นับจากการยืมหนังสือ "ฟองเวลา" ที่เขียนโดย "อาจารย์เสกสรรค์ ประเสริฐกุล" มาแล้วครั้งหนึ่ง
จนนำมาถ่ายทอดลงในบันทึก หวัง - แมงเม่า - คลื่น - เหยี่ยว - ผู้โดดเดี่ยว ... (ฟองเวลา : เสกสรรค์ ประเสริฐกุล)
ซึ่งหนังสือเล่มนี้เป็นการพิมพ์ครั้งที่ ๑
เสกสรรค์ ประเสริฐกุล. ฟองเวลา. กรุงเทพฯ: สามัญชน, ๒๕๔๐.
อีก ๑๐ ปีต่อมาจึงมีการพิมพ์ครั้งที่ ๒
เสกสรรค์ ประเสริฐกุล. ฟองเวลา. พิมพ์ครั้ืงที่ ๒. กรุงเทพฯ: สามัญชน, ๒๕๕๐.
บันทึกนี้ขอนำเสนอบทกวีชุดสุดท้ายของเล่มที่มีชื่อว่า "อนัตตา"
...
ใบไม้... สายฝน และคนฝัน
ย่อมมีวันร่วงแล้งและแห้งหาย
คำกวีมีสัมผัส มีลวดลาย
วรรคสุดท้ายถึงจะเน้น ยังเว้นวรรค
...
(พฤษภาคม ๒๕๔๘)
...
วอนเมฆมาห่มคลื่น
ซับรอยชื้นในแววตา
ใกล้ค่ำตะวันลา
เพื่อรุ่งแจ้งแห่งแดนไกล
หลับตาให้ตื่นรู้
เดินทางสู่อสงไขย
เลิกจำแล้วเลิกใจ
รอรับแสงแห่งราตรี
...
(มิถุนายน ๒๕๔๘)
...
ทุกเขตคามความจริงถูกทิ้งขว้าง
ทุกบ้านบางบุญบาปคล้ายสาบสูญ
ทุกหนแห่งแล้งร้อนล้วนเพิ่มพูน
เพราะผู้คนเทิดทูนแต่ตัวเอง
...
(กรกฎาคม ๒๕๔๘)
...
เกลียวคลื่นกลืนหาดสาดศิลา
จารึกรอยศรัทธา
บูชาแด่องค์ภควันต์
พันกัปหมื่นยุคร้อยกัลป์
แปรเปลี่ยนฉับพลัน
ในคลื่นคือน้ำคงเดิม
...
(สิงหาคม ๒๕๔๘)
...
ตะวันสาดวาดสีคลี่ลำแสง
แม้หินแกร่งก็ยังกร่อนร่อนเป็นผง
แล้วในโลกมีสิ่งไหนที่ยืนยง?
คนยังคงตั้งคำถามตามกันมา
...
(พฤศจิกายน ๒๕๔๘)
...
มีวัดวังครั้งเก่าคอยเล่าเรื่อง
เคยฟูเฟื่องยังต้องฟุบบุบสลาย
ถึงปราสาททำด้วยหินและดินทราย
ยังมีตายมีเป็นเช่นคนเรา
...
(ธันวาคม ๒๕๔๘)
...
โดยภายนอกคนแต่งกายได้หลายสี
แต่ภายในต้องไม่มีเรื่องสีสัน
เพราะชีวิตไม่ได้สวยด้วยแพรพรรณ
ในนิรันดร์ยังไม่มี... แม้ชีวิต
...
(กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙)
...
โบสถ์วิหารงานศิลป์ทุกถิ่นด้าว
คือย่างก้าวของความคิดจิตรังสรรค์
โลกสวยใสเกิดจากในที่มองกัน
คนเท่านั้นที่กำหนดรสนิยม
...
(มีนาคม ๒๕๔๙)
......................................................................................................................................
เป็นบทกวีที่เขียนในปี ๒๕๔๘ - ๔๙ ซึ่งเล่มที่พิมพ์ครั้งที่ ๑ ยังไม่ปรากฎ
"อนัตตา" คือ ความไม่เที่ยง ไม่ใช่ "อัตตา" ที่หมายถึง การยึดตัวตน
บทกวีอาจจะไม่จำเป็นต้องเขียนหลายบท เพียงแค่บทเดียวก็สามารถ
ตีความหมายบางอย่างที่ต้องการได้อย่างทรงคุณค่า
...
"อนัตตา" หมายว่า ความไม่เที่ยง
หาได้เอียง หมายว่า ข้าเป็นหนึ่ง
เพียงปล่อยวางกิเสสหนาพาคำนึง
เพียงเข้าใจลึกซึ้งเป็นหนึ่งเดียว
...
บุญรักษา ครับ ;)...
......................................................................................................................................
ขอบคุณหนังสือดี ๆ ...
เสกสรรค์ ประเสริฐกุล. ฟองเวลา. พิมพ์ครั้ืงที่ ๒. กรุงเทพฯ: สามัญชน, ๒๕๕๐.
ผมชอบอ่านงานของอาจารย์เสกสรรค์ฯ มาก
เรื่องสั้น-ร้อยกรอง อ่านแล้วมีพลัง
อ่านแล้วเห็นภาษานิพนธ์ และปรัชญาชีวิตที่สุกสกาว...งดงาม
เคยเรียนเชิญท่านมาบรรยาย 2 ครั้ง
อัธยาศัยท่านดีมาก...
มุมมอง แนวคิด ไม่ตกยุค
ระยะหลังท่านพูดและเขียนถึงแนวปรัชญา-หลักธรรมมาก ขึ้น
...
ขอบคุณเรื่องราวดีๆ..นะครับ
เสาร์สบายๆเจ้า อาจารย์เสือ
ชอบอ่านงานเขียนของบุรุษท่านนี้ อ่านมาเมื่อยังสรุ่น อ้าว เพิ่งเห็น พิมพ์ที่ 2 ปกภาพงามจัง
ฟองเวลา เมื่อกาลผ่านไป อะไรๆ ก็ไม่เที่ยง ... รุ่นนี้ติดตามผลงานทายาท อ. หล่นไม่ไกลต้น เช่นกัน :)
ชอบภาษาสำนวนของอ.เสกสรรค์ ประเสริฐกุล เหมือนกันครับ
จำได้บทหนึ่งที่ว่า
ช่วงนี้ ภารกิจเยอะไปหน่อยครับ คุณ Boo ;)...
ทำให้ไม่มีเวลามาสุนทรียภาพทางอารมณ์เท่าใด
คิดถึงเวลาว่างจริง ๆ
ขอบคุณมากครับที่แวะมาเยือนนะ ;)...
ใช่เลยครับ คุณ แผ่นดิน งานระยะหลังเป็นแนวธรรมะมากขึ้น
เหมือนท่านได้ค้นพบอะไรบางอย่างแล้วนำมาถ่ายทอดให้พวกเราได้อ่านกัน
ขอบคุณมากครับ คนคอเดียวกัน ;)...
อ่ะ ... เรากำลังจะหายไปจากโลกนี้ครับ อาจารย์ ขจิต ฝอยทอง ;)...
รีบ ๆ ชิงจังหวะหาคู่ชีวิตให้ได้ก่อนผมเลยนะครับ เดี๋ยวจะสูญพันธ์จริง ๆ 555
ขอบคุณครับ ;)...
เมื่อสองปีก่อน เพื่อนนำหนังสือของอ.เสกสรรค์ ประเสริฐกุล มาให้ ๒๑ เล่มค่ะตั้งแต่นั้นก็ตามอ่านหนังสือของท่านตลอด ชอบค่ะ
แวะมาเสพมาซับก่อนหลับตา
บทกวีแห่งอนัตตาพาสู่ฝัน
ด้วยฤทธิ์แรงแห่งศรัทธาที่แบ่งปัน
ความไม่เที่ยงเป็นหนึ่งนั้น...คือฝันเรา
สาธุ สาธุ สาธุ
ขอบคุณครับ คุณ Tawandin ;)...
เคยมีคน (พี่เอี้ยว) ส่งหนังสือของ เสกสรรค์ เป็นแนวปรัชญาชีวิตเล่มเล็กๆ มาให้อ่านเหมือนกัน เขียนดีมากเลย อ.วัส
เล่มไหนหรือครับ คุณครู Nopparat Pongsuk ;)... ???
ชื่อหนังสือ ผ่านพบไม่ผูกพัน unattached encounters (Seksan Prasertkul) พิมพ์ครั้งแรก ค่ะ อ.วัส ถาม เลยหยิบมาจาก ลิ้นชัก แล้วก็ถือโอกาสอ่านซ้ำอีกรอบ หน้าแรกๆ เขียนว่า
ผ่านพบโดยไม่ผูกพัน
บางทีอาจลึกซึ้งยั่งยืนกว่า
ร้อยหัวใจเข้ากับทุกอย่าง
ด้วยโซ่ตรวนที่มักตั้งชื่อผิดๆว่า
"ความรัก"
แล้วหน้ากลางๆ เขียนว่า..............
บางครั้งเราเต็มใจเป็นสะพาน
ให้ใครบางคนก้าวข้าม แต่ห้วงยามแห่งการเสียสละ กับห้วงยามแห่งการพลัดพราก ก็มักจะเกิดขึ้นพร้อมกัน......... ทั้งนี้เพราะสะพาน ย่อมมิใช่ที่อยู่ถาวรของผู้ใด
หน้าท้ายๆ เขียนว่า แบบนี้ อ. วัส
ถ้าเราอยากรู้จักผู้ใด อย่างแท้จริงสักคน จงดูทั้งเส้นทางที่เขาเลือก และวิถีปฎิบัติของเขา ขณะอยู่บนเส้นทาง แต่ไม่ควรใส่ใจดูว่า เขาไปถึงปลายทางหรือไม่
แล้วก็มีเกี่ยวกับนิพพานครึ่งทาง ข้างในหนังสือ ก็มีอะไรประมาณนี้หละ อ.วัส ถ้าสนใจ จะส่งไปให้อ่านนะ
อา มิเป็นไรครับ คุณครู Nopparat Pongsuk ;)...
เล่มนี้มีอยู่ในชั้นหนังสือห้องสมุดส่วนตัวพอดีเลยครับ
ขอบคุณมากสำหรับน้ำใจอันดีงามนะครับ ;)...
ชื่นชม ทำให้เราฝึกฝนกระบวนการคิดเช่นนั้นบ้างนะครับ พี่ ...Dr. Ple ;)...
ขอบคุณมากครับ ;)...
ล้วนเป็นสัจธรรมค่ะ...
สุญญตา
โดยภายนอกคนแต่งกายได้หลายสี
แต่ภายในต้องไม่มีเรื่องสีสัน เพราะชีวิตไม่ได้สวยด้วยแพรพรรณ ในนิรันดร์ยังไม่มี... แม้ชีวิต
อุ้ย สาธุครับพี่นก วิมานลอย ;)...
วิ๊ดวิ้ววครับพี่ ;)...