ทำให้ผมอยากเขียนบันทึกจังวันนี้...
ขอเขียนบันทึกที่เหตุการณ์ผ่านไปได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว...
ตื่นเช้าตรู่...วันอาทิตย์ที่ 4 พ.ย.55...ในห้องพักเล็กๆ...มุมหนึ่งในเชียงคาน....
ผมมองออกไปผ่านกระจกหน้าต่าง...ท้องฟ้ายังมืดมิด...
ทำให้มองเห็นแม่น้ำโขง...เหมือนงูดำตัวใหญ่ๆ...ที่ลำตัวและหางโค้งไปโค้งมาเหยียดยาว
ผมได้ทำบุญใส่บาตรข้าวเหนียว...ตามจริงไม่แปลกประหลาดและน่ามหัศจรรย์เท่าไหร่นัก
เพราะคนอีสานหรือแถวบ้านของผมเองก็ใส่บาตรข้าวเหนียวเช่นเดียวกัน
เพียงแต่ที่นี้...คนจะมาใส่บาตรกันเป็นแถวยาวสุดสายตา...และพระสงฆ์, จีวรสีเหลืองปลิวไสว....
มองเห็นมาตั้งแต่ไกล...ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก...
ท้องฟ้ายังสลัวๆ ...รอให้พระอาทิตย์กำลังโผล่หน้าออกมา...
ผมจึงเดินทางไป “ภูทอก” ก่อน...ซึ่งอยู่ไกลไม่จากที่พักมากจอดรถไว้...
เพราะการขึ้นบนภูทอก...ยังใช้รถสองแถวเล็กขึ้นไป...
เมื่อถึงข้างบนสวยมาก...หมอกหนาสีขาว...ทำให้มองเห็นข้างล่าง...ไม่ชัดเจน
นับเป็นสถานที่ที่น่าเที่ยวแห่งหนึ่งครับ
ผมกลับมาถึงที่พักหนึ่งโมงเช้า...เสน่ห์แห่งหนึ่งของการมาเยือนเชียงคานคือ ..
.การถีบจักรยานชมตัวเมือง....ปั่นไปเรื่อยๆ....ตามประสาคนโหยหาอดีตเช่นผม...
บ้านไม้เก่า...รอยยิ้มของผู้คนที่เริ่มหวงแหน...แต่ผมกลับได้รอยยิ้มเหล่านั้นคืนพร้อมกับความเอื้ออารีคนที่ผมพบเห็น...
วัดมีหลายแห่งมาก...ปั่นไม่ทันเหนื่อย...ก็เจอวัดแล้วทำให้อดคิดเอาเองว่า...
บรรยากาศคล้ายกับเมืองหลวงพระบางจัง....
ผมเริ่มหิวแล้ว...จึงจอดจักรยาน...แวะดูอาหารเช้า...ที่เพิงอาหารเล็กๆ ข้างทาง…..
ผมสั่งก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กหมูร้อนๆ...อร่อยๆ มากครับ...
แต่เพราะรอยยิ้ม...และความช่างเจรจาของคุณป้าเจ้าของร้านทำให้ผมสั่งอาหารต่อ...
จานที่สอง คือ...ข้าวปุ้นน้ำใส...เส้นขนมจีน (ข้าวปุ้น) ที่บีบสดๆ ร้อนๆ....
และคุณป้าก็โชว์นวัตกรรมด้านอาหาร...นวัตกรรมที่พบแห่งเดียวในประเทศไทย...
ซึ่งผมได้เขียนไว้ในอนุทิน....
http://www.gotoknow.org/journals/entries/116554
"...เขียงใบเดียวใบนั้น...ที่ฉันเห็นที่เชียงคาน.... แม่ครัวร้านอาหารริมทางเล็กๆ...ในซอยมุมน้อยๆ ...แแห่งหนึ่งในเชียงคาน จ.เลย บอกว่า....เป็นเขียง...ที่มีแห่งเดียวในประเทศไทย..."
เมื่อท้องอิ่มแล้ว....ผมก็ปั่นจักรยานต่อ...ปั่นไปเรื่อยๆ...เพื่อจะโอบกอดเชียงคานในทุกซอกทุกมุม
ผมเห็นป้าย...หมออนามัยคนแรกของเชียงคานผมอดจะเข้าไปทักทายคุณตาหมออนามัยคนแรกของที่นี้ไม่ได้...
ผมแนะนำว่า...ผมเป็นหมออนามัยเช่นเดียวกันคุณตากำลังทานข้าวเช้าอยู่...
ผมจึงได้คุยกับท่านสั้นๆ เพราะเกรงใจ...
รอยยิ้มของคุณตาที่อายุ 78 ปี...
วันนี้มีความสุขจากการเปิดบ้านให้กลายเป็นที่พักของผู้มาเยือน...
การบ้านครั้งต่อไปที่ผมมาเยือนเชียงคานครั้งต่อไปคือ
อยากถามคุณตาว่า...ความสุข-ความทุกข์ของหมออนามัยในยุคคุณตา... คืออะไร?
ความสุข-ความทุกข์ของคนเชียงคานในยุคนี้...คืออะไร
นับเป็นเช้าอีกวันของผม...กับจักรยาน...ชีวิต , การเดินทาง
และ All I Have To Do Is Dream ของผม...