วันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เป็นอีกวันที่ผมมี “ความสุข” กับการได้ใช้ชีวิตในเวทีการเรียนรู้ที่มีชีวิต
วันนั้น-มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้เปิดเวที “โสเหล่” ร่วมกับผู้บริหารในส่วนงาน “พัฒนาชุมชน” และเหล่าบรรดาประธานเครือข่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนจาก 13 อำเภอของจังหวัดมหาสารคาม
การงานครั้งนี้ ผศ.ดร.ศุภชัย สมัปปิโต (อธิการบดี) ออกโรงนำทัพด้วยตัวท่านเอง แถมพ่วงทีมงานไปอีกหลายคน อาทิ ผศ.ดร.ประยุกต์ ศรีวิไล (ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ) นายสุนทร เดชชัย (ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการวิจัยและบริการวิชาการ) โดยประเด็นหลักของการโสเหล่ในวันนี้ก็คือการหารือเกี่ยวกับทิศทางการขับเคลื่อนเรื่อง “หนึ่งอำเภอหนึ่งผลิตภัณฑ์”
ครับ-ฟังดูเหมือนนโยบายอันเป็น “กระแสหลัก” อยู่มาก แต่ในเนื้อแท้นั้นมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้ปักธงทำเรื่องทำนองนี้มายาวนานพอสมควร ดังจะเห็นได้จากสองถึงสามปีให้หลังมีกระบวนการขับเคลื่อนเชิงรุกการบริการวิชาการแก่สังคมอย่างจริงจังและหลากหลาย เช่น
ในเบื้องต้นอธิการบดี บอกเล่าเรื่องราวอันเป็นเจตนารมณ์ของมหาวิทยาลัยประมาณว่า “...กิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในทิศทางของการมุ่งให้มหาวิทยาลัยได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาชุมชน ส่งเสริมให้ชุมชนเกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ด้วยการนำทรัพยากรและภูมิปัญญาท้องถิ่นมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าและมูลค่า เป็นเอกลักษณ์ที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมของแต่ละชุมชน รวมถึงการจัดรวบรวมเป็น “ของดีเมืองมหาสารคาม” อย่างเป็นระบบ โดยมีศูนย์จำหน่ายที่เป็นของชุมชนอย่างแท้จริง และมหาวิทยาลัยจะเป็นกลไกในการส่งเสริมและสนับสนุนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง...”
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนี้ ผมเองก็เห็นด้วยค่อนข้างมาก เพราะปัจจุบันในยามที่มีคนมาเยี่ยมเยียนเมืองมหาสารคามดินแดนที่ถูกเรียกขนานว่าเป็น “เมืองแห่งการศึกษา” (ตักสิลานคร) นั้น หากจะพาไปเยี่ยมชมจับจ่ายใช้สอยผลิตภัณฑ์อันเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นนั้น ดูจะยากยิ่งไม่ใช่น้อย ทั้งเพราะไม่มีสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่มีแหล่งจำหน่ายเป็นหลักแหล่ง บางชนิดอยู่ลึกเร้นในท้องถิ่น หรือชุมชนมากจนเกินไป ลำบากต่อการเดินทาง ซึ่งประเด็นนี้เท่าที่ผมรับรู้มาก็คือมหาวิทยาลัยมีนโยบายในการจัดสร้างศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน สร้างงานสร้างรายได้ให้ชาวบ้าน และภายในศูนย์นั้นก็จะมีเกร็ดความรู้ในเรื่อง “ภูมิปัญญา” ให้ศึกษาควบคู่กันไป เรียกได้ว่าเดินเข้าไปในศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์นั้นๆ ได้ “ความรู้และปัญญา” กลับออกไปด้วยนั่นเอง
ครับ-อาจกล่าวได้ว่าสิ่งที่มหาวิทยาลัยกำลังเบิ่งมองและปรารถนาเข้าไปเรียนรู้ หรือร่วมขับเคลื่อนกับชุมชนนั้น เป็นการคิดบนรากฐานสำคัญ 3 ประการ คือ 1) ภูมิปัญญาสู่สากล (Local Yet Global) 2) พึ่งตนเองและคิดสร้างสรรค์ (Self-Reliance-Creativity) 3) การสร้างทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development)
ผ่านกลไกของการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม และใช้ท้องถิ่น หรือชุมชนเป็น “ฐานราก” ของกระบวนการทั้งปวง
อย่างไรก็ดี ในเวทีดังกล่าวนั้น ผมชื่นชมการบอกเล่า หรือการเล่าเรื่องของชาวบ้านเป็นพิเศษ เพราะแต่ละคนถึงแม้จะดูตื่นเต้นอยู่บ้าง แต่ที่สุดแล้วก็สามารถเล่าเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างผ่อนคลาย เห็นภาพ “ชีวิต” ที่แจ่มชัด เห็นเรื่องราวต่างๆ ฉายชัดในแววตา เสมือนกำลังบ่งบอกให้มหาวิทยาลัยได้รับรู้ว่าคนที่มาในวันนั้นล้วนเป็น “ตัวจริง-เสียงจริง-ปลูกเอง-เก็บเอง-ทอเอง-ขายเอง” รวมถึง “สุขเอง-เจ็บเอง” อย่างไม่ต้องสงสัย
นอกจากนั้นยังพบสภาพปัญหาหลายอย่างปะปนอยู่ในกระบวนการทั้งปวง เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ วัตถุดิบในท้องถิ่น การจัดการตลาด...ซึ่งทั้งปวงนั้นก็เป็นสภาพปัญหาที่พบในหลายๆ จังหวัด และชาวบ้านก็บอกเล่าอย่างใสซื่อประมาณว่า “ผลิตภัณฑ์ของชาวมหาสารคามยังไม่มีนายทุนใหญ่ใดๆ มาสนับสนุน เมื่อนำไปแสดงในเวทีต่างๆ ร่วมกับจังหวัดอื่นๆ จึงดูพื้นๆ ไม่โดดเด่น ทั้งรูปแบบของสินค้าและร้านรวงที่จัดแสดง...”
ครับ-เกี่ยวกับประเด็นนี้ ผมมองว่าเป็นโอกาสอันดีว่าเป็น “จุดแข็ง” ของชาวมหาสารคามเลยแหละ เพราะนี่คือ “จุดขาย” โดยตรงที่ต้องหยิบจับมาสร้างสรรค์ให้กลายเป็น “พลัง” จาก “ชาวบ้าน” เพื่อ “ชาวบ้าน” โดยมีกระบวนการทางการศึกษาเข้าไปหนุนเสริมร่วมกัน
ในห้วงท้ายของการเปิดวงโสเหล่กัน อธิการบดีฝากให้ชุมชนได้ค้นหา “ครัวเรือน” ที่มีความเข้มแข็งในเรื่องเหล่านี้ เพราะนั่นคือ “ต้นแบบ” ที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ ได้เจริญรอยตาม รวมถึงการเป็นต้นแบบของการที่จะเรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งนั่นก็รวมถึงการหนุนเสริมแรงใจให้กับครัวเรือนนั้นๆ ไปในตัว
มิหนำซ้ำในวันนั้น ผมยังมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ กับผู้คนในวงโสเหล่ รวมถึงการพบเห็นความฝันของตนเองแจ่มชัดขึ้น นั่นก็คือ การได้รับมอบหมายให้ “...ถอดบทเรียนจากแม่ภูมิปัญญาต่างๆ ในจังหวัดมหาสารคาม จัดทำเป็นหนังสือ รวมถึงการสร้างหลักสูตร หรือชุดความรู้ในเรื่องเหล่านี้...”
นี่คือเรื่องราวเล็กๆ ของสิ่งที่มหาวิทยาลัยกำลังขับเคลื่อน และยืนยันได้ว่า ไม่ใช่การวิ่งตามกระแสหลักเสียทั้งหมด หากแต่สิ่งที่คิดและกำลังจะทำนั้น เป็นสิ่งที่มหาวิทยาลัยรู้และตระหนักว่ามันสำคัญมากๆ ...มันคือส่วนหนึ่งของปรัชญา “ผู้มีปัญญา พึงเป็นอยู่เพื่อมหาชน” หรือ (เอกลักษณ์) “มหาวิทยาลัยเป็นที่พึ่งของสังคมและชุมชน” หรือแม้แต่ (อัตลักษณ์) “นิสิตกับการช่วยเหลือสังคมและชุมชน”
ครับ-งานนี้ มหาวิทยาลัยปักธงอำเภอละ 100,000 บาท แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันที่กำลังจะมีขึ้น ทั้งในมิติของชาวบ้านกับชาวบ้าน, ชาวบ้านกับนิสิต, ชาวบ้านกับอาจารย์, อาจารย์กับนิสิต หรือพูดง่ายๆ ก็คือ "ชุมชนกับมหาวิทยาลัย" นั่นเอง
สวัสดีครับ พี่ดร. สมศรี
ในวันที่พบปะพูดคุยกันนั้น สิ่งที่เราได้รับรู้เบื้องต้นก็คือ ข้อมูลเกี่ยวกับ "ทุนทางสังคม" ของแต่ละท้องถิ่น/ชุมชน ซึ่งหมายถึงผลิตภัณฑ์ที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ทั้งในเชิงธุรกิจและเชิงวัฒนธรรม รวมถึงภูมิปัญญาที่กำลังสูญสลาย หรือแม้แต่สูญสลายไปตามกาลเวลา...
การพูดคุยกันในวั้นนั้น ในอีกมิติหนึ่งคือการหนุนเสริมพลังใจให้กับท้องถิ่น มหาวิทยาลัยจะเข้าไปร่วมเรียนรู้และสร้างสรรค์ผลงานร่วมกับชาวบ้าน โดยการสนับสนุนงบประมาณและบุคลากร ซึ่งรวมถึงการลงสู่ชุมชนของอาจารย์และนิสิต เป็นการเรียนรู้ร่วมกัน ผสมผสานระหว่างวิทยาการใหม่ๆ และภูมิปัญญาของชาวบ้าน
...
สวัสดีค่ะ
ทึ่งที่มหาวิทยาลัยเข้ามามีบทบาทสนับสนุนกิจกรรมนี้นะคะ เป็นกิจกรรมที่แหวกแนวมากๆ ค่ะ ชื่นชมความตั้งใจจริงและความพยายามในการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนค่ะ
มหาวิทยาลัยจะสมบูรณืแบบที่สุดเมื่อชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมกับมหาวิทยาลัย
มาร่วมชื่นชมกับแบบอย่างดีๆเช่นนี้ค่ะ..มหาวิทยาลัยแห่งนี้ที่พี่ใหญ่สัมผัส เห็นรูปธรรมของการขับเคลื่อนจุดเด่น..จุดแข็ง ลงสู่ชุมชนอย่างต่อเนื่อง..
มหาวิทยาลัยต้องเป็นหนึ่งเดียวกับประชาชน
barnonecashadvance.ca| fastfunds.ca| paydayloanscanada.net| dollarsdirect.ca| Badcreditsolutionscanada.com| nowpayday.ca| focuscashloans.com| shegetscash.ca| Capitalcash.ca| payday.today.ca| faxless.payday.loan.ca| www-moneymart-ca| www-cashadvanceloanexpert-ca| www-Canadaloansource-ca| www-Paydayloansonline-ca| www-cashfactory-ca| www-canadapaydayadvance-ca| www-myshorttermloan-ca| www-cashadvancepaydayloansca-com| www-supercashadvances-com| www-Myeasypayday-ca| www-directcashloan-ca| www-focuscashloans-ca| www-calgarypayday-ca| www-paydaymax-com| www-checkintocash-ca| www-barnonecashadvance-ca| www-fastfunds-ca| www-paydayloanscanada-net| www-dollarsdirect-ca| www-Badcreditsolutionscanada-com| www-nowpayday-ca| www-focuscashloans-com| www-shegetscash-ca| www-Capitalcash-ca| www-payday-today-ca| www-faxless-payday-loan-ca| wwwmoneymartca| wwwcashadvanceloanexpertca| wwwCanadaloansourceca| wwwPaydayloansonlineca| wwwcashfactoryca| wwwcanadapaydayadvanceca| wwwmyshorttermloanca| wwwcashadvancepaydayloanscacom| wwwsupercashadvancescom| wwwdirectcashloanca| wwwfocuscashloansca| wwwcalgarypaydayca| wwwpaydaymaxcom|
ดีครับพี่นัส
กิจกรรมก้าวไปไกลมาก หลากหลายรูปแบบและรับใช้สังคมอย่างจริงจัง ขอชื่นชมครับ แต่ผมมีความสนใจอย่างยิ่งในกิจกรรมเหล่านี้ และยากเพิ่มการ "วิจัย" เข้าไปด้วย โดยชุมชน นักศึกษา มีส่วนในการวิจัย แต่ก็ได้แค่คิดครับ เพราะมองหาทางเดินไม่พบ หากไม่รบกวนมาก ฝากรบกวนพี่ช่วยชี้ทางสว่างเรื่องของการบูรณาการวิจัยกับกิจกรรมเพื่อสังคม ด้วยนะครับ
ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ