ผมเดินทางกลับจากหลวงพระบาง ประเทศลาว เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2555
กำลังทยอยเขียนบันทึกความทรงจำเก็บเอาไว้...แต่ ณ บันทึกที่กำลังเขียนอยู่นี้..ผมยังไม่เดินทางออกจากนครหลวงเวียงจันทร์เลย
แต่มื่อบ่ายแก่ ๆ ของวันอาทิตย์นี้ ....20 พฤษภาคม...ผมกำลังตัดหญ้าสนามหญ้าหน้าบ้าน...เห็นตู้ไปรษณีย์ของบ้านผม...มีแผ่นกระดาษ...อยู่ในนั้น
ใช่แล้ว...สิ่งที่ผม ภรรยา และทิมดาบ เฝ้ารอคอยถึง 20 วัน...เดินทางมาถึงแล้ว
โปสการ์ดจากหลวงพระบาง...แทนความคิดถึง...ความคิด...และบอกเล่าถึงการเดินทางของผม…เดินทางมาถึงแล้ว
แค่กระดาษแผ่นหนึ่ง...เขียนข้อความได้ไม่ยาวและเนื้อหาที่สับสน...เพราะบางการ์ดใช้เวลาในการเขียนน้อย...แต่ผู้รับย่อมรับรู้ดีว่า..ผู้เขียนกลั่นกรองและหอบความรักทั้งหมดทั้งมวลในกระดาษใบนี้
มีเพื่อนๆ และน้องๆ ในการเดินทางบางคน...บอกว่า เขียนไปทำไหม เดี๋ยวก็เจอกันแล้ว...ทำไม่ไม่ติดต่อทางมือถือ...อินเตอร์เน็ต
แต่ผมมองว่า...เสน่ห์ของการเขียนโปสการ์ดหรือการเขียนจดหมาย...อยู่ที่ข้อความเล็กๆ น้อยๆ รูปภาพที่เรากำลังเดินทางและ
และที่สำคัญ..เสน่ห์ของการรอคอย…การรอคอยความรักที่กำลังเดินทางมาถึง
จุดเริ่มต้นของการเขียนโปสการ์ดของผม....
ผมผ่านความรักแบบหนุ่มสาวมายาวนาน....กับคนที่เราชอบและรักหลายคน...แต่ส่วนใหญ่ผมถูกทิ้งมากกว่า...เพราะผมตระหนักดีว่า...ถ้าเราทิ้งเขาไป....เหมือนเราโยนความรักที่ดีงามของเขาไปทิ้งไปด้วย...ทำให้เขารุ้สึกทรมานปวดร้าว
เมื่อทิ้งความรักซึ่งกันและกันแล้ว...สิ่งหนึ่งที่ผมจะสอนลูก คือ ถ้าไม่มีความรักให้กันและกันแล้ว...ควรบอกกันตรงๆ เลยว่า...จะเลิกกันแล้วนะ...อาจไม่ต้องชี้แจงเหตุผลมากมาย...แต่ต้องบอกเป็นทางการ...ห้ามให้ข้อมูลมือสองกับเขา...ความรักจะไม่ได้ยื้อเยื้อ...และหลงคิดไปว่า...ยังมีเยื่อใยต่อกัน...ซึ่งจะทำให้ต่างฝ่ายต่างทรมานมาก
และที่สำคัญ...ผู้ชายควรให้เกียรติผู้หญิง...ให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายบอกเลิกผู้ชายดีกว่า....
ความรักยิ่งเราดิ้นรน...มันจะห่างไกลเราไปทุกที...เหมือนความรักของผมเช่นกัน...
ผมตัดสินใจลาไปเรียนปอโทสามปี...ทิ้งทุกอย่าง...แต่ตระหนักเลยว่า...ไม่ว่าไปอยู่แห่งไหน...ความทรงจำก็ตามหลอกหลอนผมไปทุกที
ชีวิตในช่วงเรียน...คุยกับเพื่อนๆ พี่ๆ ...คุยกับครู...ห้องสมุด...ทำรายงาน...ออกภาคสนาม
จนใกล้จะสอบป้องกันวิทยานิพนธ์...พวกเราที่ไปเรียน...ได้ไปเป็นจิตอาสาที่วัด...
ผมได้เจอกับภรรยาที่นั่น....คงเป็นพรหมลิขิต...รู้จักกันไม่ถึงปี...ก็แต่งงานกัน
ภรรยาของผม...เป็นคนที่พูดน้อยมาก แต่เขาชอบเขียนจดหมาย และโปสการ์ดให้ครอบครัว เพื่อน และคนที่เขารักเสมอๆ
ทุกเทศกาล และการเดินทางไปเที่ยว....และเขาชอบเขียนให้ผมเช่นกัน
ถ้อยคำของเขา...แค่บอกว่า...เขาถึงไหนแล้ว...สบายดี...แต่นั้นแหละผมเห็นความรักและความคิดถึงที่เขามีให้คนที่เขาเขียนถึง
นับแต่นั้น...เป็นต้นมา....ผมก็เขียนโปสการ์ดส่งให้ทุกคน...ครอบครัวผม...และภรรยา
และถ้อยคำที่ผมเขียนถึงภรรยา...ผมจะเขียนตรงๆ ว่า ผมรักและคิดถึงเขา
ถึงแม้ผมเป็นคนชอบพูด..และยิ้ม...แต่คำว่า “รัก” ที่จะหลุดจากปาก ผมว่ามันยากเย็นสำหรับผมมาก
ตอนนี้...ผมจะเขียนโปสการ์ดให้ทิมดาบ-ลูกชาย มากกว่าภรรยา
ไม่ใช่ว่า...ผมมีความรักและความคิดถึงน้อยลง
เพียงแต่ผมกำลังอยากให้ทิมดาบรู้ว่า....เสน่ห์ของการเขียนโปสการ์ด...มีคุณค่าต่อผู้รับและผู้ส่งอย่างไง ?
ขอบคุณค่ะ คุณหมอที่นำมาแ่บ่งปัน..คุณค่าของความรัก ในคำพูด และการปฏิบัติตน รวมถึงครั้งนี้ส่งผ่านโปสการ์ดในเส้นทางการเดินทางของคุณพ่อ เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดค่ะ เรียกได้ว่า เป็น"มรดก" ที่มอบไว้ให้น้องทิมดาบและคุณแม่ของน้อง...ได้รับแล้วก็ชื่นใจในภาพและความหมายและเรื่องราวเบื้องหลังมากมายที่บรรจุไว้....อิ่มใจที่ได้รับ/อ่าน.:-))
การส่งโปสการ์ดจึงยังคงมีเสน่ห์มาจนปัจจุบัน..ถึงแม้ได้รับความนิยมน้อยคง แต่ก็ยังคงมี เพราะื่สื่อ "ความพิเศษ"ให้กับผู้รับ ที่ครีเอทจากผู้ส่ง ...ไม่ว่าจะเป็น ภาพ การเขียน แสตมป์ รอยประทับตราสถานที่ติดแสตมป์ส่ง และอะไรอีกมากมาย...พี่เองก็ชอบส่งเช่นกัน เวลาเดินทางไปยังที่ต่างๆค่ะ...และรอว่าเมื่อไหร่จะมาถึง...อารมณ์ชอบเช่นเดียวกันเลยค่ะ.คุณหมอ..:-))
ก็เพราะหัวใจเธอคือบ้านของฉัน (Home is where the heart is) หวานมากๆๆๆ ค่ะคุณหมอ
สุขสันต์วันทำงานค่ะ
รู้สึกเหมือนคุณปริม สะดุดกึกที่ ก็เพราะหัวใจเธอคือบ้านของฉัน.. เหมือนกันค่ะ :)
อ่านแล้วชื่นใจจังค่ะ..
สวัสดีค่ะ คุณหมอ
ชอบจังค่ะ "ก็เพราะหัวใจของเธอ คือ บ้านของฉัน"
กับครอบครัวที่แสนจะอบอุ่น ของคุณหมอ เป็นแบบนี้เองคุณหมอถึงได้แบ่งปันความสุขให้คนอื่นๆ รอบข้างได้อีกมากมายค่ะ