มนุษย์อ้างตนเองด้วยความหยิ่งผยองว่าเป็นสัตว์ที่ประเสริฐที่สุด ..เป็นสัตว์ที่ไม่เดรัจฉานเหมือนสัตว์อื่น
แต่น่าสังเกตว่าทำไมมนุษย์จึงเป็นสัตว์เพียงตระกูลเดียวที่ทำลายระบบนิเวศ ในขณะที่สัตว์ตระกูลอื่นต่างช่วยกันรักษาระบบนิเวศทั้งสิ้น อย่างนี้แล้วจะอ้างว่าประเสริฐสุดได้อย่างไร ??? โง่ที่สุด อุบาทว์ที่สุดเสียมากกว่ากระมัง
มนุษย์เป็นสัตว์ที่คิดแบบโง่ๆว่าตนเองเป็นศูนย์กลางโลก ดังนั้นระบบนิเวศจึงเป็นเพียง “สิ่งแวดล้อม” เท่านั้น (คือด้อยกว่าเรา)
หลักศาสนาดั้งเดิมของชาวไตโบราณที่ได้รับการดูถูกจากพวกฝรั่งว่าต่ำต้อย ..ว่า “นับถือผี” (animism) แต่ก็ช่วยรักษาระบบนิเวศมายาวนาน เช่น คนไทยโบราณจะไม่กล้าตัดไม้ใหญ่มาทำบ้าน เพราะเชื่อว่ามี “รุกขเทวดา” (ผี) คุ้มครอง จะตัดแต่ไม่เล็กๆ เท่านั้น
แต่ศาสนาฝรั่งเชื่อว่า สิ่งแวดล้อมทั้งหลายนั้นพระเจ้าประทานมาให้คนบริโภค ดังนั้นแทนที่พวกเขาจะกราบไหว้ธรรมชาติแบบ “งมงาย” เหมือนพวกเรา เขาจึงห้ำหั่นทำลายป่า ธรรมชาติ ระบบนิเวศกันจนหมดสิ้น ล่าอาณานิคมเพื่อความมั่งคั่ง ก่อตั้งระบบทุนนิยมเพื่อสะสมส่วนเกินให้คนส่วนน้อย
...... ซึ่งพวกเราก็สมาทานศีลข้อนี้กันมาหมด อย่างปราศจากความนอบน้อมเคารพยำเกรงต่อเจ้าป่าเจ้าเขาเหมือนเดิมก่อน โดยเฉพาะนับแต่พศ. ๒๔๗๕ ที่เราต่างพากันสมาทานลัทธิประชา(ถูก)ถีบไปตาย (Demo-crazy) กันแต่หัวจรดหาง
ศ.ดร. สิทธัตถะ โกตมะ ได้บรรลุธรรม มองเห็นปัญญาโลภง่าวพื้นๆพวกนี้ มานานหลายพันปีแล้ว ถึงกับบัญญัติห้ามสาวก “พรากของเขียว” ส่วนการ อึ ฉี่ ก็ห้าม “รดราดลงบนของเขียว แม่น้ำ ลำคลอง” ท่านน่าจะเป็นสัตว์ประเสริฐตัวแรกของโลก เพราะมองเห็นผลกระทบต่อระบบนิเวศยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก เพราะสัตว์พวกนั้นมันฉี่ อึ รดของเขียวกันเป็นนิสัยด้วยซ้ำ
วันนี้หลายพันปีผ่านมา มนุษย์เรา โดยเฉพาะไตเราที่สมาทานคำสอนของศ.ดร. สิทธิฯ ..น่าจะดีขึ้นกว่านั้น แต่กลับประเสริฐน้อยลงเรื่อยๆ จนน่าตกใจ จนต่ำยิ่งกว่าเดรัจฉานสัตว์ ฉลาดกันเหลือเกิน จนสร้างสรรค์ระบบเศรษฐกิจ การลงทุน เทคโนโลยีตามก้นฝรั่ง ที่จะยูเทิร์นกลับมาประหารตนเองให้วอดวายหมดสิ้นสกุลไต
โกงแล้วทำงาน คนไทยเรายอมรับได้ ส่วนฉลาดแล้วโง่นี่สิ คนไทยยังคิดไม่ค่อยออก ก็เลยอยากฉลาดแล้วโง่ตามฝรั่งมาจนวันนี้ ทั้งที่บรรพชนนั้น ยอมโง่เพื่อดำรงความฉลาดไว้ให้ยั่งยืน แต่เรากลับ “ตามไม่ทัน”
...คนถางทาง (๑๓ กันยายน ๒๕๕๕)
ตอนนี้ธรรมชาติกำลังลงโทษเรา.. เพราะเราฉลาดแล้วโง่ตามฝรั่งใช่ไหมคะ
ผมก็ว่างั้นหละครับ kunrapee กล่าวคือ สัตว์เดรัจฉานนั้นมันโง่แต่ฉลาด ส่วนมนุษย์เรานั้น เป็นสัตว์ประเสิรฐที่ฉลาดแต่โง่
สุดท้ายใครโง่ ฉลาด กว่ากัน ก็สุดแท้แต่ใครมีอำนาจในการสื่อสาร เขียนประวัติศาสตร์ (แต่สัตว์เดรัจฉานเขาเขียนได้ด้วยนะ แน่นอนกว่า ด้วยฟอสซิลไง)
นอกจากศาสนาพุทธแล้ว ศาสนาโบราณอื่นๆ ของโลกก็มีอุบายอนุรักษ์ธรรมชาติทั้งนั้น ผมเห็นด้วยว่าศาสนาใหม่ๆ เปลี่ยนแปลงกลายเป็นการเอาเปรียบธรรมชาติครับ
ศาสนาคริสต์ที่จริงแล้วก็เน้นการอยู่ร่วมกับธรรมชาติมาก แต่คนที่อ้างตัวว่านับถือศาสนาคริสต์แล้วทำลายธรรมชาตินี่ไม่ใช่ผู้นับถือที่แท้จริงครับ คงไม่ต่างกับชาวพุทธที่สมาทานศีลต่างๆ แล้วก็ทำผิดศีลทันทีที่พระคล้อยหลังครับ
ดร. ธ. ครับ คัมภีร์ Genesisซึ่งเป็นคัมภีร์แรกของ Old Testament กล่าวไว้อย่างโดดเด่นนะครับ ว่า พระเจ้าสร้างสัตว์และพืชมาให้มนุษย์ใช้ ผมเชื่อว่านี่แหละคือสิ่งสำคัญที่ทำให้ชาวคริสต์ฝรั่งโหมกำลังทำการทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างไม่บันยะบันยัง เพราะเห็นว่าพระเจ้าประทานมาให้เป็นสมบัติของมนุษย์
ผมว่ามันอยู่ที่การตีความครับ จาก Genesis 1:26-30 ถ้ามองว่าเป็นการให้ "living in harmony" ก็ได้ครับ ต่างอยู่เกื้อกูล (เป็นอาหาร) ของกันและกันใหสมดุลย์ ส่วนมนุษย์นั้นให้ "rule over" ถ้าจะแปลหมายถึงให้เป็น "ผู้ปกป้อง" สิ่งที่พระเจ้าตั้งใจสร้างก็ได้ครับ
เหมือน a king rules over his kingdom ไม่ได้หมายความว่า a king can take benefits of the kingdom without mercy ครับ
ในขณะเดียวกันทางพุทธสายเถรวาทนั้นดูเหมือนจะเป็นสายเดียวที่ห้ามพระ "พรากของเขียว" ส่วนมหายานนั้นพระเพาะปลูกพืชและเก็บเกี่ยวสร้างอาหารเองได้ ผมเคยอ่านบทวิจารณ์ว่าข้อห้ามนี้เพิ่มขึ้นภายหลังเพื่อเป็นข้ออ้างให้พระไม่ต้องทำงานครับ (นั่นคือมีโอกาสเป็นอรหันต์มากขึ้น ในขณะพระมหายานต้องวุ่นวายอยู่กับการช่วยเหลือคนอื่นอย่างพระโพธิสัตว์) เพราะเอาเข้าจริงแล้วก็ไม่ได้มี "ข้อห้ามกิน" ซึ่งหมายความว่าก็ต้องมีส่วนในการทำลายพืชผลทางอ้อมอยู่ดีครับ
เท่าที่ผมอ่านๆ มา เถรวาทนั้นถูกมองทางลบก็มากอยู่ครับ เรื่องการกินเนื้อสัตว์ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ถูกโจมตีคล้ายๆ กับเรื่องพรากของเขียวครับ
ศาสนาหนึ่งที่ผมคิดว่าเน้นการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสมดุลย์คืออิสลาม (แต่ผมก็วิจารณ์ไม่ได้มากเพราะไม่รู้จริงและศาสนาอิสลามไม่อนุญาตให้คนนอกศาสนาหรือผู้ไม่ได้ศึกษามาอย่างจริงจังวิเคราะห์ศาสนา) แต่อิสลามดูเหมือนจะเป็นศาสนาที่ถูกเข้าใจผิดมากที่สุดของโลกด้วยเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นทั่วโลกแล้วถูกติดป้ายว่าเป็นเพราะศาสนาอิสลามครับ
โดยสรุปแล้วผมคิดว่าอยู่ที่การตีความจริงๆ ข้อความและข้อห้ามในคำสอนของศาสนาต่างๆ นั้นถ้าจะตีความให้ดีก็ได้ จะตีความให้ผิดก็ได้ครับ
ผมชอบอ่าน8iy[