ภัยของโลกออนไลน์ ที่พ่อแม่ต้องระวัง
พอเขียนถึงเรื่องวัยรุ่นติด ๆ กันทำให้นึกถึงหนังเรื่อง “ TRUST เหยื่อนรกออนไลน์ ” ตอนแรกที่ดูไม่รู้เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร แต่ดูเพราะชอบพระเอก Clive Owen พอดูแล้ว ก็เป็นหนังที่ดีเรื่องหนึ่งเชียวแหละ
หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวหนึ่ง มีพ่อแม่ลูก 3 คน คนโตเป็นผู้ชาย กำลังเข้ามหาวิทยาลัย คนที่สองตัวเอกของเรื่องเป็นผู้หญิง ชื่อแอนนี่ อายุ 14 ปี กำลังเรียนม.ปลาย แล้วก็คนสุดท้าย ไม่เด่นอะไร พ่อทำงานบริษัทเป็นคนเก่ง แม่ก็ทำงาน ก่อนหน้านี้แอนนี่เป็นเด็กที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองเสมอ ไม่แคร์อะไร แต่เมื่อต้องย้ายไปห้องใหม่ ทำให้มีการปรับตัว ต้องเข้าร่วมกลุ่มกับเพื่อนใหม่ๆ ที่เป็นอีกแบบหนึ่งมีเพศชาย เข้ามาเกี่ยวข้อง เขาชอบเล่น com พ่อก็ซื้อแม็คบุ๊คโปรให้เป็นของขวัญวันเกิด โดยที่เขาก็ไม่รู้ว่านั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการชักพาลูกสาวของตนเข้าสู่โลกออนไลน์ที่ตัวพ่อก็ยากจะเข้าถึง แม้จะมีการตั้งกฎหลายอย่าง แต่ลูกก็เข้าไป chat กับผู้ชายทาง internet ติดต่อกันบ่อย ๆ แล้วสุดท้ายก็โดนเขาหลอก เรื่องอายุที่คบกัน ตอนที่ลูกมีปัญหาอยากปรึกษาพ่อ พ่อก็ไม่มีเวลาให้เขา ทำให้เด็กไปปรึกษาเพื่อน เวลาอยู่กับเพื่อนใหม่ ทำให้เขาไม่มั่นใจ ในภาพลักษณ์ของตนเอง คิดว่าตนเองไม่สวย แม้จะเล่นวอลเล่ย์บอลเก่ง สามารถได้รับเลือกเข้าทีมได้ เขารู้สึกว่าเขาได้รับกำลังใจจากเพื่อนชายทาง internet แล้วเรื่องมันเกิดตอนที่พ่อแม่ไม่อยู่บ้าน ผู้ชายทาง net ก็นัดมาเจอกัน แม้เมื่อมาพบหน้ากัน รู้ว่าตัวเองถูกหลอกเรื่องอายุ เพราะผู้ชายคนนั้นแก่มาก แต่เขามีวิธีการพูดให้เด็กรู้สึกดี เห็นว่าตัวเองเป็นคนสวย ( ตรงกับปมที่มีอยู่ในใจ ) ทำให้เกิดความภูมิใจในตัวเอง แล้วสุดท้ายก็ถูกล่อลวงทางเพศ โดยเด็กยินยอม โอ้โห เมื่อพ่อแม่รู้เรื่อง ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นไม่เหมือนกัน
พ่อ.. โกรธ อย่าฆ่าผู้ชายคนนั้น ไม่สนใจลูก คิดแทนลูกว่าลูกโดนข่มขืน
แม่ .. จะเข้าไปช่วยลูกตลอด
ลูก.. โกรธพ่อแม่ที่ไม่เข้าใจตัวเอง สงสารผู้ชายคนนั้น คิดว่าเขารักตัวเอง ไม่รู้สึกว่าตนเองถูกข่มขืน
เด็กคนนี้ได้รับการ counseling เราจะเห็นว่ากระบวนการให้คำปรึกษาเขาดีมาก เห็นวิธีการพูด การเข้าใจปัญหา ( นักให้คำปรึกษาน่าจะได้ดูนะ ) เห็นถึงการเชื่อมต่อ การช่วยเหลือจนกระทั่งเด็กคนนั้นเกิด insight รู้ว่าตนเองถูกข่มขืน ถูกหลอกจริง เขาเจ็บปวดมากเมื่อรู้ความจริง คนที่เขานึกถึงวิ่งไปหา ก็คือผู้ให้คำปรึกษา แสดงว่าการเชื่อมต่อนี้ได้ผลจริง ๆ สุดท้ายพ่อลูกก็ปรับตัวเข้ากันได้ เมื่อทุกคนตระหนักในความจริงและยอมรับกับมัน
หนังเรื่องนี้มีหลายประเด็นที่น่าสนใจนะ
- เมื่อเราเอาเทคโนโลยีอะไรให้กับลูก เราต้องรู้ว่าอะไรมันจะตามมาบ้าง ต้องเท่าทัน และเตรียมหนทางแก้ไขไว้ล่วงหน้า เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ไม่เคยเกิดในชีวิตจริง เรารู้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมันเป็นหน้าที่นะที่เราต้องป้องกัน
- จะเห็นว่าเวลาที่จะให้กับลูกสำคัญมาก เราต้องเห็น sign บางอย่างว่าลูกกำลังมาขอความช่วยเหลือ วัยรุ่นนั้นถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่จริง ๆ เขาไม่เข้ามาหาเราหรอก เมื่อไหร่ที่เขาอยากคุยกับเรา มันต้องเป็นเรื่องสำคัญ เราต้องหยุดภารกิจ แล้วหันมาสนใจกับเขา เพราะมิเช่นนั้นเขาจะไปหาเพื่อนทันที ไม่มีการกลับมาหาเราอีกแน่นอน เรามีโอกาสเพียงครั้งเดียวจริง ๆ นะ
- เมื่อเกิดปัญหาอะไรขึ้นกับลูก สิ่งแรกที่เราควรทำคือการหันมาสนใจความรู้สึกของเขา เพราะมันคือหน้าที่ของเรา ที่ต้องเป็นผู้อยู่เคียงข้าง ให้ความรัก กำลังใจ ช่วยแก้ปัญหา ไม่ต้องสนใจกับเรื่องอื่น เอาความรู้สึกก่อน แม้ลูกจะผิด จะพลาดก็ตาม เพราะเขาต้องเสียใจแน่นอน แล้วค่อยมาสั่งสอน ตักเตือนกันทีหลัง ตอนนี้เขาต้องการคนที่เข้าใจ เห็นใจ ร่วมรับรู้ความรู้สึกของเขาก่อน
- เห็นภาพของการให้คำปรึกษาเด็กที่ถูกล่อลวง เห็นถึงการพิทักษ์สิทธิ์ กระบวนการ การใช้คำพูด แล้วสุดท้ายคือการส่งต่อประคับประคอง
- และเป็นสัจธรรมนะ ว่า ถึงแม้พ่อแม่จะพยายามที่จะปกป้องลูกให้ปลอดภัยมากที่สุด แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้ทุกอย่าง แค่เพียงเป็นผู้ช่วยรับ ช่วยพยุงเวลาเขาล้ม ฉุดเขาให้ขึ้นมาให้กำลังใจกัน เท่านั้น
สุดท้าย ลองกลับมาทบทวนดูว่าเราปกป้องลูกได้ดีพอหรือยัง
ความเห็น (1)
ยากครับ แต่การที่รู้เท่าทัน และรู้ไปพร้อมกัน ช่วยได้ระดับหนึ่ง