ศิษย์ ม.๕ คนหนึ่งเป็นนักมวย ซ้อมและขึ้นชกตลอด เดือนละไฟต์สองไฟต์ บางช่วงอาจทุกสัปดาห์ เทศกาลงานชุก เช่น สงกรานต์ อาจวันละหลายไฟต์ บ่ายเวทีหนึ่ง เย็นเวทีหนึ่ง ค่ำอีกเวทีหนึ่ง เรียกว่าวิ่งรอกเหมือนดารานักร้องเลย ค่าตัวหรือรายได้จากการชกแต่ละครั้งอยู่ในหลักพัน
ต่อมาศิษย์คนนี้กลับตั้งใจเรียนจนผิดสังเกต แม้จะยังไม่เต็มความสามารถเท่าที่เขาควรจะทำได้ แต่แค่นี้ครูก็ชื่นใจแล้ว ให้แสดงความคิดเห็นอะไร แกสามารถนำเพื่อนได้เลย สัปดาห์ก่อนทดสอบการทำงานของเซลล์ประสาท ด้วยการให้เขียนอธิบายคำตอบ แกเขียนได้ดีกว่าใคร
ชั่วโมงล่าสุดที่เพิ่งผ่านพ้น ระหว่างรอให้ทุกคนแลกเปลี่ยนเรียนรู้หรือผลัดกันอธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะรับความรู้สึก จู่ๆแกก็เอ่ยปากขึ้นศิษย์ : อาจารย์เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ คาถาอาคม ฟันไม่เข้า ยิงไม่ออก?
ครู : ไม่!ศิษย์ : สรุปว่าตัวเราคือสมอง
ครู : ก็สมองสั่งทั้งนั้น
ศิษย์ : เรานึกอยากไปเที่ยว สมองเราก็นึกเรื่องเที่ยว จู่ๆทำไมอยากไป ไม่มีอะไรสั่งสมองแน่?
ครู : นึกอยากไปเที่ยวครั้งแรกที่เกิดก็จากสมอง ทำไมอยากไป ขณะบางคนไม่อยาก บางคนคิดดี บางคนคิดเลว แต่ละคนต่างกันที่ยีนและประสบการณ์ ประสบการณ์หรือการเรียนรู้จะถูกบันทึกไว้ ก็ในสมองอีกนั่นแหละ ส่วนยีนรับมาจากพ่อแม่ ยีนและประสบการณ์จึงเป็นพื้นฐาน ทำให้แต่ละคนคิดหรือรู้สึกต่างกัน อย่างไรเสียส่วนที่สั่งให้เป็นไปหรือคิดทำอะไรก็คือสมอง
...ช่างคิด....ช่างสงสัย และ....ใฝ่ที่จะเรียนรู้....เป็นนักเรียนที่ดี...เพราะมีครูดี...นี้เองนะคะนะคะ
ขอบคุณมากกับ บทความดีดี มีคุณค่า นี้ค่ะ
จากคำถามและบทสนทนาน้องเป็นคนช่างคิดนะคะ ดีใจกับอาจารย์ด้วยค่ะที่ได้น้องนักเรียนคนดีกลับมาแล้ว
อาจารย์จะแนะนำให้น้องดูวีดีโอเกี่ยวกับสมองและการดูแลสมองเพิ่มเติมไหมคะ จากบันทึกของอาจารย์วัตค่ะ
http://www.gotoknow.org/blogs/posts/498500
ขอบคุณมากค่ะ
..."เรานึกอยากไปเที่ยว สมองเราก็นึกเรื่องเที่ยว จู่ๆทำไมอยากไป ไม่มีอะไรสั่งสมองแน่?"
ชอบคำถามนี้มากเลยค่ะ อาจารย์
ลูกศิษย์คนนี้น่าจะได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งนะคะ
"เดอะท็อปซีเคร็ด 2" ของทันตแพทย์สม สุจีรา
คุณหมอเขียนเรื่องเชิงนี้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ อ่านเข้าใจง่ายค่ะ
เรื่องของสมอง เป็นบทแรกของเล่มนี้เลย
น่าปีติยินดี ที่ลูกศิษย์ช่างคิดช่างสงสัย ใฝ่เรียนรู้แบบนี้นะคะ
ขอบพระคุณมากค่ะ
ลูกศิษย์ : สรุปว่าตัวเราคือสมอง
picture from WIKI
เด็กคนนี้เจ๋งอ่ะ ชอบครับ ช่วยให้จุดประกายให้เกิดการเรียนรู้ได้ดีทีเดียว
..เปลี่ยน..ศิษย์..เป็น..ครู..บ้าง..ก็น่า..สน..นะ..หากครูไม่หวง..ก้าง..แหะๆๆ...ส่ง..มาพูด..หน้าชั้น..คุยกันกับ..เพื่อนๆ....คุณครูคงมีเรื่องเล่า..เขียน..สู่กัน..อ่านอีกเยอะเลย..อ้ะ...ยายธี
...(ลืม)...ขอต่ออีกนิด...เป็นห่วง..สุขภาพ..เด็กไทย..(มีหนังฝรั่ง..ถ่ายทำมาให้ดูถึงวิถี..ชีวิตเด็กไทย"ยากจน"..ต่อยมวยเป็นอาชีพ..เพื่อ...เป็นค่าเรียน..และ..เลี้ยงดูครอบครัว)...ไม่อยากให้เด็กคนที่ท่านพูดถึง..ต่อยมวย...เลย..เป็นห่วง..จ้ะ..ยายธี
สวัสดีค่ะ
ชื่นชมที่อาจารย์ที่ยืนหยัดในการเป็น ครูวิทยาศาสตร์
และด้วยความยืนหยัดนี้...ก็ทำให้เขาได้คิดต่อออกไปจากบริบทของ วิทยาศาสตร์ ด้วย
เห็นต่าง ... สร้างความเห็นใหม่ที่กว้างขวางค่ะ
ชอบใจบันทึกนี้มากค่ะ
ชอบมุมภาพบนหัวบันทึกของอาจารย์มากเลยครับ แล้วก็ชอบวิธีถ่ายทอดการสนทนากับลูกศิษย์ของอาจารย์มากครับ ยิ่งตรงนี้นี่ .... "..... สอนลูกศิษย์เป็นบุญกุศลอย่างที่สุดแล้ว งานครูคืองานสร้างคน อะไรจะยิ่งใหญ่กว่า ที่ครูพูดนี่พระดีก็มี แต่ที่เห็นและรับรู้ไม่ดีน่ะมีไม่น้อย......" ยิ่งประทับใจมากครับ เห็นความมีแก่นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของการทำการงานและการดำเนินชีวิต กับการปฏิบัติธรรมและการทำบุญกุศล
ประเด็นการตั้งคำถามของนักเรียนของอาจารย์นี่ เป็นประเด็นคำถามของปัญญาชนที่มักต้องตั้งคำถามอย่างนี้อยู่เสมอๆเพื่อลงไปให้ถึงแก่นพื้นฐานที่สุดนับตั้งแต่ยุคกรีกเลยละครับ เป็นชุดคำถามที่มนุษย์ต้องการเข้าใจเจตจำนงค์ของการก่อเกิดมาเป็นตัวเรา การมีอยู่ การพัฒนาการเปลี่ยนแปลงและเสื่อมสลายไป หากไม่ดูด้านที่ยังขาดประสบการณ์และยังขาดข้อมูลความรู้ที่จะให้ความกระจ่างในข้อสงสัยและความครุ่นคิด แต่ลองไปพิจารณาดูที่กระบวนการทางปัญญาและกระบวนการคิดที่อยู่ในตัวของเขา กระทั่งนำมาสู่การผุดประเด็นคำถามอย่างนี้แล้วละก็ ต้องจัดว่ากระบวนการข้างในของเด็กมีความลึกซึ้งและมีกำลังความคิดจากด้านในดีมากเลยนะครับ
วิธีสนทนา ถาม โต้ตอบ จากนั้นก็สร้างบทสรุปและหากฏเกณฑ์เพื่อทำความเข้าใจหรือคลี่ยคลายเรื่องราวต่างๆต่อไปอีกอย่างนี้นี่ ก็จะยิ่งสนับสนุนให้เห็นได้ว่ากระบวนการสร้างมโนทัศน์ขึ้นเองและกระบวนการเรียนรู้ระดับกฏเกณฑ์ของเขานั้นดีมากครับ ไม่ใช่เป็นเพียงนักคิดที่มีกำลังการคิดดีมากอย่างเดียว แต่วิธีคิดและวิธีสร้างปัญญาความรู้ของเขานั้น ใช้วิธีการรวบรวมข้อมูลอย่างรอบด้าน(ผ่านวิธีตั้งคำถามและสนทนากับอาจารย์ รวมทั้งเทียบเคียงกับชุดประสบการณ์ทั้งมวลที่ตนเองมี) จากนั้นจึงประมวลผลแล้วสร้างข้อสรุป ดำเนินเป็นวงจรอยู่อย่างนี้ไปบนการสนทนา ดังนั้น Learning Style ของเด็กคนนี้น่าจะโน้มไปในแนว Constructivism
เด็กและผู้เรียนที่มี Learning Style แบบนี้ จะไม่ชอบการสอนแบบถ่ายทอดความรู้หรือเรียนรู้แบบความรู้ความจำ รวมทั้งไม่ชอบการเรียนรู้ที่มีคำตอบแบบเบ็ดเสร็จชุดเดียว แต่ชอบหาข้อมูลและสร้างคำตอบ สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับตนเอง การสอนและแหล่งประสบการณ์ ตลอดจนทรัพยากรความรู้ต่างๆ จะถูกนำมาใช้เป็นข้อมูลและปัจจัยสนับสนุนการเข้าถึงสิ่งที่เขาต้องการ
หากพอจะมีพื้นฐานชอบการอ่าน ก็จะสามารถช่วยส่งเสริมศักยภาพการเรียนรู้ที่เป็นตัวของตัวเองนี้ได้ด้วยการแนะนำแหล่งการอ่าน จัดแหล่งศึกษาค้นคว้าที่มีความหลากหลายและให้ความรอบด้าน จัดสื่อและสภาพแวดล้อมเพื่อเพิ่มโอกาสให้ได้อยู่กับการเรียนรู้สิ่งที่จะมีความเชื่อมโยงกับสาระการเรียนรู้ที่จำเป็นในช่วงนี้ ให้ทำงานช่วยครูเพื่อได้คลุกคลีและเรียนรู้เอง หรือมอบหมายให้ได้ทำงานที่จะต้องได้มีโอกาสได้ยินได้ฟังความคิดดีๆที่มีประสบการณืและวุฒิภาวะสูงกว่าตนเอง
แบ่งปันแทนการบอกว่าชอบเรื่องราวของอาจารย์มากๆน่ะสิครับ
เข้ามาอ่านได้ต้องขอบคุณ หยั่งราก ฝากใบ นะคะ ที่แนะนำไว้ในอนุทิน เกือบจะตกสาระดีๆที่สามารถรับรู้ได้เลยว่า เด็กมีการคิดแยกแยะ ตั้งมากมาย และภูมิใจที่อาจารย์ให้เวลาคุยกับเด็ก ชื่นชมๆๆ
* อ่านแล้วคิดถึงตัวเองที่เคยเป็นทั้งผู้ตั้งคำถาม และผู้ตอบคำถามแบบนี้ค่ะ
* วิทยาศาสตร์ตอบได้ส่วนหนึ่ง..พุทธศาสน์ตอบได้ทั้งหมด..
ผมก็เคยสงสัยเหมือนกันเเต่คงเเค่วันว่างๆเเล้วคิดไปงั้นๆ ถ้าทุกอย่างเป็นอย่างวิทยศาสตร์ แล้วคนกลับชาติมาเกิดเเล้วจำอดิตชาติได้ ซึ่งมันขัดเเย้งกับวิทยาศาสตร์ ชีวิตหลังความตายก็มีเรื่องเล่าเเตกต่างกันไปตามแต่ละวัฒนธรรม เรื่องพวกนี้ก็พิสูจน์ไม่ได้ทางวิทยศาสตร์(หรืออาจจะได้เเต่เรายังไม่ทราบ) เเต่ถ้าถามนรกสวรรค์อยู่ที่ไหน ก็คงจะอย่างที่ อ. ว่าแหล่ะครับ อยู่ในใจเรา ^^