ใช้อย่างไร...? ต้องใช้เพื่อ "การให้..."
ดูแลสุขภาพใคร...? ต้องเริ่มต้นจากการดูแลสุขภาพตนเองซึ่งเป็นการ "เมตตาตนเอง..."
การให้เป็นธรรมะที่ยิ่งใหญ่ บุคคลที่รู้จักให้ตนเอง เมตตาตนเอง บุคคลนั้นไซร้ย่อมให้และดูแลผู้อื่นได้
เราลองคิดย้อนทบทวนห้วงเวลาที่ผ่านมาในชีวิตของเราดูนะว่า เราเข้ามาใช้ Internet ทำไม เราเข้ามาให้หรือเข้ามาเอา...?
สารเคมีในร่างกายของเรามันปรับสภาพตามจิตใจ เมื่อเราเข้ามา "ให้" สารแห่งความสุขมันจะไหลอาบอิ่มทั่วสรรพางค์กายของเรา
ผู้ให้ย่อมได้รับเสมอ เมื่อให้มากเราย่อมมีต้นทุนที่จะให้ผู้อื่นได้มาก
เราจะให้ความสุขแก่ใครตัวเรานั้นแลต้องให้ความสุขแก่ตัวเราได้ก่อน
Gotoknow เป็นผู้ให้ที่ประเสริฐนะ เพราะ Gotoknow เป็นผู้ที่เปิดโอกาสให้ข้าพเจ้าและสมาชิกได้ "ให้" โดยไม่หวังอะไรตอบแทน...
ทุกอย่างที่เข้ามาเราจะได้รับความสุข เพราะเราเข้ามาให้ซึ่งกันและกัน เพราะการให้ที่ไม่ได้หวังอะไรตอบแทนนี่แหละคือ "การปฏิบัติธรรม"
การให้โดยไม่หวังสิ่งใด ไม่ว่าจะอยากใหญ่อยากดังคือว่าเราได้เดินตามรอยของพระพุทธเจ้า
เพราะ "ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อความอยากใหญ่อยากดัง ธรรมเหล่านั้นไม่ใช่คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า" แต่ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อความไม่สะสมกองกิเลสและเป็นไปเพื่อความอยากอันน้อยธรรมเหล่านั้นเป็นธรรมวินัยเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า..."
การให้จึงเป็นพื้นฐานของจิตเป็นพื้นฐานของชีวิตที่ประเสริฐ การทำงานใดจักมีคุณค่าเลิศ เมื่องานงานนั้นถือกำเนิดจาก "การให้"
ยาที่ดีที่สุดคือสารเคมีในร่างกายที่หลั่งออกมาจากร่างกายที่เอิบอิ่มด้วยปิติ
หากคนเรามีปิติทั้งวันเราก็มีความสุขทั้งวัน เมื่อเรามีความสุขโรคภัยอันตรายใด ๆ ก็ไม่สามารถเข้ามากล้ำกลายชีวิตเราได้
เราลองคิดดูดี ๆ นะ ความเครียดในร่างกายเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดความผิดของสารเคมีในร่างกายซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมาใช่หรือไม่...?
ถ้าใช่แล้วทำไมเราถึงทำร้ายตัวเองด้วยความเครียด...?
ถ้าใช่แล้วทำไมเราถึงไม่เยียวยาตัวเองด้วยสารแห่งความสุข...?
สารแห่งความสุขนี้เราไม่ต้องไปหาซื้อจากที่ไหน ไม่ต้องพาสังขารไปทำบุญที่วัด เพียงแต่เราเข้ามาใช้ Social network ที่อยู่ในบ้านหรือในที่ทำงาน ข้อสำคัญก็คือทุก ๆ ครั้งที่เราใช้เราต้องตั้งจิต ตั้งเจตนาว่าเราจะเข้ามา "ให้" เราจะไม่เอาอะไรจากใคร
พูดจาก็ให้เป็นภาษาดอกไม้ พูดให้กำลังใจซึ่งกันและกัน หรือว่าใครมาว่าเราด่าเราก็ "ช่างหัวเขา" ถือเสียว่าเรามีโอกาสได้ทำ "อภัยทาน..."
การตั้งจิตตั้งเจตนานี้สำคัญมากนะ ตั้งเจตนาให้ดีก่อนที่จะใช้สื่อสาธารณะ เพื่อสิ่งเหล่านี้มีสารพิษเจือปนอยู่มาก ต้องตั้งสติให้ดี ไม่รับเอาสารพิษเข้ามาทางหู ทางตา แล้วใช้ใจแผ่เมตตาให้กับทุก ๆ คน
อัตตาหิ อัตตโนนาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน รักษาใจของตนเองให้ดีนะ ให้คิดเสมอทุก ๆ ครั้งที่นึกคิดได้ว่า "วันนี้ เวลานี้ เราได้ให้อะไรกับใครบ้างหรือยัง...?"
อาจารย์เขียนได้ตรงกับใจอยากพูดเลยค่ะ..การให้นี้..เป็นผลและเป็นตัวชี้วัดความสุขภายในตัวได้ด้วยค่ะ..ทานบารมีที่อาจารย์ว่านั้นเป็นตบะอย่างยิ่งจริงๆ ประสบการณ์ตรงของตัวเองคือ บางทีที่รู้สึกว่าตัวเองเริ่มหรือไม่มีความสุข ความคิดที่จะให้มันขาดหายไปจากการรับรู้ค่ะ คิดแต่อยากได้จริงอย่างเดียวอ่ะ แต่เมื่อรู้ตัว รู้ใจ และใจมั่นคงขึ้น สบายใจมากขึ้นมันก็รู้สึกอยากทำดีขึ้นมาบ้างและค่อนข้างยืดหยุ่นต่อคนอื่นได้มากขึ้นโดยอัตโนมัติเลยทีเดียว..จากการอ่านบันทึกนี้ของอาจารย์มันกระตุ้น ชวนให้คิดว่าถ้าเรามองว่าการเขียนบันทึกที่ดีๆ/ การตั้งใจทำงานดีๆ คือการให้อย่างหนึ่งที่เป็นเหมือนการทำบารมีที่เราพึงต้องกระทำต่อตนเองและผู้อื่นอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ สิ่งนี้น่าจะพอช่วยทุเลาปัญหาขาดความเพียรในการบันทึกของตัวเองได้ในระดับหนึ่ง..ชอบกับแนวคิดที่อาจารย์นำเสนอในบันทึกนี้ค่ะ
การให้นี้เป็นการสร้าง "พลัง" ของชีวิต
การ "เอา" อะไรจากใครบ่อย ๆ ทำให้เสียกำลังจิต กำลังใจ เป็นการบั่นทอนบารมีของตัวเราเอง
สังคมแห่งการให้จึงเกิดขึ้นได้จาก Social media โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรามี Gotoknow เปิดพื้นที่ให้สมาชิกเข้ามาร่วมกัน "ให้" เพื่อสร้างหัวจิตหัวใจที่เปี่ยมไปด้วย "ความสุข..."
จากอดีตที่เราเคยร่วมปั่นเกลียวความรู้ (Knowledge spiral) ในวันนี้ขอให้ทุกคนสร้างบารมีให้ยิ่ง ๆ ขึ้นด้วยการ "ปั่นเกลียวแห่งความดี (Spiral of Goodness)" เพื่อที่จะสร้างสังคมดี ๆ ที่เป็นแบบอย่างกับสังคมแห่งมนุษยชาติ
"การให้นี้ดีนะ การเสียสละเป็นสิ่งที่ประเสริฐมาก
การให้นี้ไม่จำเป็นต้องใช้จ่ายเงินหรือสตางค์ เพียงแต่เรามาร่วมกันสร้างสิ่งที่ดี ๆ..."
จิตใจของเรานี้รับสัมผัสพลังแห่งความดีได้โดยอัตโนมัติ เพราะถ้าเราสร้างเหตุปัจจัยถูก เป็นเหตุปัจจัยที่ดี ๆ ชีวิตของเราย่อมดี คนรอบข้างของเราย่อมจะได้รับได้สัมผัสสิ่งที่ดี ๆ ที่เราได้กระทำ
คนเราเมื่ออยู่ร่วมรวมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ทางสมมติบัญญัติเขาก็เรียกว่าเป็นองค์กร (Organization) เมื่อคนในองค์กรมีพื้นฐานแห่งการให้องค์กรนั้นย่อมเป็นองค์กรที่น่าไว้วางใจ (high reliability organization)
องค์กรใดที่สมาชิกจ้องที่แต่จะ "เอา" ผลประโยชน์ซึ่งกันและหรือคอยจ้องที่จะฟันผลกำไรจากลูกค้า องค์กรนั้นย่อมเป็นองค์กรที่ไม่สมควนในการ "วางใจ"
ครอบครัวเป็นองค์กรเริ่มต้นที่สำคัญ ครอบครัวเป็นองค์กรพื้นฐานของชีวิต
เมื่อครอบครัวมีจุดเริ่มต้นของคนสองคนมาอยู่ร่วมรวมกัน คนในครอบครัวนั้นต้องมีจุดเชื่อมต่อความสัมพันธ์ด้วย "ความไว้วางใจ" เพราะคนเราจะอยู่ร่วมหัวจมท้ายกับใครเราต้องย่อมมีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
เราลองมองดูปัญหาสังคมทุกวันนี้ สาเหตุหลัก ๆ มันเกิดมาจากพื้นฐานของคนซึ่งมีจิตใจที่คิดแต่จะ "เอา" จากกันและกัน
เอาความสุขจากความทุกข์ของคนอื่นบ้าง เอาผลประโยชน์จากคนที่ด้อยความรู้ด้อยการศึกษากว่าบ้าง เอาโอกาสจากคนที่ด้อยโอกาสกว่าบ้าง การเอาอย่างข้างต้นนี้แหละทำให้สังคมมีปัญหานะ
ความดีและการให้จึงต้องเริ่มจากจิตใจของตัวเราเอง
เริ่ม "ปั่นเกลียวแห่งความดี (Spiral of Goodness)" ให้เกิดและมีขึ้นในครอบครัว
ให้ความรักความเมตตาซึ่งกันและกัน ทำบ้านของเราให้เป็นสวรรค์ ทำบ้านของเราให้เป็นเมืองแห่งพระนิพพานที่มีความสงบ มีความร่มเย็น ให้ความรัก ให้ความเมตตา ต่อกันและกัน บ้านของเราก็จะร่มจะเย็น ความดีและการให้นี้จึงเปรียบเสมือน "แอร์ใหญ่ประจำบ้าน" ใครเข้ามาก็เย็น ใครเข้ามาก็มีความสุข
การที่เราจะมีแอร์ใหญ่ประจำบ้านได้หัวใจของเราต้องติดแอร์คอนดิชั่น ไปที่ไหนก็ให้ความรัก ความเมตตาต่อบุคคลอื่นมาก ๆ สมาทานไว้ในใจเลยว่า ชาตินี้เราจะไม่เผาใครทางคำพูดอีกแล้ว เราจะไม่เผาใครด้วยสายตา หรือด้วยวาจาที่ติดกระเบิดอีกแล้ว
เราจะให้สิ่งที่ดีต่อทุก ๆ คนที่เราได้พบได้สัมผัส เราจะให้ความรักความเอื้ออาทรต่อทุกคนที่สัญจรผ่านมาในชีวิตของเรา
ปั่นเกลียวแห่งความดีให้เกิดและมีในจิตใจของตัวเองทุกวินาที ชีวิตนี้จะยั่งยืนและสดใสด้วยจิตใจที่งดงาม...
พบเพื่อนโกทูโนที่ HA forum ครั้งที่ 14 หลายคน ดีใจทุกครั้งที่พบกันค่ะ
@ GTK ก็เหมือนบ้านหลังใหญ่เรามีพี่น้องมากมาย....ที่เป็นผู้ให้