเป็นหลัก กินผักเป็นยา กินกล้วยน้ำว้าเป็นขนมหวาน และเดินให้นานวันละ 5,000 ก้าว" ที่ "คุณวอญ่า ผู้เฒ่า หน้าตาเฉย" ได้เสนอแนะไว้ใน GotoKnow 

ในด้าน "อาหาร" ที่ฟาร์มไอดินฯ มีทั้งบ่อเลี้ยงปลาขนาดใหญ่ที่เลี้ยงปลานิล ปลาเทโพ ปลาตะเพียน ปลานวลจันทร์ ฯลฯ และบ่อซีเมนต์เลี้ยงปลาดุก จึงเอื้อต่อ "การกินปลาเป็นหลัก" 

       

อนึ่ง ผู้เขียนได้ "ทานผักเป็นยา" เพราะมีนิสัยชอบรับประทานผักมาตั้งแต่เด็กๆ ตามที่แม่ปลูกฝัง และที่ฟาร์มก็มีเนื้อที่กว้างขวาง (ประมาณ 10 ไร่) ทำให้สามารถปลูกผักไว้รับประทานได้หลายชนิด เช่น จิก ติ้ว เสม็ด สะเดา มะตูมซาอุฯ ก้างปลาเขา  ถั่วแปบ โสมไทย ชีช้าง ปลูกรอบขอบบ่อปลา ผักหวานบ้าน ผักหวานจีน ยอดตอง บุษบาริมทาง ชะมวง มะกรูด ฯลฯ ปลูกที่สวนครัว/สวนสมุนไพร ฟักข้าวปลูกระหว่างเรือนเพาะชำกับอาคารอเนกประสงค์ มะตูม มะรุม มะกอก มะกล่ำ ชะอม ปลูกท้ายฟาร์ม ลิ้นฟ้า ปลูกแซมสวนกล้วยและสวนมะม่วง พริก มะเขือ มะเขือเทศ มะเขือพวง ข่า ตะไคร้ แมงลัก กะเพรา แค สระแหน่ ชะพลู กระถิน ปลูกหลังบ้าน และยังมีผักที่เกิดเอง เช่น ขี้เหล็ก ที่เก็บไว้บางต้น และผักขมในท่อซีเมนต์ที่ปลูกมะนาว การใช้สมุนไพรเพื่อสุขภาพก็เป็นสิ่งที่ผู้เขียนปฏิบัติในชีวิตประจำวันตามคำแนะนำของ "คุณกานดาน้ำมันมะพร้าว" กัลยาณมิตร GotoKnow อนึ่ง การรับประทานพืชผักสมุนไพรที่ปลูกเองด้วยระบบเกษตรอินทรีย์ ทำให้ปลอดภัยจากสารพิษ

         

ในช่วงนี้ ที่ฟาร์มได้ใช้ "น้ำต้มใบรางจืดผสมใบเตย" เพื่อสลายหินปูน ซึ่งจากข้อมูลที่ได้ศึกษามาระบุว่า หินปูนหรือกรดยูริกเมื่อไปเกาะตามกระดูกจะทำให้ปวดเมื่อย เกาะที่กระดูกสันหลังจะเป็นกระดูกงอกทับเส้นประสาท อยู่ในลำใส้ทำให้การขับถ่ายไม่ดี อยู่ที่สมองทำให้สมองเสื่อม อยู่ที่จอประสาทตาทำให้ตาเป็นต้อ และอยู่ที่ขั้วปอดทำให้เป็นหอบหืด ซึ่งอาการเกือบทั้งหมดที่กล่าวมา แสดงออกในพ่อใหญ่สอผู้จัดการฟาร์มก่อนที่จะไปใช้ชีวิตที่ฟาร์ม ส่วนผู้เขียนเองไม่มีอาการใดๆ ดังกล่าวแต่ก็ดื่มเพื่อเป็นการป้องกันก่อนที่อาการจะเกิด

       

ที่ฟาร์มมีสวนกล้วยที่ปลูกกล้วยกินได้หลายชนิด รวมทั้งกล้วยน้าว้า จึง "กินกล้วยเป็นขนมหวานหรือเป็นผลไม้หลักหลังอาหาร" เราไม่เคยนำกล้วยไปขาย พอเครือใดเริ่มมีลูกสุก ก็จะตัดแบ่งให้คนงาน ที่เหลือนำไปผูกไว้ที่ต้นชงโคและทยอยตัดลูกที่สุกไปรับประทาน บางเครือตัดไปฝากญาติและคนคุ้นเคย เครือที่ใหญ่มากๆ จะนำไปที่วัดตัดหวีงามๆ ถวายพระ ที่เหลือแขวนไว้ให้ชาวบ้านที่ไปวัดได้รับประทาน

      

ในด้าน "การออกกำลังกาย" นั้น การเดินไปเดินมาทำงานบ้านเองทุกอย่าง รวมทั้งการเดินสำรวจความเรียบร้อยทั้งด้านหน้าและในบริเวณฟาร์ม และบางวันก็ไปสำรวจสวนยางเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ และกิจกรรมการปลูก ดูแลบำรุงรักษาไม้ดอกไม้ประดับ ไม้ผล และพืชผักที่ฟาร์ม ทำให้แต่ละวันผู้เขียนต้องเดินไปมาเป็นระยะทางวันละหลายกิโลเมตร (ไม่เคยนับจำนวนก้าว)

              

       

       

ในด้าน "อากาศ" เนื่องจากฟาร์มตั้งอยู่ในที่โล่ง ทั้ง 4 ด้านแวดล้อมด้วยทุ่งนา และรอบบ้านก็ปลูกไม้ดอกไม้ประดับไว้มากมาย จึงทำให้มีอากาศที่บริสุทธิ์ สดชื่น และลมพัดผ่านเย็นสบาย ไม่จำเป็นต้องใช้พัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ นับเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งเสริมสุขภาพกาย 

      

      

และในด้าน "อารมณ์" การได้ปลูกดูแลไม้ดอกไม้ประดับท่ามกลางความสงบเงียบ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ชื่นชอบ ทำให้มีสมาธิ มีความสงบสุขทางใจ และเมื่อเห็นไม้ที่ปลูกออกดอกบานสะพรั่งก็ทำให้มีจิตใจที่เบิกบาน ส่งผลต่อการมีสุขภาพทางจิตใจที่ดี

       

     

ผู้เขียนใช้ Facebook น้อยมาก โดยจะใช้เมื่อต้องการเข้าไปดูความเคลื่อนไหวของลูกๆ ส่วนใหญ่จะเป็นลูกสาว อย่างเช่น ผู้เขียนและพี่ๆ ได้เดินทางไปร่วมแสดงความยินดีในการรับปริญญาของน้องชายคนเล็กในวันที่ 8 มีนาคม และมีการเลี้ยงอาหารเย็นแสดงความยินดีในคืนวันที่ 7 มีนาคม ลูกสาวของผู้เขียนได้ไปที่สวนอาหารหลังคนอื่นๆ กลับที่พักแล้ว เพราะเธอติดงาน และคืนนั้นกว่าเธอจะได้เดินทางกลับที่พักก็ประมาณ 23.00 น. เธอบอกว่าจะต้องไปส่งน้องที่คุ้นเคยที่สนามบินสุวรรณภูมิเวลาประมาณ 06.00 น.ของวันรุ่งขึ้น เพื่อเดินทางไปอเมริกา ผู้เขียนรู้ว่าเธอตื่นทันไปส่งก็จากภาพและข้อความที่เธอโพสต์ใน Facebook  ดังภาพล่างขวา 

     

อนึ่ง ข้อความที่ลูกโพสต์ใน Facebook (ดังตัวอย่าง) ก็ทำให้ทราบความรู้สึกนึกคิด และงานของลูกด้วย นับว่า Facebook ได้ช่วยเสริมสร้างสุขภาพทางสังคม คือความสัมพันธ์ในครอบครัว ของผู้เขียนด้วย

...เมื่อถึงเวลาที่เราต้องเลือก..เช็คเมลล์เจองาน เวลานี้ เรากำลังจาเตรียมตัวออกไปฟิตเนส...
และเมื่อเปิดอ่านดูรายละเอียดของงาน..และพิจารณาดูแล้ว งานไม่น่าจะรีบด่วนมาก...จึงเลือกที่จะให้เวลาตัวเอง...ไปออกกำลังกายก่อน แล้วค่อยกลับ มาทำงาน การงานเป็นหน้าที่ แต่เราจงใช้ชีวิต...อย่าให้ชีวิตใช้เราาาาา... ลำดับความสำคัญ จัดสรรเวลาให้พอดี เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของตัวเราเอง...

ประกาศ ประกาศ งาน TVC ตัวใหม่ (อย่าพึ่งงงกันนะคะ TVC ย่อมาจาก TV Commercial) เอ๋ต้องหานักแสดงหลายตัวมากๆๆ ทั้งตัว support main และ Extra แต่ที่อยากจะให้เพื่อนๆ ช่วย คือ หา extra เป็นร้อยคนไปเข้าฉาก ซึ่งลุคต้องดูพรีเมี่ยม ดูดี ดูแพง เพราะเอาไปเป็นผู้ชมใน runway ใครสนใจเข้าฉากบอกเอ๋เน้อ.....

      

      

สื่อสัมพันธ์ผ่าน GotoKnow ระหว่างผู้เขียนกับกัลยาณมิตร ทำให้ผู้เขียนได้รับการเสริมสร้างสุขภาวะเป็นอย่างดี บางท่านรู้สึกสนิทสนมถึงขั้นไปเยี่ยมเยียนกันถึงฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้ก็มี ขอบคุณกัลยาณมิตร GotoKnow ทุกท่าน ทั้งที่ปรากฏและไม่ปรากฏชื่อ/ภาพในบันทึกนี้ ที่ได้มีส่วนสร้างเสริมสุขภาวะทั้งทางกาย ทางจิตใจ จิตวิญญาณ และทางสังคมให้กับผู้เขียน 

      

      

      
 
      

      

ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ถึงกลางเดือนมีนาคม ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้ ได้บริจาคเงินเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนที่ตั้งฟาร์มนับ 60,000 บาท (ดังภาพ) นอกจากนั้น ในวันที่ 14 มีนาคม พ่อใหญ่สอซึ่งเป็นผู้จัดการทีมเปตอง ยังได้มอบเงินสนับสนุนการแข่งขันเปตองในหมู่บ้านเพื่อเตรียมตัวไปแข่งกีฬา อบต. เป็นเงิน 5,300 บาท (ในแต่ละปีฟาร์มจะมีรายได้ไม่กี่เดือน แต่ต้องจ่ายค่าแรงคนงานทุกสัปดาห์ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ จิปาถะ ซึ่งถ้าจะนำรายได้รายจ่ายที่เป็นตัวเงินมาหักลบกันแล้ว แต่ละปีน่าจะมีรายจ่ายเกินรายได้จำนวนไม่น้อย แต่ฟาร์มไอดินฯ มีวิธีปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตามหลักการทำบัญชีคือ ไม่นำรายจ่ายไปหักออกจากรายได้ ทุกบาททุกสตางค์ที่ได้รับจะถือเป็นรายได้ทั้งหมด จึงไม่มีคำว่า ขาดทุน เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา ฟาร์มไม่มีรายได้อะไรเลย เงินบริจาคต่างๆ จึงมาจากเงินบำนาญของพ่อใหญ่สอและยายไอดินรวมกัน)


     

             

               ขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่าน ที่กรุณาเข้ามาอ่าน ให้ดอกไม้ และ/หรือแสดงความเห็น

 



 



 


 

 



 

 



 

 



 

 



 



 

 



 


 



 

 



 



 

 






 

หมายเลขบันทึก: 522284เขียนเมื่อ 13 มีนาคม 2013 23:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 มิถุนายน 2013 10:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่าน


ความเห็น

ขอบคุณมากนะคะ สำหรับดอกไม้กำลังใจจากกัลยาณมิตรทั้ง 3 ท่าน

"อ.นุ" และ "คุณน้องคนบ้านไกล" กัลยาณมิตรที่ช่วยเสริมสร้าง "สุขภาวะทางจิตวิญญาณ" ให้กับยายไอดิน ดังข้อคิดจากบันทึกล่าสุดของ "อ.นุ" ...
            เมื่อเธอคิด คิดไป ใจเป็นทุกข์   เปลี่ยนเป็นคิด เรื่องสุข ก็ย่อมได้

           เมื่อคิดแล้ว เป็นทุกข์ ไม่สุขใจ   หยุดคิดเสีย ก็สบาย จริงไหมเธอ

If you have convinced yourself into a state of misery,Then you can convince yourself into a state of happiness.

Once you have convinced yourself to be unhappy, why not stop convincing; let yourself free from misery?

สำหรับ "คุณน้องคนบ้านไกล" พี่ได้แสดงความเห็นตอบในบันทึกของคุณน้อง แต่พบกับปัญหาเดิมคือความเห็นที่แสดงไปแล้วปรากฏอยู่ไม่นานก็หายไป ปัญหาดังกล่าว ดร.ธวัชชัยชี้แจงว่า "เป็นปัญหา cache ของระบบเครื่องแม่ข่ายครับ ในตอนนี้ cache ทำงานยังผิดจังหวะอยู่บ้างเลยทำให้ไม่เปลี่ยนหน้านั้นตามข้อมูลใหม่ที่เพิ่มขึ้นครับ ขณะนี้ทีมงานกำลังแก้ไขปัญหาอยู่ครับ..."

"คุณหนานวัฒน์" ไม่ได้เขียนบันทึกใน GotoKnow มานับ 2 ปีแล้วนะคะ กลับมาคราวนี้อาจารย์แม่เกษียณอายุราชการไปเสียแล้ว แต่ก็ยังเขียนบันทึกอยู่ เพราะไม่อยากห่างหายความสัมพันธ์กับกัลยาณมิตร GotoKnow ...รออยู่นะคะว่าสักวันหนึ่งจะได้อ่านงานเขียนของคุณหนานวัฒน์ใน GotoKnow  



 

อ่านบันทึกของคุณพี่  แล้วเลยต้องไปเขียนต่อยอด เกี่ยวกับเรื่องการใช้สื่อออนไลน์ครับ

ดาฝาก "ลดพุงลดโรค "นะคะ คิดถึงเสมอ ขอบคุณมากค่ะ

http://www.gotoknow.org/posts/522316



ขอบคุณนะคะสำหรับกำลังใจจาก "คุณ tuknarak"

และขอบคุณมากค่ะ สำหรับกำลังใจพร้อมด้วยบันทึกสร้างเสริมสุขภาวะทางกายที่น้องดานำไปฝาก พี่เข้าไปอ่านแล้วค่ะ ที่ฟาร์มมีวัตถุดิบอยู่เกือบครบ ว่างๆ จะลองทำดูค่ะ

อ่านแล้วมีความสุขและมีสาระดีๆน่าสนใจมากๆค่ะ...ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ...

ขอบพระคุณพี่ใหญ่มากนะคะ ที่เมตตาเข้าไปให้กำลังใจน้อง ถ้อยคำของพี่ใหญ่ช่วยเสริมสร้างพลังใจให้น้องเสมอเลยค่ะ

อาจารย์แม่ครับ ชอบดูผักและต้นไม้

ผมไม่เคยกินยอดจิก เข้าใจว่ารสฝาดใช่ไหมครับ

น้องเอ๋ก็ทำงานมากพอกับอาจารย์แม่เลยครับ

ตอนนี้ใกล้ปิดเทอม แต่มีสอน summer และมีค่ายอาสาสมัครญี่ปุ่น 21 คนมาช่วยโรงเรียนครับ

ขอบคุณ "ลูกขจิต" มากนะคะ ที่เข้ามาให้กำลังใจ และคุยกับอาจารย์แม่

ลูกขจิตบอกว่า ชอบดูผักและต้นไม้...สาวๆ ไม่ชอบดูบ้างเหรอคะ แล้วเมื่อไหร่ความฝันของแม่ที่พนมทวนจะเป็นจริงล่ะคะ

จิก (Indian Oak) มีทั้งจิกป่า และจิกน้ำ ตอนอาจารย์แม่เป็นเด็ก ไปเก็บเห็ดในป่ากับแม่ ทุกครั้งแม่ก็จะเก็บยอดจิกป่า ยอดติ้วกลับไปด้วย ยอดจิกนำไปกินกับน้ำพริกปลาป่น ยอดติ้วนำไปใส่แกงเห็ดให้มีรสเปรี้ยวจิกป่าจะใบใหญ่และรสฝาดมากค่ะ ที่เห็นในภาพเป็นจิกน้ำที่รสจะฝาดน้อยหน่อย อาจารย์แม่จะกินยอดจิกและยอดติ้วไปพร้อมๆ กัน เพือลดความฝาดของยอดจิกค่ะ (จิก ทางบ้านอาจารย์แม่เรียก กะโดน ค่ะ)

งานของน้องเอ๋ อาจารย์แม่ก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกค่ะเพราะเป็นงานที่ไม่คุ้นเคย ตอนนี้เธอบอกว่ามีงานเข้ามามากทำให้ไม่มีเวลาพักผ่อน ที่สำคัญอาจารย์แม่เป็นห่วงเรื่องของการเดินทางไปทำงานมากค่ะ 

ลูกขจิตเองก็ยิ่งทำงานหนักมาก ทั้งงานประจำ ทั้งงานจิตอาสา ยังไงๆ ก็ดูแลสุขภาพตัวเองบ้างนะคะ เห็นกล้วยไข่บ่นกับพี่ใหญ่อยู่ว่า ไม่ดูแลตนเองเวลาเจ็บป่วย...

อาจารย์แม่จะรออ่านบันทึกเกี่ยวกับค่ายอาสาสมัครญี่ปุ่นนะคะ    


 

-ไม่มีใครมีความสุขในชีวิตเหมือนยายไอดิน-กลิ่นไม้อีกแล้ว.....

-สวัสดียายไอดิน-กลิ่นไม้

ลืมบอกไปว่าตอนไปแข่งวู้ดบอลที่เชียงใหม่ใช้หมวกที่ท่านให้มาลงแข่งสลับกับหมวกขาว Thailand (เอาไป 2 ใบ) สลับกันเพราะแข่ง 1 วันต้องซัก มันเปียกเหงื่อ......ไปแข่งที่สระบุรีก็ใช้ของยายไอดินที่ให้มานะ.....


ขอบคุณ “ป๋าเด” มากนะคะ ที่แวะไปให้กำลังใจและทักทายพูดคุยกับยายไอดิน หลังจากไม่ได้คุยกันนานพอสมควร

ยายไอดินดีใจมากค่ะ ที่ป๋าเดใช้หมวก “PARIS” อย่างคุ้มค่า อีกใบพ่อใหญ่สอก็ติดรถไว้ใช้ประจำค่ะ

ความสุขของยายไอดิน เป็นความสุขแบบพอเพียงค่ะ ชีวิตส่วนใหญ่จะอยู่กับต้นไม้ใบหญ้า นานๆ
จะมีโอกาสออกไปพบปะผู้คน อย่างเช่น วันที่
7-9 มีนาคม ที่ได้เดินทางไปร่วมแสดงความยินดีกับน้องชาย
มีโอกาสได้พบกับลูกสาวลูกชายชั่วประเดี๋ยวประด๋าว ลูกสาวบอกว่ายังไม่หายคิดถึงแม่ขอให้แยกจากลุ่มไปพักกับเธอ ซึ่งก็ทำไม่ได้ เพราะวันรุ่งขึ้นต้องพาญาติๆ ไปยังจุดนัดพบหลังน้องชายรับพระราชทานปริญญาแล้ว เพื่อถ่ายรูปร่วมกัน จากนั้นต้องเดินทางไปพักที่พัทยา 1 คืน และเดินทางกลับอุบลฯ ยโสธรในวันรุ่งขึ้น ตอนเดินทางกลับได้แวะตลาดโรงเกลือ จ.สระแก้วด้วย (เป็นครั้งแรกที่ได้ไปจังหวัดนี้ค่ะ) ได้ซื้อหมวกปีกกว้างฝากพ่อใหญ่สอใส่เล่นเปตอง และซื้อให้ตนเองและลูกสาว ซื้อของอื่นๆ ฝากญาติๆ ที่ไม่ได้ไปด้วย ส่วนพี่ๆ ที่ไปด้วยซื้อเสื้อที่ตลาดน้ำ 4 ภาคที่พัทยาฝากโดยให้เลือกเองค่ะ เพื่อจะได้ของที่ถูกใจ




สวัสดียายไอดิน

-ชีวิตมนุษย์มันไม่เหมือนกัน...แล้วแต่ใครทำกรรมดีมา...ท่านและพ่อใหญ่สอทำกรรมดี จึงทำให้ชีวิตพบแต่ความสุขที่พอเพียง......

อ้อ..ลืมบอกว่าหมวก "PARIS" ที่ท่านให้มาจะติดรถไปด้วยเวลาไปแข่งวู้ดบอล แต่จะไม่ใช้ใส่แข่งเพราะมันเป็นสีน้ำเงิน เมื่อโดนแดดนาน ๆ สีจะซีด ถ้าได้รับรางวัลจะใส่ขึ้นรับ นะ (ภาษาบ้านเราเรียกว่า แพงไว้)


  • อ่านแล้วมีความสุขครับ ช่วงหลังตัวเองคิดและอยากจะใช้ชีวิตอย่างนี้บ่อยขึ้นครับ คงจะมีโอกาสบ้าง หากลูกๆเข้าที่เข้าทางกันแล้ว.. 
  • ขอบคุณประสบการณ์ดีๆนี้ครับท่านอาจารย์

-นำภาพการไปแข่งขันวู้ดบอลตามสนามต่างจังหวัดมาฝากท่านนะครับ....

(ตัวอักษรใหญ่ๆเหมาะกับสายตาท่าน สว.)

-แข่งขันวู้ดบอลที่สระบุรี


-แข่งขันประเภทบุคคล ปรากฎว่าออกทะเลไม่ติด 1 ใน 3 (ฮาๆๆ)


-บันทึกภาพกับผู้เข้าอบรมวู้ดบอลขั้นพื้นฐานในการไปเป็นวิทยากรให้การอบรมที่บ้านกร่างก็ใส่หมวกคุณยายไอดิน


-ไปแข่งขันไทคัพที่นครสวรรค์ ประจำปี 2556


-ป๋าเดวางแผนในการเล่น (ดูLine) เที่ยวนี้แข่งขันประเภททีมและบุคคล...ผลปรากฎว่า ออกทะเลทั้งทีมและบุคคล ฮา ๆ


ขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ


"ดร.โอ๋-อโณ" กัลยาณมิตรผู้เสริมสร้างสุขภาวะทางปัญญา แนะนำแหล่งเรียนรู้ดีๆ ให้ผู้อ่านเสมอๆ "น้องหยั่งราก ฝากใบ" ผู้มีสมุดด้านการอ่านเพื่อจิตวิญญาณ "คุณอักขณิช" เจ้าของสมุด "ชาวบ้านอารมณ์ดี" ที่เขียนเรื่องมีสาระให้อ่านสนุกๆ เสมอๆ ปัจจุบันกำลังคบเด็กออกกำลังกาย เพื่อหาทางลดน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น 5 Kgs และ "ราเชนทร์ (โจ)" ลูกศิษย์รายวิชา "พฤติกรรมมนุษย์กับการพัฒนาตน ที่ยายไอดินภาคูมิใจในกระบวนการและผลของการพัฒนาตนเอง

ขอบคุณกำลังใจ และการพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้สึกนึกคิด จาก "คุณครูธนิตย์" มากนะคะ ..."อ่านแล้วมีความสุขครับ ช่วงหลังตัวเองคิดและอยากจะใช้ชีวิตอย่างนี้บ่อยขึ้นครับ คงจะมีโอกาสบ้าง หากลูกๆเข้าที่เข้าทางกันแล้ว.."

ค่ะ คนเราก็มีจังหวะชีวิตที่มีเรื่องของ "สถานภาพ : status" และ "บทบาท : roles" เข้ามาเป็นตัวกำหนดวิถีการดำเนินชีวิตในแต่ละช่วงตอนนั่นแหละนะคะ ยายไอดินทำตามที่เล่ามาได้ ก็เพราะเกษียณอายุราชการแล้ว และลูกๆ ก็โตๆ มีงานทำกันแล้ว ส่วนคุณครูยังปฏิบัติงานราชการอยู่ และลูกๆ ก็ยังอยู่ในวัยเรียน ซึ่งเป็นตัวกำหนดวิถีชีวิตของคุณครู ต่อเมื่อเกษียณอายุราชการแล้วจึงจะมีโอกาสเลือกที่จะดำเนินชีวิตในวิถีที่ชื่นชอบค่ะ

ยายไอดินได้เข้าไปอ่านและชมภาพจากบันทึก "น่านนะสิ" และ "เล่าเรื่องการถ่ายภาพ" ของคุณครูแล้ว ต่างจากยายไอดินมากค่ะ ทั้งกล้องที่ใช้ วิธีการถ่าย และผลงานภาพถ่าย ที่คุณครูเน้นความคมชัด แสงเงา และองค์ประกอบภาพ จึงได้ภาพที่สวยงามมีองค์ประกอบด้านศิลปะการถ่ายภาพครบถ้วน ส่วนยายไอดินใช้กล้องถ่ายระบบอัตโนมัติ ขอเพียงมีภาพแสดงสิ่งที่ต้องการนำเสนอ การถ่ายก็แทบจะไม่มีการปรับอะไร ส่วนใหญ่ก็จะดูองค์ประกอบภาพเท่านั้น จึงได้ภาพที่ไม่คมชัด อย่างที่เห็นในภาพข้างล่าง ซึ่งเป็นภาพที่ถ่ายในช่วงเที่ยงวันของวันที่ 19 มีนาคม ค่ะ ไปดูพระที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ พระบริวารยังไม่ทาสี ดูแล้ว ยายไอดินก็เห็นงาน ที่จะต้องหาต้นไม้ เช่น ลีลาวดี และอื่นๆ ไปปลูกรอบๆ บริเวณองค์พระ เพื่อสร้างภูมิทัศน์ให้น่าดูขึ้นค่ะ         


ขอบคุณ "ป๋าเด" มากนะคะ ที่ลงภาพกิจกรรมต่างๆ ณ สถานที่ต่างๆ กันให้ยายไอดินได้ชม ยายไอดินถามไว้ในบันทึกของป๋าเด ว่า  สำนวน "ออกทะเล" แปลว่าอะไรคะ ถ้าเข้ามาในบันทึกนี้อีก กรุณาตอบให้เข้าใจในบันทึกนี้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

ฝากภภาพที่สวนยางฟาร์มไอดินฯ เมื่อ 19 ม๊.ค. ที่ผ่านมา มาให้ดูค่ะ พ่อใหญ่สอและยายไอดินสวมหมวกที่ซื้อจากตลาดโรงเกลือ จ.สระแก้ว (หมวกพ่อใหญ่สอใบเดียว ผลัดกันสวมถ่ายรูปค่ะ)  


สวัสดีอาจารย์แม่ (ต่อไปนี้จะไม่ขอเรียกว่ายายไอดิน เพราะดูแก่เกินไป)

-เคยตอบแล้วแต่ไม่มั่นใจว่าอยู่ Blog ไหน....แต่ตอบอีกครั้งว่า คำว่า "ออกทะเล" เป็นภาษานักกอล์ฟชอบพูดกันเมื่อต่ออกแย่มากๆ คือตีออกแต้มมากเกินไป เช่นธรรมดาค่าเฉลี่ยออก 55 ต่ออก 70 นันแสดงว่าต่ำกว่ามาตรฐานของตนเอง (ป๋าเดเคยมาตีกอล์ฟสนามค่ายทหารวารินชำราบนะเมื่อปี 56) ต่อมาชาววู้ดบอลก็นำเอามาใช้บ้าง

-ตอนป๋าเดไปแข่งกีฬาแห่งชาติที่เชียงดาว....ป๋าเดเคยตีดีที่สุด 49 ใน 12 ประตู (ดูในบันทึกได้) แต่มีอยู่วันหนึ่งในการแข่งขันประเภทบุคคลนะป๋าเดต่ออก 77 วันนั้นจึงเรียกว่า "ตีออกทะเล" 555

-เมื่อถึงวันเก็บเกี่ยวผลผลิต (กรีดยางพารา) ท่านคงมีแผนการตลาดแล้วตามประสานักวางแผนที่ดีแน่ ๆ

-มีข้อสงสัยว่าทำไมอาจารย์แม่จึงตอบในบล๊อกได้เร็วจังช่วงนี้ อยู่ในเมือง หรือใช้แอร์การ์ดที่ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้

ขอบคุณมากครับ เป็นบันทึกที่รวบรวมความคิดดีๆ ทางสุขภาวะทุกมิติจริงๆ ครับ

ป๋าเด” จะเรียกอะไรก็ได้นะคะ แต่ขอใช้สรรพนามแทนตนเองว่า “ยายไอดิน” ตามชื่อใน GotoKnow ที่เปลี่ยนเป็น “ไอดิน-กลิ่นไม้” ให้สอดคล้องกับที่เกษียณแล้วและไปใช้ชีวิตที่ฟาร์มค่ะ ยายไอดินถูกเรียกว่า "ยาย" มานานมากแล้วนะคะ เพราะหลานของพี่สาวคนโตเรียกยายไอดินว่า “ยายน้อย” มาตั้งแต่หัดพูด ตอนนี้เธอก็เข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้วค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ สำหรับคำอธิบาย “ออกทะเล” อย่างละเอียดชัดเจน ป๋าเดเคยไปตีกอล์ฟที่ค่ายทหารวารินฯ ก็ไม่บอกเนาะ ค่ายทหารเป็นเส้นทางออกไปฟาร์มที่ยายไอดินเทียวประจำเลยแหละค่ะ

ยายไอดินยังไม่ได้วางแผนการตลาดสำหรับการขายยางฯ หรอกค่ะ แค่ติดตามศึกษาความเคลื่อนไหวเรื่องการตลาดของยางพาราจากสื่อเท่านั้น (ซึ่งรู้สึกจะมีปัญหามาก การจับมือของไทยกับมาเลเซียตาม “โครงการ Rubber City” ไม่ทราบจะทำให้การตลาดของยางในไทยดีขึ้นไหม) แค่การกรีดยางก็ยังไม่เคยไปดูที่เขาทำกันจริงๆ ดูแต่จาก TV พ่อใหญ่สอสมัครอบรมการกรีดยางช่วงก่อนป๋าเดไปฟาร์มไม่กี่วัน แต่แค่วิทยากรให้นั่งยองๆ ลับมีดในวันแรกแกก็ไม่ไหวแล้ว คนงานที่สมัครให้เข้าอบรมด้วยก็ไม่เข้า บอกจะขออบรมครั้งหน้า เป้าหมายจะกรีดยางสิงหาคม 56 (ปลูกครบ 8 ปีเต็ม) แต่เขาจะจัดอบรมอีกทีก็ กุมภาพันธ์ 57 แล้วจะแก้ปัญหากันยังไงก็ยังไม่ทราบเลยค่ะ

ยายไอดินตอบป๋าเดคราวก่อนตอนเข้าเมืองค่ะ ที่ฟาร์มช่วงหลังใช้ Internet ผ่าน Air Card ได้บางครั้งค่ะ
แต่ก็ชั่วประเดี๋ยวประด๋าว และส่วนใหญ่เวลาแสดงความเห็นก็มักจัดเก็บข้อมูลไม่ได้ค่ะ เช้านี้ตอบที่ฟาร์ม ตอบไปแล้ว 'net หลุด เลยลองต่อใหม่ตอนค่ำก็หลุดไปหลายครั้ง ดูซิครั้งนี้จะสำเร็จไหม เพี้ยง! ขอให้สำเร็จด้วยเถิด


ได้แล้วครับยายไอดิน....เรียกตามหลานนะยายน้อย 555 จะตอบรายละเอียดตอนสายๆนะ

  • ได้ติดตามอ่านมาโดยตลอด ..ผมอิ่มเอิบและสุขกาย สบายใจ ตามไปด้วยจริงๆ ครับ

ขอบคุณกัลยาณมิตรมากนะคะ ที่เข้าไปให้กำลังใจและแสดงความเห็น ยายไอดินเพิ่มความเห็นไม่ได้ตั้งแต่ 25 มีนาคมค่ะ ขอทดสอบอีกครั้งนะคะ ว่าจะเพิ่มความเห็นได้แล้วหรือยัง

ขอบคุณกำลังใจและปิยวาจา "...เป็นบันทึกที่รวบรวมความคิดดีๆ ทางสุขภาวะทุกมิติจริงๆ ครับ..." จาก "Dr.Pop" มากนะคะ 

ยายไอดินมีปัญหาเพิ่มความเห็นไม่ได้ตั้งแต่ 25 มี.ค. ค่ะเลยเพิ่งได้ตอบความเห็น

ยายไอดินเคยเข้าไปแสดงความเห็นในบันทึกของ "Dr.Pop" หลายครั้ง เกี่ยวกับการเจ็บป่วยของคุณยายก็จัดเก็บข้อมูลไม่ได้ค่ะ เข้าใจว่าขณะนี้ คุณยายคงหายเป็นปกติกลับบ้านนานแล้วนะคะ 

ช่วงนี้ ยายไอดินมีปัญหาการใช้งาน GotoKnow.org ค่ะ เลยเข้าไปมีส่วนร่วมในบันทึกของกัลยาณมิตรไม่ได้

เคยเข้าไปอ่านบันทึกของ "คุณสามสัก" เรื่อง "วิถีหมอดู...ศัตรูพืช" แต่ก็ให้ดอกไม้และแสดงความเห็นไม่ได้ค่ะ

ยายไอดินมีความสุขและขอบคุณมากนะคะ ที่ "คุณสามสัก" บอกในบันทึกนี้ว่า "ได้ติดตามอ่านมาโดยตลอด ..ผมอิ่มเอิบและสุขกาย สบายใจ ตามไปด้วยจริงๆ ครับ"

ขอบใจ "หนูพวงผกา" มากนะคะ ที่แวะไปให้กำลังใจอาจารย์

ช่วงนี้ปิดภาคเรียนมีกิจกรรมอะไรหรือเปล่าคะ ว่างๆ หนูน่าจะเขียนบันทึกตาม "โครงการสรอ.ขอความรู้" บ้างนะคะ จะได้ฝึกฝนตนเองและถ้ามีโชคก็จะได้รับรางวัลด้วย

อาจารย์เองก็ได้รับรางวัลจากบันทึกนี้ ซึ่งจะนำเงินทั้งหมดที่ได้รับ ไปสมทบต้นผ้าป่า เพื่อถวายในพิธีสมโภชน์องค์พระที่กำลังก่อสร้าง (ดังภาพบน) ในวันที่ 13-14 เมษายน 2556 เพื่อนำเงินที่คนทำบุญไปเป็นค่าใช้จ่ายในการสร้างศาลาการเปรียญ และอาจารย์ก็จะต้องนำเงินส่วนตัวมาร่วมถวายด้วย (ทางวัดจัดให้เป็นหนึ่งในผู้อุปถัมภ์วัดค่ะ)

ที่ผ่านมา อาจารย์ได้ใช้เวลาสามวัน พรวนดิน ใส่ปุ๋ย ปลูกเพิ่ม และรดน้ำต้นไม้ที่ป้ายวัด หน้าศาลาวัด และต้นไม้ 4 มุมบริเวณที่สร้างองค์พระค่ะ ดูแล้วไม่มีใครสนใจดูแลเรื่องต้นไม้ในวัด พ่อใหญ่สอก็แค่จัดกิจกรรมปลูกไม้ยืนต้นปีละครั้งแล้วก็ไม่มีการติดตามดูแลรดน้ำ ทำให้ต้นไม้ไม่โตบางส่วนก็ตายไป
และไม้ดอกไม้ประดับในวัดก็โทรมมาก ที่ผ่านมาอาจารย์ต้องเข้าไปดูแลเป็นระยะๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่วัดจะมีงาน ก็ต้องดูแลเป็นพิเศษ




-สวัสดีครับอาจารย์แม่ไอดิน....

-สบายดีนะครับ..

-ด้วยความระลึกถึงอยู่ตลอดครับ..

-ช่วงนี้ฟาร์มได้รับผลกระทบจากภัยแล้งหรือเปล่า??.

-ชอบ ๆ การจัดการฟาร์มของอาจารย์แม่ที่บอกไว้ว่า"วิธีปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตามหลักการทำบัญชีคือ ไม่นำรายจ่ายไปหักออกจากรายได้ ทุกบาททุกสตางค์ที่ได้รับจะถือเป็นรายได้ทั้งหมด จึงไม่มีคำว่า ขาดทุน"

-ชุมชนได้รับประโยชน์จากฟาร์มนี้มากมาย..

-อยากอยู่ใกล้ ๆ ฟาร์มนี้จังครับ..

-ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ.


ขอบคุณ "คุณเพชรน้ำหนึ่ง" มากนะคะที่แวะให้กำลังใจอาจารย์แม่ไอดิน ...หายไปพักหนึ่งเลยนะคะ

อาจารย์แม่น่ะสบายดีค่ะ แต่พาพ่อใหญ่สอมาผ่าตัดเล็กที่รพ. ต้องขับรถไปกลับระหว่างรพ.กับฟาร์มทุกวันค่ะ

ที่ฟาร์มน้ำจะหมดบ่ออยู่แล้วค่ะ เพราะใช้น้ำบาดาลรดน้ำต้นไม้ เห็นว่าตาน้ำของบ่อบาดาลกับบ่อปลาเป็นตาเดียวกัน

การทำบัญชีแบบไม่นำรายจ่ายไปหักออกจากรายได้ ก็เพื่อประโยชน์ทางใจนั่นแหละค่ะ จะได้ไม่เครียด นักเศรษฐศาสตร์คงไม่สนับสนุนวิธีการดังกล่าวหรอกนะคะ

เราพอมีแรงพอช่วยชุมชนได้ก็ช่วยไป เพราะต้องการเห็นชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นค่ะ

ที่ผ่านมาอาจารย์แม่ไอดินมีปัญหาเข้าระบบไม่ได้ เลยไม่สามารถให้ดอกไม้ และแสดงความเห็นในบันทึกของสมาชิกมาพักใหญ่ๆ ตอนนี้น่าจะแก้ปัญหาได้แล้ว เดี๋ยวจะลองจัดเก็บข้อมูลดูนะคะ

-สวัสดีครับอาจารย์แม่ไอดิน..

-ผมขอใช้คำว่า"ซุ่มเงียบ"ไปพักใหญ่ ๆ นะครับ 555

-พ่อใหญ่สอ...ไม่สบายต้องผ่าตัดเล็กที่ รพ..

-ขอส่งกำลังใจให้พ่อใหญ่สอหายไว ๆ นะครับ..

-นักเศรษฐศาสตร์ไม่สนับสนุนเพราะผิดหลักการ ..สำหรับฟาร์มนี้แล้ว หลักการนี้คือหลักการของ"ความสุขใจ" ครับ....

-เกี่ยวกับระบบช่วงหลัง   ๆ ก็พบปัญหาบ้าง..แต่อย่างไ่รทีมงานก็พยามแก้ไขปัญหาเรื่อย ๆ จนใช้ได้ดี.ขอชมเชยทีมงาน G2K ครับ..

-ปีใหม่ไทย..ไปเที่ยวไหน..เก็บภาพมาฝากในบันทึกด้วยนะครับ..

-ด้วยความระลึกถึงเสมอ

"เพชรน้ำหนึ่ง"


ขอบคุณกำลังใจจาก "คุณมนัสดา" ค่ะ

ขอบคุณ "คุณเพชรน้ำหนึ่ง" มากนะคะ ที่ส่งกำลังใจให้พ่อใหญ่สอหายไว ๆ ตอนนี้ออกจากรพ.แล้ว ต้องไปล้างแผลที่รพ.สาธารณสุขชุมชนทุกวันค่ะ และต้องไปที่รพ.ที่ผ่าตัด ตามใบนัดในวันที่ 10 เม.ย. ค่ะ

ปีใหม่ไทย "อาจารย์แม่ไอดินฯ" ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนหรอกค่ะ ต้องเตรียมงานตามภาพล่างค่ะ (ในป้ายตัวเลขคลาดเคลื่อน ที่จริงต้องเป็นพระบริวาร 7 องค์ค่ะ)

เมื่อวานอาจารย์แม่ไอดินฯ นำนมกล่องไปถวายพระ/เณร พบว่ามีเด็กๆ ในหมู่บ้านและนอกหมู่บ้านไปบวชสามเณรรวม 17 รูปรวมพระในวัด 20 รูป บ้านหนองฝางมีแค่ประมาณ 50 หลังคาเรือน ไม่ทราบว่าชาวบ้านไปจังหันกันมีอาหารพอฉันไหม อาจารย์แม่ยุ่งทำงานฟาร์มแทนพ่อใหญ่สอ ไม่มีโอกาสไปจังหัน ได้แต่นำอาหารแห้งไปถวายตอนบ่ายค่ะ

อาจารย์แม่สำรวจดูต้นไม้ในวัดที่ตัดแต่ง เปลี่ยนกระถาง พรวนดิน ใส่ปุ๋ย ปลูกเพิ่ม และรดน้ำไว้ครั้งสุดท้ายวันที่ 2 เม.ย. ก่อนที่จะพาพ่อใหญ่สอเข้ารับการผ่าตัด ไปดูอีกทีบ่ายวันที่ 6 เม.ย. พบว่า ต้นไม้บางต้นที่ปลูกใหม่ที่ป้ายวัดตายไปแล้ว เพราะช่วงที่พ่อใหญ่สออยู่ที่รพ.ไม่มีใครช่วยรดน้ำ เลยต้องหิ้วบัวรดน้ำ 2 แขนนำน้ำจากตุ่มไปรด 4 เที่ยว วันนี้ต้องไปรดเพิ่มและถ้ากล้วยสุกก็จะนำไปถวายพระด้วยค่ะ (ตุ่มน้ำห่างจากป้ายวัดประมาณ 80 เมตร ก๊อกน้ำที่อยู่ใกล้สุดก็เสียไม่มีใครซ่อมแซม)




  มาติดตามอ่านเรื่องดีๆ ได้ทั้งความรู้เพื่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตค่ะ    

                                                         ขอบคุณค่ะ

ยินดีมากค่ะ ที่บันทึกนี้ให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์สำหรับ "KRUDALA"  

ขอบคุณมากนะคะ ที่เข้ามามอบดอกไม้ให้กำลังใจ "ไอดิน-กลิ่นไม้" 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท