๑๓๕. ปลูกต้นไม้ : วาดเส้นศิลปะนามธรรม


ภาพที่ ๑ ต้นไผ่กำลังงอกและเติบโต ปลูกชำกิ่งจากตอเล็กๆ เมื่อช่วงวันพืชมงคลของปี ๒๕๕๕ ที่ผ่านมา ได้เหง้ามาจากบ้านย่า อำเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี นำมาปลูก ๕ ตอ แห้งและถูกน้ำท่วมตายไป ๔ ตอ แต่ ๑ ตอที่เหลือก็งอกงามได้ดี อีกสักพักหนึ่งก็คงจะแยกปลูกขยายไปอีกได้หลายหน่อ

เส้นตรง : เพราะมีสิ่งนี้ จึงมีและจึงเป็นสิ่งนี้  

ที่บ้านผมหญ้าขึ้นงดงามมาก สารพัดชนิดของหญ้า แรกเลยนั้น ผืนดินเดิมเป็นที่ทำนาข้าว พอนำมาใช้ทำบ้านอยู่อาศัย เว้นปลูกข้าวไปพักเดียว หญ้าและวัชรพืชมากมายหลายอย่างก็ขึ้นมาแทน ที่ร้ายหนักเข้าไปอีกก็ตรงที่มีต้นไมยราพกับเถาไม้เลื้อยเถาเล็กๆแต่หนามเยอะ คม และตำแล้วก็จะปวดแสบ ขึ้นแทรกไปตามพงหญ้า ผมต้องตัดหญ้ารอบแรกโดยใช้เวลาอย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ จากนั้น จึงตัดซ้ำอีกหลายรอบโดยเว้นช่วงรอบละเดือนสองเดือน ใช้เวลาเกือบข้ามปี

เมื่อตัดหลายรอบจึงพบว่าชนิดของหญ้าที่งอกขึ้นใหม่นั้นจะเริ่มเปลี่ยนไป ต้นไมยราพและเถาไม้เลื้อยที่มีหนามราบไปตามผืนดิน กับกอไม้ขนาดเล็ก หายไปเกือบหมด หญ้าที่งอกขึ้นชุดใหม่กลายเป็นหญ้าเล็กๆจำพวกแห้วหมู แต่ก็ขึ้นหนาแน่นมาก หากไม่ดูแล ปล่อยไว้ข้ามเดือนสักครั้งสองครั้ง ก็จะกลายเป็นงานที่หนักกว่าเดิมหลายเท่า ที่สุดก็ต้องทำเองอยู่ดี หากจะต้องทำอยู่ในสภาพเดิมอย่างนี้ ก็เห็นอนาคตตนเองเลยว่า นอกจากตัดหญ้า ดูแลต้นไม้ ทำสวน ทำนาแล้ว ก็ไม่เหลือเวลาและสมาธิไปทำอย่างอื่นเป็นแน่

ภาพที่ ๒ ทุเรียน

เมื่อคิดดังนี้แล้ว ก็เลยคิดหาวิธีสร้างระบบนิเวศให้ต้นไม้และธรรมชาติช่วยดูแลควบคุมความสมดุลกันเองให้ สูตรแรกที่จะต้องขอประเดิมสักปีหนึ่งก่อนเพราะยังไม่รู้ว่าจะได้ผลอย่างที่คิดหรือไม่ก็คือ ใช้วิธีปลูกพืชยืนต้นคลุมหญ้า ทั้งผลหมากรากไม้และไม้ให้ร่มเงา เพื่อให้โต และเมื่อแผ่กิ่งใบให้ร่มเงาคลุมดินเชื่อมต่อกันแล้ว พวกหญ้าต่างๆก็น่าจะหมดไป

วันเสาร์ที่ผ่านมาเลยขายความคิดและชวนภรรยาไปเดินเลือกซื้อต้นไม้กันที่กาดวัวได้ ๖ ต้น ทุเรียน ๑ ต้น มะยงชิด ๒ ต้น ลองกอง ๑ ต้น ละไมซึ่งคล้ายมะไฟ ๑ ต้น มะม่วงโชคอนันต์ซึ่งหอมหวานและเนื้อแน่นอีก ๑ ต้น  สมทบกับที่มีอยู่แต่เดิมในสวนและรอบๆบ้าน ทั้งลำใย ๔ ต้น กระท้อน ๑ ต้น ชมพู่ ๔ ต้น และอื่นๆ หว้า ชมพู่น้ำดอกไม้ มะม่วง ไผ่  ฝรั่ง ซึ่งถ้าหากโตเต็มที่และเต็มพื้นที่ในสองสามปีข้างหน้า ก็น่าจะเป็นดงผลไม้ย่อมๆได้เหมือนกัน

กระนั้นก็ตาม ผมก็ต้องพยายามย้ำแล้วย้ำอีกกับภรรยาอยู่เสมอว่า อย่าได้คิดปลูกต้นไม้ทำสวนเพียงเพื่อได้ชื่อว่าทำสวนหรือมีสวนไว้พักผ่อนหย่อนใจเด็ดขาด แต่ต้องปลูกต้นไม้ให้ได้มากกว่าการทำสวน เพราะเท่าที่มีชมพู่และต้นลำใยอยู่ไม่กี่ต้นนั้น เราก็ไม่มีแรงงานและทุนจ้างคนมาทำอย่างไรได้เลย นานๆครั้งเมื่อสามารถออกแรงเองห่อดอกกันแมลงวันทองวางไข่ได้ทัน ก็จะได้ชมพู่งามๆไปฝากญาติพี่น้องและคนที่เคารพนับถือ รวมทั้งอาจจะเก็บไปขาย ปีหนึ่งก็จะได้ไม่เกินพันบาท ในขณะที่ต้นทุนทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็นเป็นแสนบาท นอกนั้นก็ต้องปล่อยให้ร่วงหล่น เน่า แล้วก็เป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องเดินเก็บกวาดแทบทุก ๒-๓ วันตลอด ๒-๓ เดือนในช่วงฤดูออกผล หาไม่แล้วก็จะเน่าและเกิดน้ำตาลเรียกมดคันไฟออกมาทำรังกระจายไปทั่วบริเวณบ้าน การทำสวนสำหรับผู้ที่ไม่ได้ทำอย่างจริงจังทั้งชีวิต จึงนับว่าเป็นของเล่นราคาแพงและจะกลืนกินต้นทุนชีวิตให้เลื่อนลอยสูญเปล่าไปอย่างน่าเสียดาย  

นอกจากนี้ ก็จะทำให้ทั้งผมและภรรยา ต้องละทิ้งสิ่งที่จะได้ใช้ความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอดชีวิตการทำงาน  ให้ได้ทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมในช่วงที่ไม่ได้มีเป้าหมายชีวิตอยู่เพียงแค่มีงานทำและมีเงินเดือนใช้ หากปลูกต้นไม้และต้องการทำสวนเพื่อมุ่งได้ผลผลิต ก่อเกิดรายได้ ก็จะกลายเป็นการทำให้คนทำงานวิชาการในแนวที่กำลังทำอยู่เสียไป ๑ คน และในแนวที่ภรรยาทำอยู่ก็เสียไป ๑ คน พร้อมกับจะมีเกษตรกรที่เสียทักษะดั้งเดิมไปตั้งนานแล้วกลับมาเริ่มเป็นเกษตรกรแย่ๆ ในช่วงที่วัยใช้แรงงานได้ดีผ่านไปแล้ว เพิ่มขึ้นมาอีก ๒ คน

ภาพที่ ๓ ละไม

ดังนั้น ด้วยพื้นฐานความเป็นมาที่สั่งสมไว้กับตนเองอย่างนี้ แม้นจะปลูกต้นไม้และทำสวนก็อย่าได้คิดแบบเป็นชาวสวน ที่จำเป็นต้องมุ่งปลูกต้นไม้ปลูกข้าวเพื่อทำสวนทำนาไร่ แต่ต้องมุ่งปลูกต้นไม้เพื่อทำบ้านให้เป็นต้นทุนชีวิตสำหรับทำงาน ใช้เป็นสถานที่ทำงานเพื่อสังคมอยู่กับบ้าน ได้อยู่ใกล้ชิดกับธํรรมชาติ ได้เรียนรู้ตนเองอย่างลึกซึ้ง ได้ปัญญาจากการปฏิบัติและเข้าถึงธรรมชาติความเป็นจริงของชีวิต เพื่อเป็นทุนสำหรับทำงานด้วยการมีเครื่องมือกลั่นกรองความรู้และสามารถเลือกสรรสิ่งดีๆที่ได้ใคร่ครวญตรวจสอบไปบนการปฏิบัติจริงในชีวิตไปให้ผู้อื่น ได้ความร่มรื่น ได้อยู่กับธรรมชาติ ได้ปัญญาและความเข้าใจเกี่ยวกับชีวิตและธรรมชาติ ได้วางจุดหมายชีวิตไว้กับความสงบสุขและความงอกงามของชีวิตด้านใน เพื่อได้ใช้ความรู้ความสามารถอย่างที่มี ทำงานให้กับสังคมและผู้คน ให้มีกำลังความเป็นอิสรภาพออกจากสิ่งต่างๆ มากยิ่งๆขึ้น

ภาพที่ ๔ มะม่วงโชคอนันต์

เส้นโค้ง : ความเป็นจริงและผลที่ได้ ไม่ได้อยู่บนระนาบเดียวกันกับสิ่งที่วาดหวังเสมอไป

เรานำเอาต้นไม้มาวางพักไว้ ๒-๓ วัน เมื่อวานนี้  หลังจากนั่งเขียนงานชิ้นหนึ่งเสร็จไปส่วนหนึ่งแล้ว ผมก็คิดทำกิจกรรมเฉลิมฉลองกับตัวเองสัก ๒-๓ รายการ  คือ กวาดเก็บกองใบไผ่ ๒ กอหลังบ้านเพื่อได้พื้นที่ลานดินอันร่มรื่นที่อยู่ใต้กอไผ่คืนมาจากความรกเรื้อ ขุดหลุมปลูกต้นไม้ที่ไปหามาแล้ว ๖ ต้น และหลังจากนั้น ก็จะปิดท้ายวันด้วยการเข้าเวียง ไปดูการแสดงงานศิลปะ ที่ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งจะเป็นวันเปิด และวันเปิดนั้น รูปแบบโดยทั่วไปแล้ว ก็จะเป็นวันที่เราจะได้ใชมงานศิลปะพร้อมกับได้ฟังแนวคิดจากศิลปิน รวมทั้งจะได้รับสูจิบัตรด้วย วันอื่นๆก็ไปได้ แต่ผมอยากไปวันเปิด

หลังจากทำลานใต้กอไผ่ให้เตียนโล่งอย่างที่คิดได้แล้ว ผมก็เดินขุดหลุมและเตรียมดินปลูกต้นไม้ทั้ง ๖ ต้น เดินจนแทบขาลากเพราะไม่อยากหยุดพัก ประเดี๋ยวจะไปดูการแสดงงานศิลปะไม่ทัน กระทั่งเสร็จเอาเมื่อ ๖ โมงเย็นกว่านิดหน่อย ซึ่งเป็นเวลาเปิดการแสดงงานศิลปะไปแล้วพอดี แต่ก็ยังคิดว่าอาบน้ำสัก ๕ นาทีแล้วก็ขับรถไปกัน เมื่อไปถึงก็คงจะเป็นช่วงเวลาที่กำลังน่าพักผ่อนไปกับการเดินดูงานพอดี  

ครั้นพออาบน้ำเสร็จ ภรรยาก็ลองโทรศัพท์ถามน้องเพื่อนบ้านซึ่งได้รับการร้องขอให้ไปจัดอาหารและเครื่องดื่มอยู่ในงานแล้ว ก็ได้ทราบว่า งานได้เปิดและกำลังจะปิดแล้ว เป็นอันว่าไม่ได้ไป แต่ก็นับว่าดี เพราะได้ใช้เวลาไปกับปลูกต้นไม้ไปพอสมควรแล้ว แม้จะไม่ได้ไปชมงานศิลปะ การปลูกต้นไม้ก็ให้อารมณ์ความเป็นศิลปะอย่างหนึ่งด้วยเหมือนกัน

ภาพที่ ๕ ลองกอง

วงกลม : ผืนดินกับต้นไม้ การบรรจบ ทับซ้อน เป็นสิ่งเดียวกันของการสิ้นสุดและเริ่มต้น  

ตอนที่ปลูกต้นไม้นั้น ผมเดินดูทั่วบริเวณเพื่อให้ตำแหน่งการปลูกกระจายกลมกลืนไปกับต้นไม้ที่มีอยู่แต่เดิมและได้ทำเลเข้ากับลักษณะที่คนขายให้ข้อมูลแนะนำว่ามะยงชิดนั้นต้องขุดหลุมลึกและใส่ปุ๋ยใส่ดินจนเกือบเต็มแล้วจึงวางต้นไว้ในระดับเกือบปากหลุม จากนั้นจึงใช้ดินกองพูนขึ้นที่โคนต้น ทั้งต้องจัดให้อยู่ในที่ที่มีแดดแต่เพียงรำไร หากปลูกกลางแจ้งต้องหาวิธีช่วยบังแดดให้ ทุเรียนก็ต้องเลือกปลูกตรงที่มีแดดรำไรๆ แต่ไม่ต้องปลูกที่ระดับปากหลุม 

คนขายมีอัธยาศัยและแนะนำเรื่องต้นไม้กับวิธีปลูกให้ผมกับภรรยาฟังเป็นอย่างดี แต่ผมก็จำไม่ค่อยได้ เลยใช้วิธีเตรียมหลุมและวิธีปลูกโดยใช้หลักคิดเกี่ยวกับเมล็ดและผลไม้ ว่าการเตรียมดินและบทบาทของหลุมปลูกไม้อ่อนนั้น  เหตุผลที่ว่าเราควรจะใส่ใบไม้ ปุ๋ย ดิน และน้ำ อย่างไรจึงจะเหมาะสม ก็น่าจะเปรียบได้กับการเตรียมและการจัดการตนเองของต้นไม้ ที่กอปรกันขึ้นเป็นเมล็ดและผลไม้นั่นเอง โดยเมล็ดและผลไม้นั้น เรามักจะเห็นได้ว่าเปลือกกับเนื้อผลไม้ชั้นนอกกับเปลือกเมล็ดและใบเลี้ยงในเนื้อเมล็ด เหล่านี้นั้น ก็เหมือนกับการห่ออาหารและการเตรียมสัมภาระ ที่ต้นไม้เตรียมเดินทางให้กับต้นอ่อนอีกรุ่นหนึ่งถัดจากตนเองนั่นเอง

ภาพที่ ๖ มะยงชิด

โครงสร้างของผลไม้และเมล็ด ก็จะเห็นว่าอาหารที่จำเป็น ที่หน่ออ่อนของต้นไม้จะต้องใช้ในระยะแรกเพื่อที่จะงอกออกจากเมล็ด จะอยู่ในส่วนที่ต้องพร้อมใช้ได้เลย ดังนั้นจึงเก็บไว้ที่ชั้นใน ซึ่งก็คือกลีบเมล็ดที่จะเป็นใบเลี้ยง จากนั้น ที่เปลือกเมล็ด กว่าต้นไม้จะงอกรากและเริ่มหยั่งลงดิน เปลือกนอกก็จะยุ่ย จึงสามารถเป็นอาหารสำรอง รับช่วงหล่อเลี้ยงต้นอ่อนในลำดับต่อจากเนื้อในเมล็ด ส่วนเนื้อผลไม้และเปลือกนอกก็จะย่อยสลายดิน ทำให้ดินอุดมสมบูรณ์ รอต้นอ่อนแตกรากและเลี้ยงตนเองให้เติบโตในลำดับต่อไป เมื่อหมดชั้นที่สามนี้แล้ว รากและลำต้นก็จะแข็งแรงพอที่จะแตกรากชอนไชและย่อยแร่ธาตุจากดินให้ตนเองได้อย่างเพียงพอ

ด้วยหลักคิดเอาเอง เพื่อให้ได้ลองทำกันดูจริงๆก่อนสักครั้งดังกล่าวนี้ ผมจึงเตรียมดินในทุกหลุมเหมือนการบรรจุอาหารสำรองให้กับต้นไม้แต่ละต้นเป็นหลายชั้น เหมือนกับเมล็ดจะมีอาหารให้ต้นอ่อนอย่างน้อยก็ ๓-๔ ระยะ ชั้นในสุดก็เป็นดินที่ติดอยู่กับราก มีปุ๋ยและน้ำผสมห่อหุ้ม ชั้นที่สองก็เป็นดินซุยและปุ๋ยอินทรีย์ที่พร้อมใช้ ชั้นที่สามก็เป็นฟางและเศษใบไม้ ซึ่งไม่นานก็จะถูกย่อยและเป็นอาหารสำรองให้ต้นไม้ในระยะต่อไป จากนั้นก็เป็นกองดินยกขอบสูงเพื่อรองรับน้ำให้โคนต้นชุ่มฉ่ำ นึกดูแล้วก็สนุกและทำให้มองไปในวันข้างหน้าเพื่อรอดูว่าจะเกิดผลอย่างไรบ้าง

มองดูดินและใบไม้เปื่อยยุ่ยหลายระดับกับต้นไม้ที่กำลังเตรียมปลูกแล้ว ผมก็เหมือนกับเห็นเอกภพเป็นวงกลมที่เชื่อมกันอยู่ตรงที่ดินกับต้นไม้มาเจอกัน  ความสิ้นสุดเสื่อมสลายที่กลายสู่ดิน กับต้นไม้ ซึ่งเป็นการเกิดจากดินสู่การเริ่มต้นของชีวิต กำลังผสมผสานเป็นสิ่งเดียวกัน หากนับว่าสรรพสิ่งมีจุดสิ้นสุด ที่เห็นอยู่บนการเสื่อมสลายสู่ดิน ก็มีความก่อเกิดและจุดเริ่มต้นที่ผุดขึ้นเป็นหน่อออ่นของไม้พันธุ์ ซึ่งอีกไม่นานก็จะคืนสู่ดิน เป็นวงจรต่อเนื่องทับซ้อนอยู่บนตำแหน่งเดียวกันให้เห็นอยู่ด้วย จึงทั้งไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด และทุกจุด ต่างก็เป็นการสิ้นสุดและการเริ่มต้นไปพร้อมกัน

แม้ไม่ทันได้ไปดูการแสดงงานศิลปะ ผมก็ได้เห็นและซาบซึ้งชิ้นงานศิลปะอยู่ในกระบวนการปลูกต้นไม้ เป็นศิลปะนามธรรมของการวาดเส้นที่ไม่มีชื่อ (Untitle Abstract Drawing) เป็นสัจจภาวะที่อยู่เหนือประสบการณ์เชิงสัมผัส มองไม่เห็น และสัมผัสไม่ได้ แต่ต้องรู้สึกและสามารถตระหนักรู้ได้ด้วยจิต.

หมายเลขบันทึก: 497486เขียนเมื่อ 7 สิงหาคม 2012 13:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 กันยายน 2013 23:14 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)
  • ที่บ้านไร่ผมใช้การปลูกไผ่และต้นกล้วยคลุมดินครับอาจารย์
  • ได้กินกล้วยและหน่อไผ่โดยไม่ตัดหญ้า
  • แต่เข้าไปเหมือนเข้าป่าไผ่ครับ
  • หญ้ารก แต่ดินชุ่มฉ่ำดีนะครับ
  • http://www.gotoknow.org/blogs/posts/402767

สวัสดีครับอาจารย์ดร.ขจิตครับ

  • กำลังนึกอยู่พอดีครับ แต่ก็ลังเลว่าต้นไม้ที่เราเพิ่งจะปลูกใหม่นี่จะแย่งอาหารทันต้นไผ่กับต้นกล้วยไหม เพราะรากไผ่กับกล้วยมันเยอะมากจริงๆ พอได้ข้อชี้แนะจากอาจารย์นี่ก็มั่นใจละครับว่าทำได้ มะยงชิดนี่เขาบอกต้องบังแดดให้ครับ ไม่อย่างนั้นไม่ออกผลให้กินแน่
  • ผมได้วิธีเพาะเนื้อดิน ในแหล่งที่ดินเป็นดินทราย ร่วน โดนน้ำก็เหลงเละ มาวิธีหนึ่งครับอาจารย์ เนื่องจากไปขุดดินใต้กอไผ่ เลยสังเกตว่าดินใต้กอไผ่นั้นมีรากยึดหนาแน่นดีมากเลย เลยขุดเอาไปกองทำดินสำหรับปลูกพืชหรือทำเป็นลานเรียบต่างๆ ได้ดี ตรงดินที่ขุดออก ก็เอาดินและใบไม้จากที่อื่นไปใส่ในหลุมแทน สักระยะหนึ่งก็จะมีรากไผ่มาย่อยและยึดดินให้เหนียวแน่นดีอีก ก็ขุดออกไปใช้ได้อีก

มาเรียนรู้และช่วยเชียร์ด้วยค่ะ..มีที่ทางกว้างๆแบบนี้ ปลูกพืชผักได้อีกมากมาย

สวัสดีครับพี่ใหญ่ครับ ขอบพระคุณครับ
ตอนนี้มีผลไม้มากกว่า ๑๐ ชนิดแล้วครับ 

"ไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด และทุกจุด ต่างก็เป็นการสิ้นสุดและการเริ่มต้นไปพร้อมกัน" ขอบคุณบทเรียนดีๆ จากคนปลูกต้นไม้ผู้อดทน รอคอย มีรัก และความหวัง อยู่อย่างเปี่ยมล้น ค่ะ

ครูใหม่ :)

สวัสดีค่ะท่านอาจารย์วิรัตน์

มาชื่นชมต้นกล้าของไม้ผลนานาชนิดค่ะ จะปลูกตามท่านอาจารย์นะคะ ต้นทุเรียน มะยงชิด น่ะค่ะ ถ้าออกผลกรุณานำรูปภาพมาแบ่งปันกันด้วยนะคะ

จึงทั้งไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด และทุกจุด ต่างก็เป็นการสิ้นสุดและการเริ่มต้นไปพร้อมกัน - ชอบมากค่ะ

ขอบคุณค่ะ

...ในทุกๆ..อนู..ดิน..มันสร้าง..และแบ่งปัน..กัน..เอง...(กว่าจะเรียนรู้..หมดกะตังส์และเวลา...ถางซะเหนื่อย..อิอิ..สิบแปดปี..กับสี่สิบไร่.แถมซื้อรถไถ..มาถาง...)...เจ้าค่ะ.ไม่ถาง..กลายเป็นป่าที่งดงามตามธรรมชาติ...ยายธี

  • รู้สึกเหมือนว่าเส้นทางชีวิตกำลังเดินไปเรื่อย ๆ และเจริญรอยตามอาจารย์โดยไม่รู้ตัวค่ะ
  • เป็นความใฝ่ฝันมากค่ะที่จะมีชีวิตในท่วงทำนองนี้
  • "แม้นจะปลูกต้นไม้และทำสวนก็อย่าได้คิดแบบเป็นชาวสวน ที่จำเป็นต้องมุ่งปลูกต้นไม้ปลูกข้าวเพื่อทำสวนทำนาไร่ แต่ต้องมุ่งปลูกต้นไม้เพื่อทำบ้านให้เป็นต้นทุนชีวิตสำหรับทำงาน..."
  • ชีวิตที่อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ ชีวิตที่ได้มีโอกาสให้อาหารจิตวิญญาณ และปลูกปัญญาให้งอกงามอยู่เนือง ๆ เป็นชีวิตที่ธรรมดาเปี่ยมด้วยคุณค่าและความหมายมากค่ะ

สวัสดีครับครูใหม่ครับ
ใช่เลยละครับ เรียนรู้ไปกับการปลูกและเฝ้าดูแลต้นไม้นี่
จะได้รู้จักความอดทนและการรอคอยได้อย่างดีมากจริงๆวิธีหนึ่งเลยละครับ

สวัสดีครับยายธีครับ
สี่สิบไร่!!!! ถางไปก็แบกเต๊นท์ไปกางนอนไปเรื่อยๆ สักเดือนหนึ่งนี่จะได้ถึงครึ่งไหมละครับเนี่ย สวนแบบยายธีนี่ ต้องเป็นสวนอย่างที่เขาเรียกว่า สวนป่ารุกขเทวาพิทักษ์ อย่างนั้นเลยนะครับ คือ เจ้าของไม่ต้องดูแล ยกให้เทวดาตามต้นไม้ช่วยดูกันแลตามอัธยาศัยกันเลย

สวัสดีครับดร.ปริมครับ
สงสัยดร.ปริมจะเคยลองปลูกหรือรู้กิตติศัพท์การปลูกทุเรียนกับมะยงชิดมาก่อนแล้วกระมังครับว่าปลูกยาก ผมฟังหลายคนที่เขาเคยมีประสบการณ์ รวมทั้งฟังคนขายเขาแนะนำ ก็รู้สึกว่ายากเอาการเหมือนกัน ถ้าออกผลละก็จะถ่ายภาพมาอวดและรายงานผลสู่กันสักหน่อยนะครับ เมื่อปีที่แล้วท่านพระอธิการโชคชัย จากอำเภอพรหมพิราม พิษณุโลก ได้ส่งจากบ้านโยมพ่อแม่ของท่านไปให้ผมได้ชิม เพราะฉะนั้น หากปลูกได้สำเร็จ ก็จะต้องส่งไปอวดกันสักหน่อยละครับ

สวัสดีครับอาจารย์ศิลาครับ
ได้ค่อยๆทำเองไปเรื่อยๆนี่ก็ดีมากเหมือนกันครับ เพราะสิ่งหนึ่งที่คิดไว้ว่าหากมีโอกาสก็จะได้ทำก็คือทำค่ายเรียนรู้และกิจกรรมการเป็นนักผจญภัย สำรวจ วิจัย ในโลกใบเล็กๆให้กับเด็กๆ เลยถือโอกาสสัมผัสตามมุมต่างๆทั่วทุกพื้นที่ในบ้าน จะได้รู้ นึกภาพออกได้หมดและ ผ่านมือให้มั่นใจว่าป้องกันและขจัดความเสี่ยงต่างๆได้เป็นอย่างดีมากน้อยแค่ไหน ได้เพลิดเพลินใจและเป็นเวลาครุ่นคิดพินิจพิจารณาเรื่องราวต่างๆได้อย่างวิเศษเหมือนกันครับ

How very deep and thoughtful - just about planting!

I have a few acres in Dreamland and have started by using the land as a medium for health (exercising, safe and clean environment, ...) and wealth (farming), 20 years down the graden paths I now see very much what ยายธี sees --human intervention is for human vanity ;-) -- (and better way is to change human way to look at things). I now see more of other life-forms and life-needs. --Weeds for us can be treasures for others.--

We all have to experience the change to realize what we have learned -- what the real world is about.

Happy living!

สวัสดีครับ sr ครับ

มิติหนึ่งที่เน้นการได้กล่อมเกลาวิธีคิดและวิธีมองโลกนี่ ทำให้กระบวนการเรียนรู้และการสร้างความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงต่างๆ ไม่ได้ก้าวเดินแบบเส้นตรงและทิ้งของเก่าหาของใหม่ร่ำไปอยู่เสมออย่างเดียวนะครับ เพราะพอวิธีคิด วิธีมอง เกิดการเรียนรู้ และได้สติปัญญาอย่างใหม่หรือในอีกความหมายใหม่ โอกาสต่างๆก็อาจจะอยู่ในสิ่งใกล้ๆตัวและมีอยู่แล้วนั่นเอง  

ข้อปรารภของคุณ sr ทำให้ผมนึกถึงครั้งหนึ่งที่ได้เรียนรู้จากลูกศิษย์ชาวศรีลังกาในระหว่างที่ผมพาพวกเขาไปเดินเรียนรู้นอกห้องที่เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ที่นั่นมีศูนย์การเรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และส่วนหนึ่งมีการสาธิตการทำนาข้าวแบบโยนกล้า ซึ่งเป็นที่สนใจของชาวนาไทยและคนไทยมาก

แต่ปรากฏว่า ข้าวนาโยนแบบที่เราคิดว่าเป็นนวัตกรรมสำหรับการทำนาของชาวนาไทยนั้น เขาบอกว่ามันเป็นวิธีปรกติของชาวลังกาเลยทีเดียว แต่ขณะเดียวกัน เขาเห็นดงธูปฤาษี วัชรพืชที่ขึ้นรกเรื้อเต็มไปหมดตามข้างถนน เขาคิดว่าเป็นสวน พอทราบจากที่ผมบอกว่าเป็นที่ดินว่างเปล่าไม่ได้ใช้ประโยชน์ เลยเต็มไปด้วยต้นธูปฤาษี เขาก็กลับบอกว่า นี่(ต้นธูปฤาษี)หากเป็นบ้านเขาที่ศรีลังกา ชาวบ้านก็ได้ลงเก็บหน่อขึ้นมากินและขายกันสนุกไปเลย เป็นอย่างนั้นไป

เลยก็กลายเป็นว่า สิ่งใดจะมีประโยชน์และมีคุณค่า กระทั่งจะเปล่าประโยชน์หรือไม่อย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับสังคมวัฒนธรรมและความเห็นจากการกำหนดรู้ของมนุษย์เรามากจริงๆเลยนะครับ ในมรรคแปดที่จะเริ่มต้นที่การให้มีสัมมาทิฏฐิ จากนั้น ก็ให้ความมีใจเป็นสัมมาเป็นตัวนำในทุกข้อ เหล่านี้นี่ ก็นับว่ามีนัยสำคัญต่อการเห็นความเป็นจริงข้อนี้อยู่เหมือนกันนะครับ

อ่านแล้วทำให้รู้สึกชีวิตของเรามันช่างเล็กน้อยเพียงเศษเสี้ยวธุลีเมื่อเทียบกับสรรสิ่ง แต่ทำไมนะ เราต่างถือตัวกูของกูกันเหลือเกิน

สวัสดียามดึกค่ะอาจารย์ที่เคารพ

  • หนูละหัวเราะก๊าก "...เกษตรกรแย่ ๆ ในช่วงที่วัยใช้แรงงานได้ดีผ่านไปแล้ว เพิ่มขึ้นมาอีก ๒ คน..."
  • อาจารย์ก็ถ่อมตัวเกินไปนะคะ
  • ปลูกต้นไม้เป็นศิลปะ...ขนาดนี้
  • คุณค่าจากต้นไม้จริง ๆ ก็ได้  จากการเข้าถึงสัจธรรม...ก็ได้
  • ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีครับคุณนกขมิ้นครับ
แสดงว่าเอาเรื่องทำนองนี้มาแบ่งปันกันบ้างเป็นระยะๆ ก็เป็นวาระการชวนกันได้เจริญสติภาวนา น้อมใจใคร่ครวญตนเองอยู่เสมอๆ ได้ดีเหมือนกันนะครับ

สวัสดีครับคุณหมอธิรัมภาครับ
ก็คุณหมอลองคิดดูเถอะ ตอนนี้นะครับ ขุดดินและฟันไม้ไม่กี่ฉึกก็แทบจะกระดูกกระเดี้ยวหลุดกองไปหมดเสียแล้ว อีกไม่นาน เพียงให้นั่งตำหมากกับเคี้ยวข้าวต้มนี่ก็จัดว่าเป็นงานหนักมากละครับผมว่า จะปลูกได้ดีอย่างเดียวก็คือปลูกผมหงอกน่ะสิครับ 

อ่านบันทึกนี้ได้เข้า ใจชีวิตผ่านตัวตนของอาจารย์ มากขึ้นทุกครั้งไป @นอนหลับฝันดีนะครับอาจารย์@ ด้วยความเคารพรัก

สวัสดีครับคุณแสงแห่งความดี
วันนี้ไปเดินหาซื้อดินสำหรับปลูกต้นไม้มาอีกครับ ได้ประสบการณ์จากการพรวนดินให้ต้นไม้ แล้วก็พบว่าต้นไม้หลายต้น ปลูกมา ๒-๓ ปีแต่ก็ไม่ค่อยงอกงาม ผมเลยลองขุดโคนต้นและรื้อเอาดินเก่าออก แล้วก็ผสมดินกบัใบไม้ใส่ลงไปใหม่ ปรากฏว่าหลายต้นเริ่มมีสีสันสดใส บางต้นแตกกิ่งใบช่อใหม่ให้เห็นทันตาเลย เลยได้เรียนรู้พลังชีวิตและเห็นสัจธรรมไปกับต้นไม้หลายอย่างเลยครับ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท