... กลิ่นแห่งความหายนะ...?


ปู่ยิ้มนิด ๆ ก่อนตอบ “กลิ่นของมันก็คือ... กลิ่นแห่งความหายนะ! ยังไงหล่ะ”

คุณปู่ท่านดูสูงอายุมาก แล้วแต่ลักษณะภายนอกที่แข็งแรงเลยดูขัดแย้งกับปัจฉิมวัยของท่านมากทีเดียว วันนี้การจราจรไม่หนาแน่น ท่านขับรถยนต์สบาย ๆ ไม่เร็วนัก หลานชายนั่งด้านหน้าคู่กับท่านส่วนหลานสาวนั่งอยู่ด้านหลัง

            ขับรถยนต์มาไม่นานนักคุณปู่ก็จอด...

           “คุณปู่มาจอดที่โรงงานกำจัดขยะทำไมคะ” หลานสาวแสนสวยถามขึ้นทันทีที่รถยนต์จอดสนิท

           “ก็นี่ไงหละ สถานที่ท่องเที่ยวของเราในวันนี้” คุณปู่พูดขึ้นโดยไม่ได้หันหน้าไปมองหลานสาว

           “คุณปู่ชอบล้อเล่นเรื่อยเลย” หลานสาวยังคงไม่ยอมรับกับคำตอบของคุณปู่

           คุณปู่ยิ้มน้อย ๆ ก่อนหันไปถามหลานชาย

          “หลานเห็นขยะตรงหน้านั่นไหม...รู้สึกยังไง” คุณปู่ถามขึ้นพร้อมชี้มือไปยังภูเขาขยะขนาดมหึมาที่กองอยู่ตรงหน้า

           “รู้สึกว่ามันไม่มีประโยชน์...เป็นสิ่งที่ไม่มีค่าครับ” หลานชายพูดขึ้นเมื่อหันมองตามมือของท่านที่ชี้ไปยังกองขยะที่อยู่ตรงหน้า

          “ใช่แล้วหละ...ขยะพวกนี้เป็นขยะที่ไม่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ เป็นขยะที่มีพิษ ไม่มีประโยชน์และยังมีโทษอีกต่างหาก”

           “มันเหม็นด้วยคะคุณปู่” หลานสาวเสริมขึ้นและก็ทำท่าทางอย่างที่พูดจริง ๆ

           “ใช่แล้วจ๊ะหลาน มันทั้งเน่าทั้งเหม็นทั้งน่าสะอิดสะเอียน แต่ขยะอยู่ ๆ มันเกิดขึ้นมาเองได้เหรอ?” ปู่ย้อนถามยิ้ม ๆ 

           หลานชายกับหลานสาวส่ายหน้า “ไม่ครับ/คะ”

           “มนุษย์ทุกคนบนโลกนี้เป็นผู้สร้างขยะขึ้นมา ลองคิดดูซิว่าในแต่ละวันทั่วโลก จำนวนขยะที่ไร้ประโยชน์เหล่านี้มันจะมีมากมายมหาศาลขนาดไหน ที่เห็นตรงหน้านี้เฉพาะของเมืองเราเท่านั้นมันยังมากมายขนาดนี้” หลานทั้งสองทอดสายตามองกองขยะมหึมาที่อยู่ตรงหน้า หรือจะเรียกว่า ‘ภูเขาขยะ’ น่าจะเหมาะสมกว่า

           “หลานทั้งสอง... รู้ไหมว่าในความเป็นจริงแล้วคน ๆ หนึ่งสามารถสร้างขยะที่ไร้ค่าได้มากมายกว่านี้หลายเท่า โดยที่เราไม่รู้ตัว”

          หลานทั้งสองหันมองหน้ากันแล้วส่ายหน้า ในขณะที่คุณปู่เอานิ้วชี้ไปตรงหัวของท่านเอง

           “ขยะทางความคิด! นี่ยังไงหละ” ท่านตอบ

            “ขยะทางความคิด!” หลานทั้งสองอุทานขึ้นพร้อมกัน

            “ใช่แล้วหลาน คนส่วนใหญ่จะปล่อยให้ความคิดที่เป็นขยะผุดขึ้นมาในหัวสมองทุกวินาที และที่สำคัญไม่มีโรงงานที่จะช่วยกรองขยะเหมือนโรงงานรีไซเคิลหรือโรงงานกำจัดขยะทั่วไป จึงนำพาให้ความคิดขยะเหล่านั้นคลุกเคล้าเกลือกกลั้วไปกับความคิดที่ดีมีประโยชน์ที่มีอยู่เป็นส่วนน้อย ในท้ายที่สุดก็จะกลายไปเป็นขยะที่ไร้ประโยชน์เหมือนกันหมด ความคิดขยะเหล่านี้มีแรงเหวี่ยงมหาศาลที่พร้อมจะทำให้เราสมยอมและตกเป็นทาสของมันอยู่ตลอดเวลา” คุณปู่หยุดเว้นระยะเมื่อเห็นหลานทั้งสองกำลังตั้งใจฟังจึงพูดต่อ

           “ขยะทางความคิดของมนุษย์เป็นสิ่งที่น่ากลัวและเหม็นเน่ายิ่งกว่าขยะที่กองอยู่ตรงหน้านี้มากมายหลายเท่านัก และยังสามารถสร้างมลพิษต่อโลกได้อย่างมากมายมหาศาล!” ท่านอธิบาย

             “ผมยังไม่เข้าใจครับ” หลานชายสารภาพตามตรงเพราะยังงงและไม่เข้าใจในความหมายที่ท่านพูด

            คุณปู่ยิ้มอย่างผู้ใหญ่ใจดี “ขยะที่หมักหมมสั่งสมมาหลายวันกับขยะที่หมักหมมแค่วันเดียว อันไหนมันส่งกลิ่นเหม็นมากกว่ากัน” ท่านไม่ตอบคำถามของหลานชายตรง ๆ

             “แหง...ก็ต้องหลายวันอยู่แล้วคะคุณปู่”หลานสาวพูดขึ้นในขณะที่หลานชายพยักหน้าเห็นด้วย

             “ขยะเหล่านี้ที่เราเห็นอยู่ตรงหน้าถูกนำมากำจัดทำลายไปในแต่ละวัน เรายังรู้สึกเหม็นและขยะแขยงขนาดนี้ แต่ในหัวสมองของคนเราถูกผลิตความคิดที่เป็นขยะซ้ำแล้วซ้ำเล่าหมักหมมมานานนับหลายปี คิดออกไหมว่ามันจะมีกลิ่นเหม็นขนาดไหน”

            หลานทั้งสองมองหน้ากันอีกครั้ง “นึกไม่ออกครับ/คะ”

            “แต่หนูคิดว่ามันคงจะน่าสะอิดสะเอียนกว่านี้มากมายหลายเท่า”หลานสาวทำท่าจะอาเจียนออกมาจริง ๆ

            ปู่ยิ้มนิด ๆ “กลิ่นของมันก็คือ... กลิ่นแห่งความหายนะ! ยังไงหล่ะ”

            “กลิ่นแห่งความหายนะ!” หลานทั้งสองอุทานขึ้นพร้อมกันอีกครั้ง

            “หลานทั้งสองจำไว้นะ ตราบใดที่มนุษย์เรายังไม่สามารถแยกแยะได้ว่า ความคิดไหนเป็นขยะ ความคิดไหนเป็นเพชร ตราบนั้นทั้งขยะและเพชรก็จะเกือกกลั้วถูกคลุกเคล้าเข้าด้วยกันจนแยกไม่ออกว่าอันไหนขยะอันไหนเป็นเพชร ในท้ายที่สุดเพชรก็จะถูกขยะเหล่านั้นบดบังไม่ให้เปล่งรัศมีจนกว่า...” หยุดเว้นระยะ

            “เราจะสามารถสลัดขยะทางความคิดเหล่านั้นให้หมดไป...เมื่อทำได้ตอนนั้นเพชรก็จะกลับมาเจิดจรัสอีกครั้ง” ปู่หยุดพักนิดนึงก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

             “หลานทั้งสองโชคดีกว่าหลาย ๆ คนที่มีโรงงานรีไซเคิลและโรงงานคัดแยกขยะรวมถึงโรงงานกำจัดขยะอยู่ในตัว เป็นแต่เพียงว่าในขณะนี้อาจจะเป็นช่วงของวันหยุดเทศกาลที่ค่อนข้างยาวนานไปหน่อย...เลยทำให้โรงงานหยุดพักชั่วคราว” ปู่หยุดยิ้มให้หลานทั้งสอง...ก่อนที่จะทิ้งท้ายว่า

             “แต่อย่าหยุดพักนานนักหละ เดี๋ยวขยะพวกนั้นจะหมักหมมและเละจนแยกไม่ออก และที่สำคัญโรงงานกับเครื่องจักรอาจจะถูกสนิมกัดกินจนชำรุดหรือเสียหาย เลวร้ายอาจจะถึงขั้นที่ต้องปิดโรงงานไปเลยก็ได้ ต้องระวังให้ดีอย่าประมาท!” ท่านย้ำในประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

‘จำไว้นะหลานทั้งสอง'

ความคิด...ที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ จะค่อย ๆ กลายเป็นการกระทำ...

การกระทำ...ที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ จะค่อย ๆ กลายเป็นนิสัย...

นิสัย...ที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ จะค่อย ๆ กลายเป็นอุปนิสัย...

อุปนิสัย...ที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ จะค่อย ๆ กลายมามีอิทธิพลกำหนดวิถีชีวิตทั้งหมดของเรา!’

 

********************************************************************************************************************

หมายเลขบันทึก: 503125เขียนเมื่อ 22 กันยายน 2012 17:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 กันยายน 2012 11:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

คม และชวนคิดมากครับ คำสรุปข้างล่างเป็นของหลวงปู่ชา ใช่ไหมครับ

ขอบคุณมากครับ อาจารย์ณัฏฐวัฒน์ สำหรับกำลังใจที่มอบให้เสมอมา...

         คำสรุปข้างล่างเป็นของหลวงปู่ชา ใช่ไหมครับ

   ครับ...จาก การดูจิต : วิธีการรู้เท่าทันความคิด ของหลวงปู่ชา สุภทฺโท 

  ...เธอจงระวังความคิดของเธอ เพราะความคิดของเธอ จะกลายเป็นความประพฤติของเธอ 
     เธอจงระวังความประพฤติของเธอ เพราะความประพฤติของเธอ จะกลายเป็นความเคยชินของเธอ 
     เธอจงระวังความเคยชินของเธอ เพราะความเคยชินของเธอ จะกลายเป็นอุปนิสัยของเธอ 
    เธอจงระวังอุปนิสัยของเธอ เพราะอุปนิสัยของเธอ จะกำหนดชะตากรรมของเธอชั่วชีวิต...
     

สวัสดีค่ะท่านอาจารย์ คล้ายๆ ที่เคยได้ผ่านตามาในภาคภาษาอังกฤษ

“Carefully watch your thoughts, for they become your words. Manage and watch your words, for they will become your actions. Consider and judge your actions, for they have become your habits. Acknowledge and watch your habits, for they shall become your values. Understand and embrace your values, for they become your destiny.”

― Mahatma Gandhi

สุขสันต์คืนวันเสาร์ค่ะ

มีแค่ประโยคเดียว สุดยอดครับ

ขอบคุณ คุณแสงแห่งความดี มากครับที่แวะมาให้กำลังใจอยู่เสมอ...

ขอบคุณ พี่หนูรี มากครับที่แวะมาให้กำลังใจอยู่เสมอ...รักษาสุขภาพด้วยนะครับ... :)

ขอบคุณ คุณปริม มากนะครับที่แวะมาให้กำลังใจและข้อคิดดี ๆ อยู่เสมอ...

   ขอบคุณมากครับที่นำคำคมจากท่าน Mahatma Gandhi มาฝาก...


 จาก อนุทิน http://www.gotoknow.org/journals/entries/114351

    วันนี้ได้ว่างบ้างไหมคะท่านอาจารย์ ปริมแบกกล้องไปส่องนกทั้งบ่ายเลย เมื่อยแขนมากค่ะ ไม่ว่างและวางไม่ได้ด้วย อิอิอิ

      แต่อยู่กับปัจจุบันมากค่ะ จิตใจไม่ค่อยได้ออกไปไกลจากเขตดูนกสักเท่าไหร่ สรุปแล้วไม่ว่าง ไม่วาง แต่มีความสุข เอ๊ะยังไง...

       ไม่วาง (กล้อง)...และไม่ว่าง...อย่าง คุณปริม เป็นความสุขที่น่าอิจฉามากเลยครับ... :) 

        เหนื่อยแต่มีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำ...ก็ถือว่าล้ำค่า...ยังไง คุณปริม รักษาสุขภาพด้วยนะครับ (อยู่ในช่วงเลิกกาแฟ)... :)

        คุณปริม เหมือนรู้เลยนะครับ... (อิ...อิ...)...ช่วงนี้ผมยุ่งปานกลางค่อนข้างไปทางเยอะเหมือนกัน...โดยเฉพาะงานวิจัย...ทั้งงานวิจัยของตัวเองและงานวิจัยของสำนักฯ...ปิดเทอมนี้คงต้องเร่ง...เฮ้อ...(ขอเหนื่อยล่วงหน้าก่อนนิดนึงนะครับ)... :)  

ขอบพระคุณ ท่านอาจารย์ prathan มากครับที่แวะมาให้กำลังใจอยู่เสมอ...

ขอบคุณกำลังใจที่มอบให้ผ่านดอกไม้จากทุก ๆ ท่านมากครับ...

อ่านแล้ว ได้ปรัชญาชีวิตเลยครับ

ตราบใดที่มนุษย์เรายังไม่สามารถแยกแยะได้ว่า ความคิดไหนเป็นขยะ ความคิดไหนเป็นเพชร ตราบนั้นทั้งขยะและเพชรก็จะเกือกกลั้วถูกคลุกเคล้าเข้าด้วยกันจนแยกไม่ออกว่า

ศีลรักษาความบริสุทธิ์สะอาดของจิต ช่วยขจัดขยะออกจากใจเราได้ค่ะ ยามที่มีความคิดที่ดูเหมือนจะเป็นขยะ จะสัมผัสได้ว่ามันหนัก ๆ การมีศีล (เจตนางดเว้น) ทำให้เราผ่อนคลาย เบาลงเหมือนเทขยะออกไป

 

ขอบคุณมากเลยค่ะสำหรับปรัชญาแห่งชีวิตที่พึงโน้มนำมาประดับตน

ขอบคุณ คุณแผ่นดิน มากครับที่แวะมาให้กำลังใจ... :)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท