nobita
นาย ชัยพร รัตนดิลก ณ ภูเก็ต

นักเรียน ป. 6 กับ lady gaga


สังคมปัจจุบัน การที่จะมีชีวิตอยู่ให้ได้ ต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิตให้จงหนัก อย่าทุกข์ อย่าท้อ อย่าหลงระเริง และต้องระมัดระวังตัวและใจ มีสติ แล้วทุกอย่างจะเป็นไปตามธรรมชาติครับ

บันทึกนี้  คราแรกตั้งใจจะเป็นการให้ข้อคิดเห็นในบันทึก "การตายของนักเรียนกับกับการมาของ Lady Ga Ga " ของ ดร.สมศรี..  แต่เนื่องด้วยคิดน่าจะเป็นข้อคิดเห็นที่ยาว จึงนำมาบันทึกไว้ในเองแล้วส่งผ่านไปน่าจะดีกว่า....

       ผมอ่านข่าวเด็กนักเรียน ป.6 ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ฆ่าตัวตาย ด้วยสาเหตุเพราะครอบครัวไม่สามารถหาเงินสำหรับค่าเล่าเรียน และรู้สึกอายต่อครู และเพื่อน ๆ ไม่สามารถทนต่อสภาพแบบนั้นได้... (ข่าว)

        ข่าวนี้ ทำให้ผมมีความรู้สึกย้อนไปสมัยเมื่อเป็นเด็กของผม... โดยพื้นเพแล้ว ชีวิตของผม พี่น้อง 2 คน พ่อเป็นชาวประมง หาเงินครึ่งเดือน หรือหนึ่งเดือน กิน สามถึงห้าวัน (หมด)  แม่อาชีพรับจ้างทั่วไป จะก่อสร้าง หรืออะไรก็ได้ที่ทำแล้วได้เงิน ไม่เกี่ยงราคา หาเช้้า กินเย็น จ่ายหนี้วันรุ่งขึ้น (เงินกู้รายวันดอกเบี้ยร้อยละยี่สิบ)... นี่คือสิ่งที่ผมรับรู้มาตั้งแต่จำความได้

        ผมเรียนโรงเรียนวัด ได้เงินไปโรงเรียนบ้าง ไม่ได้บ้าง หรือได้ไปนิดหน่อยก็ยังค่อย ๆ เก็บไว้กลับมาคืนพ่อแม่เสมอ ... หรือมีโอกาสทำงานแลกเงินได้บ้างก็ต้องให้พ่อแม่เก็บไว้หมดเลย เพราะรายจ่ายที่บ้านย่อมสำคัญกว่าสิ่งที่ตัวเองอยากได้ (ของเล่น)

        ยิ่งโต ยิ่งเรียนสูง ค่าใช้จ่ายก็ตามตัว จำได้ว่าแม่เคยพาผมบากหน้าไปหยิบยืมเงินให้ผม จำได้ว่าแม่เคยโดนเจ้าหนี้เดินตามทวงหนี้ถึงบ้านในขณะที่นอนป่วย จำได้ว่าพ่อกับแม่เคยหลบหน้าเจ้าหนี้และอดกินบางมื้อไปนั่งอยู่ริมทะเลเป็นค่อนคืนค่อนวัน...

        คนจนนี่ครับ จนแบบไม่มีอะไรเลย ณ วันนี้ใครถามว่าเป็นคนที่ไหน บอกได้เต็มปากว่า คนสงขลา แต่มาอยู่ เมืองนนท์กันหมดแล้ว เขาก็ถามต่อว่า แล้วบ้านที่สงขลาล่ะใครอยู่ ตอบได้เต็มปากเหมือนกันว่า ผมไม่เคยมีบ้านของตัวเอง  อาจจะเป็นความเจ็บช้ำ แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปิดบังใคร...  คนจน.. เวลาไปหาหยิบยืมใครเพื่อมาลงทุน หรือเพื่อให้ลูกเรียน หรือทำสิ่งดี ๆ แล้วให้คำมั่นสัญญาว่าจะคืน เจ้าหนี้ ... ส่วนมากจะไม่ค่อยเชื่อใจและให้ยืมกันง่าย ๆ (อย่าว่าอื่นใกลเลย แม้แต่ญาติพี่น้องก็ยังไม่ให้ จริง ๆ )...

        ผมจึงเข้าใจว่า ในสถานการณ์ ที่เด็กนักเรียนผู้เสียชีวิตคนนี้ต้องเจอนั้น มันช่างเป็นเวลาที่โหดร้ายต่อจิตใจมากเพียงใด... ครอบครัวนี้เขาจะทุกข์ใจเพียงใดที่จะต้องทำให้ลูกต้องทุกข์กับความขัดสน...

       แต่สำคัญอื่นใด  สิ่งที่น้องสาวคนนี้ขาดไป คือ ภูมิคุ้มกันในชีวิต ที่จะต้องต่อสู้กับทุกปัญหาให้ผ่านพ้นไปให้ได้  สำหรับผม  ทุกเหตุการณ์ เสมือนหนึ่งว่าความเจ็บปวด ความช้ำใจ ความเสียใจ ความผิดหวัง  เป็นสิ่งที่จะค่อยกระตุ้นให้ผมมี ภูมิคุ้มกันของชีวิต ให้สามารถคิด ยอมรับ แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้ผ่านพ้นไปให้ได้ ...

       จนถึงวันนี้ ... หากหันกลับไปมองชีวิตที่ผ่านมา ภูมิคุ้มกันในชีวิต ได้ทำให้ผมผ่านพ้นทุก ๆ ปัญหามาได้ด้วยสติ สามารถทำให้พ่อ แม่ มีความสุขได้ตามอัตภาพที่เหมาะสม เป็นครอบครัวที่ไม่มีมากมาย แต่ก็ไม่ขาดในความต้องการพื้นฐาน  อาจผิดหวังในสิ่งที่ฝันที่อยากได้บ้าง แต่ไม่ทุกข์มากมายก่ายกอง...

        คนหลายคน แค่ต้องการในสิ่งที่เป็นพื้นฐานของชีวิต ได้กิน ได้เรียน ก็ดีที่สุดแล้ว แต่หลายคน นอกเหนือจากสิ่งเหล่านี้ ยังคงได้โอกาสที่ดี เช่น ได้ดูคอนเสิร์ตใหญ่โต ราคาบัตรสูงลิบ  ผมว่าคงจะไม่แปลก หาเป็นทรัพย์ที่เป็นความชอบธรรมของแต่ละคน จากบันทึกของ ดร.สมศรี  ทำให้รู้สึกว่า สังคมไทยในทุกวันนี้ มีความแตกต่างกันอย่าง ยอดเขาสูงและเหวลึก  คนอยู่ในเหวพยายามแล้วพยายามอีกที่จะปีนขึ้นมาสู่พื้นราบ  น้อยคนที่จะถึงพื้นราบ หลายคนก็จมจ่อมอยู่ในหุบเหวจนจบชีวิต  สำหรับคนที่อยู่บนยอดเขาสูงก็คงไม่คิดว่าจะต้องไต่ลงมา หรือก้มลงมอง...

        ก็แค่นี้แหละชีวิตครับ... จะอย่างไรก็แล้วแต่ สังคมปัจจุบัน การที่จะมีชีวิตอยู่ให้ได้ ต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิตให้จงหนัก  อย่าทุกข์ อย่าท้อ อย่าหลงระเริง และต้องระมัดระวังตัวและใจ มีสติ แล้วทุกอย่างจะเป็นไปตามธรรมชาติครับ

หมายเลขบันทึก: 489160เขียนเมื่อ 26 พฤษภาคม 2012 07:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 10:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)

ผู้ใหญ่บางคนสร้างบล็อกสำเร็จรูปให้เด็กเดิน เด็กก็เดินตามปล็อกสำเร็จรูปนั้น ๆ เพราะเค้าบอกว่ามันดีที่สุดสำหรับเขา และเพียงเพราะผู้ใหญ่บางคนเห็นว่าตนเองเคยลำบากมาก่อน ทุกข์มาก่อนไม่อยากให้เด็กลำบาก ไม่อยากให้เด็กต้องเผชิญกับภาวะแบบนั้นดังนั้นทุกอย่างจึงเป็นสูตรสำเร็จหมด ฝันของเด็ก ๆ พังทลายได้ง่ายถ้าทุกอย่างที่อยู่ในบล็อกไม่ตอบสนองความต้องการของเขา ลองย้อนกลับไปดูอดีต...ถ้าบางคนไม่ได้เรียนก็ดิ้นรนทำงานหาเงินเก็บเพื่อวันหนึ่งจะได้กลับมาเรียน ธรรมชาติจะได้สอนความอดทน อดกลั้นให้เด็ก มีภูมิคุ้มกันที่ดีให้เด็ก ทบทวนใหม่ยังไม่สายนะผู้ใหญ่บางคน......

เป็นบันทึกที่ดีมากๆ ครับ ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้คนไทยที่ไปดูการแสดงของ Lady Gaga ทุกคนต้องอ่านบันทึกนี้ก่อนเข้าไปดูครับ

ขอบคุณครับ...เป็นบันทึกที่ลงตัวและทุกคนน่าจะได้อ่าน...คนเราเกิดมาเท่ากันแต่ไม่เท่าเทียมกัน....แต่สิ่งหนึ่งเท่ากัน คือ คุณค่าของความเป็นมนุษย์...และเข้าใจความเป็นมนุษย์ครับ...อยากให้ lady gaga มาอ่านบันทึกนี้ด้วยอีกครับ

ทันสมัย ทันเหตุการณ์ สิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ และเสรีภาพ อาจจะมีคำว่าบนพื้นฐานไทย ห้อยมาด้วย คิดถึง คนที่เป็นเจ้าของสัดส่วนในสังคม แต่ละแห่ง แต่ละคน แต่ละที่ แต่ละเวลา accountability ใส่ใจ กับลมหายใจ เข้าออก ของตนและของใครสักคน หลายคน ที่ไม่ห่างไกลจนเกินไปนัก choices โอกาสที่จะทำ ของตน และ ของใครสักคน หลายคน ที่ไม่ห่างไกลจนเกินไปนัก การทำความจริงเลยทันทีให้ปรากฎ เพลงพวงมาลัย พ่อพวงมาลัย แม่พวงมาลัย ิbad romance -Lady Gaga เสรีนิยม นายทุน เจ้าของประเทศและปัญหาการบริโภค

ขอบพระคุณทุกความคิดเห็นครับ

คนไปดูคอนเสิร์ตเลดี้กาก้า

เห็นด้วยทั้งหมดยกเว้นสะดุดแค่ข้อความที่ว่า สังคมไทยในทุกวันนี้ มีความแตกต่างกันอย่าง ยอดเขาสูงและเหวลึก คนอยู่ในเหวพยายามแล้วพยายามอีกที่จะปีนขึ้นมาสู่พื้นราบ น้อยคนที่จะถึงพื้นราบ หลายคนก็จมจ่อมอยู่ในหุบเหวจนจบชีวิต สำหรับคนที่อยู่บนยอดเขาสูงก็คงไม่คิดว่าจะต้องไต่ลงมา หรือก้มลงมอง...

เพราะถ้าอิงตามข้อมูลจริงๆ สังคมไทยทุกวันนี้ยังเป็นสังคมแห่งการช่วยเหลือครับ แต่เป็นการช่วยเหลือที่มาในรูปแบบของการบริจาค ลองไปหาข้อมูลไม่ว่าจะเป็นการบริจาคน้ำท่วม บริจาคภัยซึนามิ หรืออะไรก็ตาม แต่ัสังคมไทยยังไม่เข้าใจการช่วยเหลือที่ยั่งยืน คือ เลิกให้ปลา แต่สอนให้เค้าจับปลา

มิฉะนั้นปัญหาความชันทางสังคมก็จะหมดไปครับ สังคมไทยเป็นสังคมที่เคยชินกับการรอคอยการช่วยเหลือ อันสะท้อนมาได้จากนโยบายของรัฐบาล ทำยังไงได้เมื่อเราเลือกที่จะเดินมาในสายของประชานิยมทั้งๆที่ประชากรไทยของเรายังไม่เข้าใจและไม่เข้มแข็ง

แต่ก็ไม่เข้าใจในบางคอมเม้นต์ที่ว่า คนไปดูคอนเสิร์ตควรมาอ่านหรือเลดี้กาก้าควรมาอ่านครับ ว่าต้องการจะสื่ออะไร เพราะผมมองว่ามันคงค่อนข้างที่จะใจแคบกับการตัดสินใครบางคนเพียงเพราะว่าเค้าไปดูคอนเสิร์ตครับ :)

ผมต้องการสื่อสารว่าคนที่ไปดูการแสดงควรอ่านบันทึกนี้ก่อน แล้วตัดสินใจว่าตัวเองควรจะเอาเงิน 5,000 บาท (ผมไม่ได้ตามข่าวละเอียดเพราะไม่ได้สนใจนักร้องคนนี้มากนัก ดูเหมือนบัตรจะราคานี้ใช่ไหมครับ?) นั้นควรไปใช้ประโยชน์ทำอะไร ระหว่างไปจ่ายให้ต่างชาติกับความสนุกชั่วครั้งชั่วคราวไม่กี่ชั่วโมง กับเอาเงินนั้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองและเพื่อนร่วมชาติ

และผมเห็นด้วยว่าการสอนให้จับปลานั้นดีกว่าให้ปลากิน 5,000 บาทนั้นสอนคนให้จับปลาได้เยอะเลยครับ

คุณ "คนไปดูคอนเสิร์ตเลดี้กาก้า" ช่วยเล่าประสบการณ์ที่คุณช่วยเหลือคนอื่นโดยการ "สอนให้จับปลา" หน่อยได้ไหมครับ ผมเชื่อว่าถ้าคุณเขียนความเห็นเช่นนี้ คุณย่อมจะมีประสบการณ์ที่ภาคภูมิใจในการช่วยเหลือคนอื่นแน่นอน ลองแบ่งปันดูนะครับ

คนไปดูคอนเสิร์ตเลดี้กาก้า

ทุกวันนี้ก็เป็นทันตแพทย์ทำงานใน รพ ชุมชนครับ มีความสุขกับการได้ให้บริการประชาชน ทุกวันนี้ก็ทำโครงการส่งเสริมสุขภาพต่างๆ ภายใต้กองทุนทันตกรรม หลักๆที่สำคัญที่ผ่านมาก็คือการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุแบบบูรณาการครับ ปัญหาในท้องที่ชนบทส่วนใหญ่คือฟันผุในเด็กเล็ก ซึ่งฟันผุในเด็กเล็กนั้นมีความละเอียดซับซ้อน ไม่เหมือนกับในผู้ใหญ่ซึ่งสามารถดูแลตนเองได้ โดยเฉพาะปัญหาการที่พ่อแม่ไม่ได้อยู่กับลูก ปล่อยให้ลูกอยู่กับตายายหรือคนดูแลอื่นๆ ทำให้การสำรวจพบว่าเด็กมีฟันน้ำนมผุแทบจะ 100% ซึ่งกลุ่มชมรมผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพและความสุขของผู้สูงอายุก็คือการรู้สึกว่าตัวเองนั้นมีคุณค่าในชีวิต เราจึงผลักดันให้ผู้สูงอายุนั้นมีบทบาทเป็นแกนนำหลักในการดูแลช่องปากของเด็ก เริ่มตั้งแต่การดูแลบุตรหลานตัวเองที่บ้าน จนเข้าสู่ศูนย์เด็กเล็ก เข้าสู่โรงเรียน และกระจายไปสู่ชุมชนรอบข้าง จนเป็นเครือข่ายของจังหวัด ตอนนี้อัตราฟันผุในดด็ก 3 ปีลดลง รวามเครียดของผู้สูงอายุลดลง อัตราการรับบริการของผู้ป่วยลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพียงแค่การปรับกระบวนการจากเดิมที่ทำกันในรูปดบบการให้ปลาไม่ว่าจะเป็นการออกไปเึลือบฟลุออไรด์ ออกหน่วยเคลื่อนที่ ปรับมาเป็นการมีส่วนร่วมของชุมชนและทำให้ชุมชนดูแลตัวเองได้เพื่อชุมชน

สมัยเป็นนักศึกษาผมก็เป็นประธานชมรมเพื่อนผู้พิการในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ก็ได้ทำกิจกรรมเกี่ยวกับผู้พิการ ซึ่งคงไม่ใช่การลงไปให้ความช่วยเหลือ เพราะปัญหาความพิการมันไม่ได้อยู่ที่คนพิการมีความพิการ แต่มันอยู่ที่ทัศนคติของสังคมที่มีต่อความพิการ กิจกรรมจึงเน้นการเรียนรู้ระหว่างนักศึกษาและผู้พิการ จนเราได้นักศึกษาจำนวนหนึ่ง เราจึงพยายามสร้างความเท่าเทียมทางการศึกษาโดยการเดินสายติวน้องตามโรงเรียนไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนโสติ โรงเรียนสอนคนตาบอด โรงเรียนศรีสังวาลย์ เพราะเรา็งเห็นถึงความสำคัญของการศึกษาว่าเป็นสิ่งที่เค้าสามารถใช้เพื่อพัฒนาตัวเอง และผลักดันให้ทางมหาวิทยาลัย เปิดโควต้าสำหรับผู้พิการจนสำเร็จ. จนเป็นที่มาของส่วนหนึ่งของรายการคนค้นคน ทุกวันนี้เราสร้างภาคีเครือข่ายนักศึกษาและผู้พิการจนขยายไปยังมหาวิทยาลัยรอบข้างและเมื่อจบมาทำงานก็ยังคงมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำงานเหล่านี้

เยี่ยมมากครับคุณหมอ ที่จริงแล้วคุณหมอไม่จำเป็นต้องใช้นามแฝงในการเล่าเรื่องนี้ที่น่าภูมิใจนี้เลยนี่ครับ ที่จริงแล้วในเว็บนี้ส่งเสริมการเล่าเรื่องเช่นนี้เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนอื่นๆ ครับ เป็นความหมายที่แท้จริงของ "การจัดการความรู้ของคนภาครัฐและสังคม" ครับ

แล้วตกลงค่าบัตรราคา 5,000 บาทจริงไหมครับ

ส่วนสาเหตุที่ไปดูคอนเสิร์ตเลดี้กาก้า ถ้าคุณเคยติดตามหรือหาข้อมูลเกี่ยวกับเธอดีพอ คุณจะรู้ว่าเธอไม่ได้เป็นเพียงแค่นักร้องหรือศิลปิน ลองไปหาคำว่ามูลนิธิ born this way ว่ามูลนิธินี้ทำให้เกิดอะไรขึ้นที่อเมริกาบ้าง นอกจากการเป็นนักร้องเธอได้เน้นย้ำเสมอถึงความภูมิใจใน สิ่งที่ตัวเองเป็น ผ่านทางบทเพลงและกิจกรรมต่างๆที่เธอทำ การไปดูคอนเสิร์ตมันมีอะไรมากกว่า ความสนุกเพียงข่วยครั้งชั่วคราว นะครับโปรดเปิดใจให้กว้าง และที่สำคัญ อย่างที่เน้นย้ำในกระทู้ที่แล้วไปว่า ความสุขกับความพอดีของคนแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ตราบใดที่ผมไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร เพื่อเอาเงินมาดูคอนเสิร์ตผมก็ไม่คิดว่าสิ่งที่ทำไปนั้นมันผิดหรือไม่เหมาะสม บัตรคอนเสิร์ตก็มีตั้งแต่ราคา เจ็ดพันยันหนึ่งพันห้าร้อยบาท และคนที่ไปดูคอนเสิร์ตก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะไม่ไปทำอะไรเพื่อสังคมครับ ตัวเลดี้กาก้าก็ได้บริจาคเงินช่วยเหลือน้ำท่วม ในประเทศไทย และตั้งมูลนิธิ pray for japan เมื่อครั้งซึนามิถล่มญี่ปุ่น นั่นคือสิ่งที่ทำให้แฟนคลับประทับใจในตัวนักร้องคนนี้

ผมว่าเปิดใจให้กว้าง ปรับทัศนคติซะใหม่ อย่าเพิ่งตัดสินผู้อื่นหากเราไม่รู้ สังคมไทยจะน่าอยู่กว่านี้อีกมากครับ

ถ้าอย่างนั้นผมขอความรู้ต่อนะครับ

Lady Gaga บริจาคเงินรายได้กี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้เธอครับ แล้วเธอใช้เงินบริจาคเหล่านั้นเพื่อเป็นส่วนลดหักหย่อนภาษีของเธอบ้างหรือไม่ครับ (ภาษีธุรกิจบันเทิงสูงมากในอเมริกา)

เท่าที่ผมทราบดาราอเมริกันเกือบทุกคนมีมูลนิธิของตัวเองครับ โดยส่วนใหญ่บริษัทต้นสังกัดหรือเอเจนซีจะจัดการให้ครับ เป็นส่วนหนึ่งของการประชาสัมพันธ์ครับ คุณหมอคิดว่ามูลนิธิของ Lady Gaga จัดตั้งอย่างไรครับ เพราะโดเมน bornthiswayfoundation.org นั้นเจ้าของคือบริษัท "Domains By Proxy, LLC" (ฮา)

ที่จริงแล้วผมก็พอทราบข่าวการตั้งมูลนิธิของเธอเหมือนกัน ก็เป็นข่าวใหญ่ มีการจัด press releases อย่างเป็น "มืออาชีพ" มากครับ

คุณหมอเองซื้อบัตรราคาเท่าไหร่ครับ แล้วคุณหมอพอทราบไหมว่า Lady Gaga ได้บริจาคอะไรบ้างจากรายได้ในการแสดงครั้งนี้ให้แก่ประเทศไทยครับ

บันทึกนี้ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนมุมมองดีนะคะ พี่โอ๋เห็นด้วยกับน้องBlankที่ว่าเราต้องช่วยกันเสริมภูมิคุ้มกันให้เด็กๆใกล้ตัวเรา ให้รู้คิดว่าจะหาทางออกในเรื่องต่างๆอย่างไร เพราะทุกอย่างอยู่ที่วิธีคิดเท่านั้นเอง พี่โอ๋เองก็เคยรู้สึกอยากให้คนที่เอาเงินไปซื้อกระเป๋าใบละแสน เอาเงินนี้ไปบริจาคให้เด็กที่ต้องการค่าเรียนเพียงไม่กี่พัน ได้ตั้งหลายสิบคน แต่คิดอีกที เราไม่ใช่เขา เราไม่มีสิทธิไปตัดสินใคร เพราะฉะนั้น การที่เราจะไปเปรียบเทียบกับคนเสียเงินไปดูคอนเสิร์ตเลดี้กาก้าก็คงไม่แตกต่างกัน ทุกคนมีสิทธิที่จะตัดสินใจในการใช้เงินของเขาเอง เราแต่ละคนก็คงเคยใช้เงินเพื่อความสุขชั่วครั้งคราวที่อาจดูไม่สมเหตุสมผลสำหรับคนอื่นอยู่แล้ว 

เพียงแต่ช่วยกันเผยแพร่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือให้ได้รับความช่วยเหลือในรูปแบบที่ถูกต้อง (ช่วยให้จับปลาเป็น ไม่ใช่ให้แต่ปลา) ก็น่าจะเป็นบทบาทที่เราทุกคนทำได้ ให้ข้อมูลที่รู้ ช่วยในส่วนที่เราทำได้ น่าจะดีกว่าการไปตัดสินใครว่าน่าหรือไม่น่าทำอะไรนะคะ 

พี่โอ๋ครับ ผมมองเพิ่มเติมอีกมุมหนึ่งนะครับ คือเราไม่สามารถไปบังคับหรือคิดแทนเขาได้อยู่แล้ว แต่เราสามารถใช้สิทธิ์ของเราในการแสดงความไม่ชื่นชอบเขาได้ครับ

อย่างคุณหมอคนนี้ผมขำแกมาที่พยายามแสดงว่าการไปดูการแสดงนี้ถูกต้อง ที่จริงก็เงินของแกนั่นล่ะ เขามีสิทธิ์ใช้ แต่ผมก็มีสิทธิ์ที่จะแสดงความ "ไม่ปลื้ม" คนเช่นนี้ครับ

ถ้าวันหนึ่งการไปดูการแสดงเช่นนี้เป็นเรื่องน่าอาย คุณหมอคนนี้ก็คงไม่กล้าไปดู ที่จริงแล้วเขาก็ดูกลัวๆ อยู่ในทีเหมือนกัน เพราะไม่กล้าเปิดเผยตัวเองสักเท่าไหร่นัก

(จริงๆ แล้วก็เป็นเรื่องน่าอายนั่นล่ะ เท่าที่ผมทราบชายอเมริกันที่กล้ายืดอกพูดว่าไปดูการแสดงของ Lady Gaga มานี่ต้อง "กล้า" มากจริงๆ ครับ)

เนื้อเพลง Born This Way มีอยู่ตอนหนึ่งว่า "Don't be a drag, just be a queen" แต่ดูเหมือนแฟนแพลงจะไม่ค่อยได้อ่านเนื้อเพลงเท่าไหร่ (ฮา)

"Don't be a drag, just be a queen" แสดงว่า Lady Gaga ก็คงมีดีมากกว่าแค่เป็นนักร้องที่ฮอตฮิตนะคะ ในเพลงของเธอเลยมีอะไรๆชวนให้คิด การไปอุดหนุนเธอก็คงเป็นสิ่งที่ไม่น่าตำหนิอะไร ขอภาวนาให้สักครึ่งของคนที่ไปดูได้คิด ได้อะไรออกมาคุ้มกับเงินที่ให้เธอไป แต่คิดอีกทีเมืองไทยก็ได้รับผลพลอยได้ในอีกหลายๆเรื่องจากการที่คนดังๆอย่างเธอมาเหมือนกันนะคะ ทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม 

สำหรับคุณหมอฟันที่มาออกความเห็นนี้ พี่โอ๋ชื่นชมความเห็นของเขานะคะ ดีใจด้วยที่แกออกมาให้ความเห็นโต้ตอบกับอ.Blank และอยากบอกว่าการไม่เปิดเผยตัวตนเต็มที่นี่ดูเหมือนจะเป็นเอกลักษณ์กลายๆของหมอฟันที่พี่โอ๋พบเจอนะคะ เขามักจะเป็นกลุ่มคนที่มีโลกส่วนตัวสูง ชอบทำประโยชน์ในแบบของตัวเองเงียบๆ และการได้โต้ตอบกันอย่างสุภาพ แม้จะเหน็บกันไปเหน็บกันมาแบบนี้ เป็นแบบอย่างที่ดีที่น่ามีใน GotoKnow นะคะ เรามักจะเห็นแต่ชื่นชมกันไปมาจนบางคนเขาก็หมั่นไส้นะคะ มีแบบนี้บ้าง เป็นเวที debate แบบที่ต่างคนก็ต่างให้เหตุผล คนอ่านก็ได้เลือกเอาเองว่าจะคิดยังไง ใครอยากตัดสินอะไรก็ทำไปด้วยตัวเอง เรารับหรือไม่รับก็เรื่องของเรา สนุกดีนะคะ หวังว่าคุณหมอเขาจะยังอ่านกระทู้นี้อยู่นะคะ พี่โอ๋ชอบความเห็นทั้งสองฝั่งเลยค่ะ มีส่วนที่เห็นเหมือนและไม่เหมือนในทั้งสองฝ่ายด้วย บอกไม่ได้ว่า หนักไปทางไหน ถ้าเปลี่ยนจาก Lady Gaga เป็น Jim Croce พี่โอ๋อาจจะยอมเอาเงินเก็บไปซื้อตั๋วแพงๆดูสักครั้งในชีวิตก็ได้นะคะ (โชคดีที่ลุง Jim ท่านไปสวรรค์แล้ว)

ว่ากันจริงๆ แล้ว Lady Gaga เธอก็เก่งมากทีเดียวครับ แต่ผมไม่ชอบที่เธอพยายามดึงด้านลบของกลุ่มแฟนเพลงของเธอ โดยเฉพาะกลุ่มรักร่วมเพศ ออกมาเป็นจุดขายของเธอครับ

แต่ก็นึกอีกทีก็เป็นเรื่องปกติของธุรกิจบันเทิงที่จะทำกำไรจาก "ปม" ของแฟนเพลง แต่นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่เราเห็นการทำอย่างนี้กับกลุ่มเป้าหมายนี้ครับ

เอาเข้าจริงผมอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ ผมเองก็รู้จากการตามข่าวทั่วๆ ไปครับ (ไม่ได้หมายถึงข่าวไทย ผมอ่านข่าวต่างประเทศเป็นปกติ)

ส่วน Jim Croce นั้นต่างกันเลยครับ "positive, beautiful, respective, manly, elegant" ครับ

เช้านี้ผมลองมานั่งตั้งใจฟังเพลงของ Lady Gaga อีกสักครั้ง อย่าง super bias เลยครับ คือพยายามมองหาด้านดี แต่ยังไงก็ยังสรุปเป็น adjective ได้ตัวเดียวคือ "disgusting" (ในขณะที่ Jim Croce นั้นออกมารวดเดียวตั้งหลายคำ ก็ผมชอบเหมือนกัน)

ในขณะเดียวกันเพลงของคนที่รักร่วมเพศดีๆ ก็เยอะแยะมากมาย และคนที่เป็นต้นแบบได้ดีๆ (tasteful) ก็เยอะ อาทิเช่น Ricky Martin เป็นต้นครับ ผมคลิกใน wikipedia มีรายการบุคคลเพียบเลยครับ แต่ก็ดีบ้างแย่บ้าง (คือคนที่เป็นตัวอย่างที่ดีกับ sexual orientation นั้นไม่เกี่ยวกัน) จริงๆ คนรุ่นผม (รุ่น Star Trek) นี่ George Takei ถือว่าเป็นคนที่น่าติดตามมากครับ คนพวกนี้พยายามประชาสัมพันธ์การรักเดียวใจเดียว ความซื่อสัตย์ ความสุข ความสงบ และศาสนาครับ แน่นอนว่าเป็นคนละขั้วกับ Lady Gaga ครับ

ท่าทางจะหนักนะ ดร.ธวัชชัย ไม่ยอมเลยจริงๆ คงได้ถ้วยรางวัลหลอกถ้าชนะนะ เท่าที่อ่านมานี้คุณคงคิดแต่ด้าบวกนะ ตายละคงได้ขึ้นสวรรค์ก็ตอนนี้แหละ

การโต้แย้งกันด้วยเหตุและผลเป็นเรื่องที่ดีครับ ที่จริงแล้วการที่ผมมีความเห็นที่ตรงกันข้ามกับแฟนเพลงของ Lady Gaga นี่เป็นโอกาสให้คนที่มีความเห็นแตกต่างกับผมยกเหตุผลและหลักฐานมาหักล้างครับ

ขอให้ใช้เหตุผลและหลักฐานเป็นหลักครับ อย่าใช้อารมณ์นะครับ

สำหรับความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Lady Gaga มาต่อที่บันทึกของผมได้เลยครับ ผมพึ่งเขียนเมื่อกี้นี่เองครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท