คนที่ฉันอยากกอด...ตลอดชีวิต (2-123)


...คุณสมบัติของ “แม่” (ที่ปกติทั่วไป) ทุกคนสำหรับลูก ย่อมเป็นคนที่ดีที่สุด พูดเล่าอะไรถึงแม่ ทุกคนจะมีดวงตาที่ประกายเปี่ยมสุข เข้าทำนอง แม่ของใครก็ดีวิเศษที่สุดในความคิดของคนนั้นนั่นแหละ

 

      ตอนที่อ่านคำชวนเชิญให้เขียนเรื่อง “แม่” ฉันยิ้ม...พลางคิด...”สบายมาก....”

      เรื่องอะไรจะเขียนได้ง่ายและมีความสุขเท่าเขียนถึง...แม่ เป็นไม่มี

      ตั้งแต่เด็กแล้ว ครูให้เขียนเรียงความ เขียนกลอน ฉันเขียนเรื่อง “แม่” ทุกที แถมยังเขียนให้เพื่อนสนิทบางคนอีกด้วย

      โธ่...ก็เรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งที่เรารู้จักมาตั้งแต่เกิดอยู่ด้วยกันมาตลอด แบ่งปันสุขทุกข์ ปลุกปลอบใจ อภัยให้เราทุกเรื่อง เป็น ATM ที่ไม่เคยมีค่าธรรมเนียม  เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง...ในชีวิต 

และแน่ล่ะ...ทุกคนต้องมี “แม่”


       ตอนแม่จากไป...ตลอดเจ็ดวันของการบำเพ็ญกุศลทางศาสนาทั้งไทยและจีน ฉันไม่หิวข้าวหิวน้ำ รู้สึกชาๆ เศร้าอย่างเดียว
คิดไปถึงขนาดที่ว่า...ชีวิตมันช่างว่างเปล่า ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไรเพื่อใคร...

...ชีวิตเหมือนหล่นวูบลงไปในหลุมดำที่ไม่รู้ว่าก้นหลุมอยู่ตรงไหน ทุกคืนหลังงานศพแม่ ก็จะนั่งเขียนบันทึกเรื่องของแม่ เขียนๆๆๆๆๆ จนแขนล้า ตาลืมไม่ขึ้นแล้วจึงปิดไฟนอน...

       ฉันเขียนถึงแม่ เพื่อเยียวยาตัวเอง...

ฉันผ่านพ้นห้วงเวลาแห่งความทุกข์ท้นนั้นมาได้ด้วยการเขียนบันทึกถึง “แม่”


       ตอนอยู่ชั้นประถมต้น จำได้ว่าเคยเขียนเรียงความเรื่อง “แม่” ชนะเลิศของโรงเรียน

       รุ่นพี่คนหนึ่งเดินมาดูตัวถึงที่ห้อง รุ่นพี่คนนี้ออกจะเป็นสาวห้าว เธอเดินถลกแขนเสื้อส่ายอาดๆ เข้ามาในห้องตอนพักเที่ยง ถามหาชื่อฉันด้วยเสียงอันดัง...ตอนนั้นตกใจนิดหน่อย

พี่ :  ถามหน่อย คนไหนชื่อ....

ฉัน : หนูค่ะ ตอบรับแบบงงๆ มีอะไรคะ

พี่ : เธอที่ได้รางวัลเรียงความเรื่องแม่ ใช่ไหม

ฉัน : ใช่ค่ะ หนูค่ะ

พี่ : นี่จะบอกให้นะ วันหลังไม่ต้องเว่อร์มากนักนะ แม่ใคร ใครก็รัก แม่ใครก็ดีที่สุดในโลกล่ะ เธอเขียนซะแม่เธอเป็นคนดีที่สุดในโลกเลย...เสียงทั้งดุทั้งเย้ยหยัน (ไม่รู้ไปโกรธใครมา)

ฉัน : โกรธจนอึ้ง พูดไม่ออก...

พี่ : จำไว้นะ วันหลังไม่ต้องเว่อร์นะ แม่เธอดีนักหรือไง

ฉัน : แม่ฉันดีที่สุดในโลกๆๆๆๆๆๆๆๆ  ตะโกนตอบสุดเสียง จนทุกคนตกใจ เพราะไม่คิดว่าหมวยหน้าจืดๆ จ๋องๆ จะกล้าตะโกนโต้ตอบรุ่นพี่สุดซ่าประจำโรงเรียน

พี่ : ว่าไงนะ อีเด็กบ้า...ตะโกนทำไม เดี๋ยวเถอะ...

ฉัน : แม่ฉันเป็นคนดีที่สุดในโลกๆๆๆๆๆ คราวนี้เสียงยิ่งดัง เพื่อนสนิทหลายคนตกใจ บางคนดึงแขนฉันวุ่นวาย ...ได้ยินไหม...แม่ฉันดีที่สุดในโลก (โว้ยยยย) รุ่นพี่เดินตรงรี่เข้ามา เพื่อนหลายคนเข้ามากั้น เสียงดังเอะอะ...(รุ่นนั้นยังไม่มีการถ่ายคลิป หากมีคงได้ลง youtube แล้ว...ฮาๆๆๆ)

          เรื่องจบลงตรงที่อาจารย์เดินเข้ามาในห้องรุ่นพี่หายตัวไปอย่างรวดเร็ว ฉันถูกอาจารย์ลงโทษที่ส่งเสียงดังและเกือบก่อเหตุทะเลาะวิวาท โดนให้ยืนหน้าตูมอยู่หลังห้องทั้งชั่วโมงนั้น...


        

        "มิกกี้เม้าส์" ดอกไม้ที่แม่บอกว่าบ้านลูกหลานของแม่ทุกคนต้องมีต้นนี้ เพราะแม่ชอบและแม่ก็ไปปลูกให้ทุกบ้านเลย



          คิดย้อนไป...ก็เลยขำๆ แม้ทุกคนจะมีแม่ แต่ความประทับใจที่มีต่อแม่ไม่เท่ากัน บางคนไม่ได้โชคดีแบบฉัน ที่มีแม่เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง และบางคนอาจโชคร้ายถึงขั้นมีบาดแผลทางใจกับแม่ด้วยซ้ำไป...

          ฉันมารู้เรื่องของรุ่นพี่คนนั้นว่า เธอเป็นเด็กที่อยู่กับย่าและพ่อ เนื่องจากแม่เธอทิ้งเธอไปและไม่เคยติดต่อหรือมาพบเธออีกเลย... เธอจึงเกลียดทุกคนที่มีแม่มาส่งที่โรงเรียน เกลียดความรักระหว่างแม่-ลูก…


          ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดี... แต่ไม่อยากบรรยายว่าแม่ดีแม่วิเศษอย่างไร เพราะคุณสมบัติของ “แม่” (ที่ปกติทั่วไป) ทุกคนสำหรับลูก ย่อมเป็นคนที่ดีที่สุด พูดเล่าอะไรถึงแม่ ทุกคนจะมีดวงตาที่ประกายเปี่ยมสุข เข้าทำนอง แม่ของใครก็ดีวิเศษที่สุดในความคิดของคนนั้นนั่นแหละ


          เพื่อนบางคนเคยบ่นว่าเสียดายที่ไม่ได้เกิดเป็นผู้ชาย เพราะผู้ชายได้ชื่อว่าเป็นผู้สืบสกุลของครอบครัว ได้บวชให้พ่อแม่เกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์ ยิ่งครอบครัวเชื้อสายจีนแล้ว ลูกชายจะเป็น บุคคลพิเศษของบ้าน ฉันฟังไปพยักหน้าไป แต่เถลไถลคิดไปว่า...


..มีอยู่ข้อหนึ่งนะที่ผู้ชายไม่มีวันรับรู้ได้คือ ความรู้สึกของการเป็น “แม่”  อย่างน้อยการเป็นลูกผู้หญิงก็ได้เปรียบตรงนี้ไงล่ะ ...ฮาาาาา

 

หมายเหตุไว้ว่า...ชื่อบันทึกได้แรงบันดาลใจจากเพลง ผู้หญิงที่อยากกอดตลอดชีวิต-ประภาส ชลศรานนท์ ค่ะ

http://youtu.be/C95twEF7MlY

หมายเลขบันทึก: 497067เขียนเมื่อ 3 สิงหาคม 2012 16:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 สิงหาคม 2012 21:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (22)

เพื่อนบางคนเคยบ่นว่าเสียดายที่ไม่ได้เกิดเป็นผู้ชาย เพราะผู้ชายได้ชื่อว่าเป็นผู้สืบสกุลของครอบครัว ได้บวชให้พ่อแม่เกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์ ยิ่งครอบครัวเชื้อสายจีนแล้ว ลูกชายจะเป็น บุคคลพิเศษของบ้าน ฉันฟังไปพยักหน้าไป แต่เถลไถลคิดไปว่า...

..มีอยู่ข้อหนึ่งนะที่ผู้ชายไม่มีวันรับรู้ได้คือ ความรู้สึกของการเป็น “แม่” อย่างน้อยการเป็นลูกผู้หญิงก็ได้เปรียบตรงนี้ไงล่ะ ...ฮาาาาา

ชอบคำนี้จังค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ Blank เพลงปี่

ชอบเหมือนกันเลย....

ขอบคุณค่ะที่แวะมาทักทายและคอมเม้นท์ไว้  :)

  • อ่านแล้วซาบซึ้งมากค่ะ
  • พอเริ่มมีโครงการให้เขียนถึง "แม่" สำหรับวันแม่ที่ใกล้จะมาถึง คนแรกที่นึกถึงก็คือคุณหยั่งรากฝากใบ
  • "เราจะเขียนกันยังไงดีน๊า" ขออนุญาตใช้คำว่า "เรา" เพราะเราไม่มีคุณแม่แล้วเหมือนกัน
  • เมื่อมาอ่านก็รู้สึกเขียนแทนแทบจะไม่ทราบแล้วว่าจะเขียนอะไร คำว่าเขียนแทนคงไม่ได้หมายถึงแทนรายละเอียดเนื้อหา แต่คืออารมณ์ความรู้สึกที่มากมายมหาศาล จนไม่อาจจะเล่าออกมาได้ "แม่ฉันเป็นคนดีที่สุดในโลกๆๆๆๆๆ" ใครจะว่ายังไงก็ช่าง ...คงเป็นอารมณ์นั้นเหมือนกันค่ะ ถึงแม้จะเข้าใจพื้นฐานที่มาของเขา แต่ความเข้าใจก็ไม่ได้เปลี่ยนความรู้สึกท่วมท้นที่เรามีต่อคนที่รักมากที่สุด
  • กาลเวลาเยียวยาทุกสิ่ง เพราะสุดท้ายเราก็ทิ้งทุกสิ่งไปเช่นกัน
  • ขอบคุณมากค่ะ 

สวัสดีครับ

 

เห็นหัวข้อแบบนี้ก็นึกถึงคุณ Blank ขึ้นมาทันที

เพราะได้อ่านเกี่ยวกับแม่อยู่บ่อยๆ

และคิดไม่ผิด ;)....

แต่นึกไม่ออกว่า คุณ Blank จะเขียนแนวไหน

เพราะเรื่องน่าประทับใจคงจะมีมากเหลือเกิน

วันนี้ได้อ่านอีกเรื่องหนึ่ง

อดแปลกใจไม่ได้ ว่าคุณ Blank จะมีเรื่องเอะอะๆ กับเขาเหมือนกันแฮะ

อ่านแล้ว ช่วงแรกอมยิ้มกับวีรกรรมเล็กๆ ของคุณหยั่งรากฝากใบ...ช่วงต่อมา เริ่มคิดได้อะไรบางอย่าง จากตอนแรกก็ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรค่ะ เพราะอย่างที่คุณหยั่งรากฝากใบว่า "แม้ทุกคนจะมีแม่ แต่ความประทับใจที่มีต่อแม่ไม่เท่ากัน บางคนไม่ได้โชคดีแบบฉัน ที่มีแม่เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง" สำหรับตัวเอง ไม่โชคดี และไม่โชคร้าย เป็นแบบกลางๆ อิๆ ตอนเด็กอยู่กับพี่และพี่เลี้ยงมากกว่าค่ะ เพราะธรรมชาติงานของพ่อกับแม่ เป็นเช่นนั้นเอง :)

เคยอ่านเรื่องที่คุณหยั่งรากเขียนถึงคุณแม่ที่ท่านให้ทิปคนขับตุ๊กตุ๊กแล้วยังชื่นชมอยู่ไม่หาย วันนี้มาอ่านเรื่องดีดีเกี่ยวกับคุณแม่อีกรอบค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะคุณBlank Sila Phu-Chaya

เรื่องของแม่ หากให้เขียนบันทึกไว้ คงต้องใช้สมุดหลายเล่มค่ะ และพอจะเข้าใจความรู้สึกของคุณศิลาเช่นกัน ... จะเล่ายังไงนะ ถึงจะใช่ ถึงจะหมด ...

โดยส่วนตัวรักแม่ ไม่ใช่เพราะแม่รักเรา (ในฐานะลูกคนเล็ก) หรือรักลูกหลานอย่างชนิดไม่มีจำกัด แต่คนที่ลูกหลานของแม่รัก แม่ก็จะรักด้วย และแม้คนทั่วไป...แม่ก็รักเมตตาผู้คนอย่างไม่มีประมาณ...

สิ่งนี้ต่างหากที่ "จับใจ" ค่ะ

และชอบข้อความนี้..."กาลเวลาเยียวยาทุกสิ่ง เพราะสุดท้ายเราก็ทิ้งทุกสิ่งไปเช่นกัน..."

การที่อยู่ ๆ แม่นอนหลับไปแล้วไม่ตื่นขึ้นมา โดยที่เราไม่ได้มีโอกาสร่ำลา ดูแลท่านเลย เป็นบาดแผลที่เจ็บลึกมาก...จนถึงขนาดเคยคิดว่า...อยู่หรือตาย ก็เฉย ๆ เสียแล้วสำหรับชีวิตที่ไม่มีแม่ค่ะ และผลจากการจากไปของแม่ ทำให้หันมาสนใจศึกษาเรื่อง ชีวิตและธรรมะ ซึ่งไม่เคยสนใจ/ใส่ใจมาก่อนเลย

นี่คงเป็น "สมบัติล้ำค่า" ที่แม่ทิ้งไว้ในแน่เลย...

ขอบคุณมากเช่นกันค่ะ เรื่องที่มีข้อมูลมาก ๆ อยากเขียนมาก ๆ บางทีก็ทำให้เขียนไม่ออกเสียอย่างนั้น เลยหามุมเล็กๆ ก็ได้ค่ะ ค่อยๆบันทึกไป...แล้วจะเต็มสมบูรณ์เท่ากับที่เรารู้สึกได้เอง  ^^

สวัสดีค่ะคุณครูBlank ธ.วั ช ชั ย

เรื่องเล่าของแม่ เป็นเรื่องถนัด แม้ข้อมูลผิดก็ไม่มีใครรู้นี่คะ...ฮาาาา

โดยปกติเป็นคนโก๊ะๆ จ๋องๆ ไม่ค่อยกล้าสู้คนค่ะ ไม่ีมีปากมีเสียง เถียงใครก็ไม่ค่อยทัน เพราะตอนเด็กๆ ติดอ่างเล็กๆ เลยนั่งเงียบ นั่งคิดอยู่คนเดียวเป็นปกติ...

ความจริงตอนนั้นก็ยังเด็กมาก การตะโกนตอบโต้รุ่นพี่นั้น ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ แต่ก็ทำไปแล้ว....อิอิ

ถูกสอนมาแต่เด็กไม่ให้รังแกใคร แต่ไม่ค่อยยอมก้มหัวให้ใคร ลืมเอาเงินไปโรงเรียนก็ไม่ขอใคร ยอมอดข้าวไปเลย เรื่องสู้คนนี่ สู้ไม่ค่อยได้เพราะตัวเล็ก แต่มีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก เคยพาพวกเพื่อน ๆ ผู้ชายหลายคนไปช่วยพี่ชายซึ่งมีเรื่องกับขาใหญ่อีกโรงเรียนมาแล้ว...ฮาาาาา (วีรกรรมก็พอสมควรค่ะ)  :)

สวัสดีค่ะคุณหมอ Blank ป.

สมญานามที่เพื่อนเรียกคือ "ปูนิ่ม" น่ะค่ะ การส่งเสียงดัง ตอบโต้แบบนี้ คนใกล้ตัวจะไม่ค่อยเชื่อว่าทำได้ค่ะ

ดีใจที่คุณหมอเห็นประเด็นที่ส่วนตัวจงใจซ่อนไว้... และตั้งใจคล้ายๆกันในปีนี้ว่าจะชักชวนพี่สาวคนโตซึ่งตอนนี้ทำหน้าที่คล้ายแม่ ไปเลี้ยงเด็กที่ขาดโอกาส แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าที่ไหนค่ะ

คนที่มีโอกาสและพรั่งพร้อม...หากไม่เปิดตาเปิดใจกับเรื่องราวรอบตัว เราย่อมไม่เข้าใจเลยว่า "ขาด" ทั้งความรัก ความอบอุ่น เงินทอง และโอกาสนั้นเป็นอย่างไร  :)

สวัสดีค่ะคุณBlank ...ปริม pirimarj...

ขอบคุณที่แวะมาทักทายและให้กำลังใจเสมอค่ะ

เรื่องของแม่ เป็นนิยายเรื่องยาว เขียนไม่มีวันจบเลยค่ะ :)

เรื่องอะไรจะเขียนได้ง่ายและมีความสุขเท่าเขียนถึงแม่ (เห็นด้วยที่สุดเลยค่ะ)

ฮ่าฮ่า ชอบตรงที่ตะโกนด้วยค่ะ.. แม่ฉันเป็นคนดีที่สุดในโลกๆๆๆๆๆ

 

สวัสดีค่ะคุณ Blank kunrapee

ความตั้งใจส่วนตัวเมื่อมาเขียนบล็อกคือ การบันทึกความคิด/ความรู้สึก/ประสบการณ์ เพราะชีวิตในงานประจำต้องเขียนงานพวก "วิชาการ" มากพออยู่แล้ว

การเขียนเรื่องแม่ เ็ป็นความสุขและเครื่องจรรโลงใจที่สุดของตัวเองเลยค่ะ

เรื่องการตะโกนแบบนั้น...ก็คงทำได้ครั้งนั้นครั้งเดียวค่ะ นอกนั้นก็จ๋องเหมือนเดิม ...ฮาาาา

ขอบคุณที่แวะมาทักทายค่ะ  :)

เป็นบันทึกที่น่ารักมากค่ะ เห็นบุคลิกคนเขียนเลย สำหรับพี่โอ๋เคยมีปมกับคุณแม่คุณพ่อเหมือนกันที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีปมด้อย แต่ก็รู้ว่าเราเป็นเราทุกวันนี้เพราะท่านทั้งสองหล่อหลอมเรามา โชคดีที่ความรู้สึกน้อยใจที่มีกับท่านทำให้เรารัก"คนแก่"ทุกคนที่เราพบเจอ เวลาเห็นใครน่ารักก็จะย้อนดูไปถึงคนเลี้ยงดูซึ่งส่วนใหญ่ก็คือพ่อแม่ ได้ศึกษาว่าคนที่มีลักษณะที่เราเห็นว่าดี น่ารัก น่าชื่นชมนั้น เกือบทั้งหมดเป็นเพราะแม่พ่อที่หล่อหลอมเขามา จึงพยายามเป็น"ต้นแบบ"ที่ดีให้ลูกค่ะ คิดว่างานดีที่สุดในโลกก็คือหน้าที่"แม่"นี่แหละค่ะ อ้อ...ตอนเด็กๆไม่เคยชอบที่ตัวเองเป็นผู้หญิงเลยนะคะ รู้สึกว่าเสียเปรียบไปซะทุกอย่างเลย มาถึงวันนี้ก็ยังคิดอย่างนั้นอยู่ แต่ถ้าให้เลือกเกิดใหม่ก็ขอเป็นผู้หญิงนี่แหละค่ะ เพราะเหตุผลเดียวล้วนๆคือ เป็นผู้หญิงสามารถสร้าง "ลูก"มาได้จากตัวเราเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ชายคนไหนก็ทำไม่ได้ ...ฮา...

แม่คือคนดีที่สุดในโลกเสมอครับ อุ่นใจทุกครั้งที่คิดถึงแม่ครับ

.มีอยู่ข้อหนึ่งนะที่ผู้ชายไม่มีวันรับรู้ได้คือ ความรู้สึกของการเป็น “แม่” อย่างน้อยการเป็นลูกผู้หญิงก็ได้เปรียบตรงนี้ไงล่ะ ...ฮาาาาา

อีกอย่างที่ผู้ชายไม่มีวันรู้สึกถึงความเจ็บปวดคือการคลอด

ขอบคุณที่ช่วยกันบอกแง่งามของแม่แต่ละคน

หักมุมมากค่ะ

ไม่นึกว่าจะมีตะโกนด้วย

เห็นด้วย.....แม่ใคร ก็รักมากที่สุดในโลก ดีที่สุดในโลก .... ตอนเด็ก

แม้โต .... ก็เก็บมุมนั้นไว้ในใจเสมอ

แต่ตัวเองทำตามแบบแม่ไม่ได้ถึงครึ่งเลยค่ะ

สวัสดีค่ะพี่ Blank โอ๋-อโณ

ขอบคุณข้อคิดที่นำมาแบ่งปันนะคะ

น้องคิดเองว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราในวัยเด็ก... เราควรเรียนรู้และปรับปรุงพัฒนาขึ้นจากจุดนั้น เช่นที่พี่โอ๋พยายามเรียนรู้และเป็นต้นแบบที่ดีให้กับลูกๆ...

ครอบครัวน้องอาจต่างจากคนจีนทั่วไปเล็กน้อย เพราะแม้เตี่ยจะรักลูกชายหลานชายกว่าลูกสาวหลานสาว แต่ แม่ ... รักทั้งลูกหลานทุกเพศวัยเท่ากัน แม่เก่งที่ทำให้ลูกๆหลานๆรู้สึกว่าตัวเองเป็นที่รักของแม่/อาม่าเสมอเลยค่ะ  :)

 

สวัสดีค่ะคุณBlank พ่อน้องซอมพอ

เห็นด้วยที่สุดค่ะ แม่จึงเป็นคนที่เรา...อยากกอดไว้ตลอดชีวิต  :)

สวัสดีค่ะท่าน Blank วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei--

ในความเป็นจริงแล้ว ความรักที่มีกับเตี่ยและแม่ สำหรับตัวเองมีมากพอๆ กัน แต่สนิทและคลุกคลีกับแม่มากกว่า ประกอบกับเตี่ยจากไปเมื่อตัวเองยังเด็กมาก คิดภาพท่านไม่ค่อยออกนอกจากฟังจากพี่ ๆ และแม่ค่ะ 

ขอบคุณที่กรุณามาอ่านและรับรู้แง่งามที่รู้สึกกับแม่ค่ะ  :)

สวัสดีค่ะคุณหมอ Blank ทพญ.ธิรัมภา

ติดภาพของคนเรียบร้อย เซื่องๆจ๋องๆ แต่ความจริงแก่นกะโหลกแบบเนียนๆมากกว่าค่ะ

ไม่ค่อยตะโกนทะเลาะเสียงดังอะไรกับใคร แต่ชอบคิดชอบเถียงหาเหตุหาผลอยู่คนเดียวค่ะ พอตะโกนเสียงดัง คนก็เลยงงๆกับพฤติกรรม...ฮาาา

เราทุกคนล้วนมี "แม่" เป็นต้นแบบนะคะ ถึงแม่เราจะเชยจะไม่มีความรู้อย่างไร แม่ก็คือ "นางฟ้า" สำหรับเราเสมอ

ขอบคุณค่ะ  :)

ไม่เคยเสียใจที่เกิดเป็นหญิง

เพราะแม่ทำให้เห็นว่า..เกิดเป็นหญิง

ก็แกร่ง เก่งและยืนด้วยลำแข้งตนเองได้

ถึงแม้ไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องการใช้ชีวิตคู่

แต่ก็เลี้ยงดูให้เราเป็นคนดี ประสบความสำเร็จได้

จนทุกวันนี้คะ "รักแม่"

สวัสดีค่ะคุณ Blank EGA

ชอบภาพที่นำมาฝากนี้มากค่ะ

ตอนเด็กๆ พอรู้ความแล้ว มีแต่พี่ชาย ไม่มีเพื่อนเล่น ต้องเป็นลูกไล่ของพี่ชายที่พาน้องไปเล่นด้วย ก็เคยรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เกิดเป็นผู้ชาย แต่โตขึ้นอีกนิดก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะแม่นี่ล่ะค่ะ

ขอบคุณที่มาแบ่งปันความรู้สึกดี ๆ ค่ะ จากตัวหนังสือเห็น "ความแกร่ง" จริงๆด้วยสิคะ 

ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ :)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท