สมการความสุข..อิสรภาพ



เช้าวันเสาร์ สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องให้ตัดสินใจ ซึ่งสร้าง "ความไม่สุข" ให้กับข้าพเจ้า เมื่อตัดสินใจไม่ได้ จึงไปตัดผมดีกว่า :)..เพื่อไม่ให้เสียเวลาระหว่างรอคิว จึงแวะเข้าร้านหนังสือ สายตาไปปะทะกับหัวข้อหนังสือเล่มนี้
.

เมื่ออ่านปกด้านหลังหนังสือ ก็ตัดสินใจซื้อในเวลา 5 นาที
.



แม้สารภาพว่า ไม่รู้จักนามท่านผู้เขียน (คุณจักรพงษ์ เมษพันธ์) มาก่อนเลย
แต่ถ้อยคำเหล่านั้น โดนใจข้าพเจ้าอย่างจัง..งัง

...
อ่านจบภายใน 1 ชั่วโมง
(ข้าพเจ้าเป็นประเภท อ่านเอาเรื่องไม่เอารส 
จนคนใกล้ตัวล้อว่า อ่านแบบตั๊กแตน)
.
เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้จบ ข้าพเจ้าประมวลกับชีวิตตนเอง
สรุปสมการความสุขดังนี้

ความสุข =       ความเข้าใจตนเอง
                  ความอยาก^2  + ความจำเป็น

 

ความจำเป็น
.
หนังสือเล่มนี้แนะนำ แนวทางง่ายๆ
ในการบริหารการเงินอย่างมีความรับผิดชอบและฉลาด
ด้วยการแบ่งเงินเป็นสัดส่วน 70-30

70% สำหรับใช้จ่ายค่าปัจจัยสี่ความจำเป็น

30% ที่ต้องกันไว้ก่อนใช้จ่าย แบ่งเป็น

20 สำหรับชำระหนี้ (ที่ก่อประโยชน์) 

อย่างน้อย 10 สำหรับเงินรองรัง และการลงทุน

เงินรองรัง คือส่วนที่มีสภาพคล่องพอควร เช่นการฝากธนาคาร
แม้การออมด้วยการฝากธนาคารอย่างเดียวไม่ใช่หลักประกันความสุขสบายเพราะดอกเบี้ยที่น้อยกว่าค่าเงินเฟ้อ
แต่ก็เป็นหลักประกัน "เสียอนาคต"
คนอเมริกัน ที่พอตกงานบ้านถูกยึด สิ่งที่เจ็บหนักกว่าการไม่มีบ้านอยู่คือ
"เสียเครดิต" ซึ่งมีผลต่อการกู้ซื้อบ้านครั้งต่อไป
หากเขามีเงินรองรังไว้ประมาณ 6 เดือน-1 ปี
ก็ยังมีเวลาหายใจหายคอหางานใหม่ 
หรือเรียนระยะสั้นเพิ่มทักษะให้ตรงตลาดงาน
หนังสือเล่มนี้จึงแนะนำให้มีรองรังไว้อย่างน้อย = รายจ่ายต่อเดือน คูณด้วย 6
.
การลงทุนกับอะไรดีที่สุด
ข้อความที่เด็ดขาดบาดใจ คนไร้ความรู้ทางการเงินอย่างข้าพเจ้าคือ
"ลงทุนที่ทำให้เรานอนหลับสบาย"
ไม่ลงทุนตามกระแส ในสิ่งที่เราไม่รู้จริง
แต่ลงทุนกับการสร้างคุณภาพตัวเอง
ร่างกาย - จิตปัญญา- ทักษะ
...
ความอยาก
.
เหตุที่ใส่เครื่องหมายยกกำลังสองไว้ ก็เพราะ..
มันเป็นต้นกำเนิดของหนี้ ไร้ประโยชน์
หนี้มีประโยชน์ ช่วยเพิ่มสินทรัพย์แบบ "พลังทวี"
(ใครสนใจหาอ่านในหนังสือนะค่ะ)
แต่หนี้ไร้ประโยชน์ ก็ทำให้จนลงทบดอกแบบ "ทวีคูณ" เช่นกัน
อ่านตรงนี้ แล้วทำให้ข้าพเจ้าชะงัก
แผนการบางอย่างที่ต้องลงทุนลงแรงมหาศาล
เพราะมันก็แค่..อยากพิสูจน์ให้คนอื่นเห็น
...

หากคนเราไม่รู้จักตนเองแล้ว
แม้มีแต่ความต้องการในสิ่งจำเป็น
แม้ลดความอยากเหลือน้อยที่สุด
ความสุขก็ยังเป็นศูนย์
เพราะ "ขาดอาหารทางจิตวิญญาณ"
คุณค่าของการมีชีวิตอยู่ ต่อโลกนี้
...

ความเข้าใจตนเอง (Intrapersonal intelligence)
ว่าตัวเราสามารถมอบคุณค่าที่ดีที่สุดในกับโลกนี้ ด้านใด - Best value
สิ่งใดที่เราตื่นเต้นเมื่อคิดถึงมัน
ฟังดูเหมือนง่าย
เพียงเพราะ "ไม่เชื่อ" ตนเองแต่เริ่มต้น
ข้าพเจ้าจึงต้องลงทุน -เงิน-เวลา-กำลัง
กับการค้นหา ทดสอบความเชื่อ มากว่า 30 ปี
กว่า "ใจมองเห็น"
เมื่อเห็น ก็เริ่มสุขจากอิสรภาพ
เลิกกังวลกับคำถาม
"ทำไมไม่เปิดคลินิก/รับงานเอกชน"
"ทำไมไม่แต่งหน้า/แต่งตัว"
"ทำไมไม่ไปงานเลี้ยงรุ่น/งานแต่ง" etc.
คำตอบคือ
"นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าพเจ้ามีแรงบันดาลใจ"
"จึงไม่ใช่สิ่งดีที่สุดที่ข้าพเจ้าสามารถมอบให้สังคม"
...
อิสรภาพทางการเงิน
มิได้หมายความว่า ต้องมีเงินก่อน จึงจะมีเวลา แล้วจึงได้ทำสิ่งที่เรามีแรงบันดาลใจ
แต่ทำงานที่เรามีแรงบันดาลใจ จนลืมเวลา แล้วให้มันทำเงิน
" To be happiness,
       we have to live around what we really are"

.
อะไรคือสิ่งที่ข้าพเจ้ามีแรงบันดาลใจนะหรือ
ตามชื่อบล็อกทั้งสี่เลยค่ะ :)

หมายเลขบันทึก: 483311เขียนเมื่อ 26 มีนาคม 2012 21:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 02:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)

อาหารทางจิตวิญญาณ

ชอบคำนี้จังเลยนะครับ คุณหมอ ป.

ขอบคุณ บันทึก ดี ดี คืนนี้นะครับ

ดีไจด้วยค่ะที่เห็นสัจจะธรรมนำสุขเช่นนี้..นับเป็นลาภอันประเสริฐกว่าอื่นใดแล้ว..

" To be happiness,
       we have to live around what we really are"

เจ๋งอีกแล้วค่ะคุณหมอป. ขอนำไปคำคม ไปประกอบภาพโปรด หน่อยนคะ

ก็ภาพที่เป็นความสุข .. น้องฟ้ากะนายเมฆ ล่ะคะ .. ฝันดีนะคะ :)  

...

ด้วยจริตความรู้สึกที่นึกคิด
จะถูกผิดประการใด ใจเรารู้
ลดความอยาก อ้างจำเป็น เห็นเป็นครู
การเรียนรู้เช่นนี้ดีต่อตน

ด้วยสันโดษบวกแรงบันดาลใจ
แสวงหาได้หลักธรรมค้ำเหตุผล
เสพอาหารจิตวิญญาณปรับปรุงตน
ใช้สติครองคนและตนเอง

...

ด้วยความนับถือในหัวใจคุณหมอบางเวลาครับ ;)...

ความเอ๋ย ความสุข... ความเอ๋ย ความสุข...

 

ใครๆทุกคน  ชอบเจ้า เฝ้าวิ่งหา

แกก็สุข ฉันก็สุข ทุกเวลา

แต่ดูหน้า ตาแห้ง ยังแคลงใจ

 

ถ้าเราเผา ตัวตัณหา ก็น่าจะสุข

ถ้ามันเผา เราก็สุก หรือเกรียมได้

เขาว่าสุข สุขเน้อ อย่าเห่อไป

มันสุขเย็น หรือสุกไหม้ ให้แน่เอย

 

ความเอ๋ย ความสุข...  ความเอ๋ย ความสุข...

http://www.youtube.com/watch?v=feicIO2ClsY

เอามรดกธรรมเรื่อง ความสุข ของอาจารย์พุทธทาสภิกขุ มาฝากคุณหมอครับ
ขอบคุณครับ...

ขอบคุณมากค่ะ

อาหารทางจิตวิญญาณ 
คือการอยู่อย่างเป็นผู้ ให้ มากกว่า รับ
แต่ละคนก็มีวิธีการให้ ตามกำลังของตนเอง
สิ่งที่เชื่อเสมอมาคือ
เราไม่สามารถให้ในสิ่งที่เราไม่มี
(ถ้าตนเองก็ยังไม่สุข จะให้สุขคนอื่นได้อย่างไร) 

 

ขอบคุณค่ะ 

ณ วันนี้ มีความคิดเช่นนี้
บันทึกไว้ วันหน้ากลับมาอ่าน จะได้ทดสอบว่า ที่คิดนั้นจริงหรือไม่ค่ะ

 

สวัสดีครับอาจารย์ครับ

ขอบคุณที่ถ่ายทอดสาระของหนังสือและทัศนะส่วนตัว

ทำให้เห็นมุมมองมากขึ้นครับ

ชอบกับประโยคของอาจารย์...

.....คำตอบคือ

"นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าพเจ้ามีแรงบันดาลใจ"

"จึงไม่ใช่สิ่งดีที่สุดที่ข้าพเจ้าสามารถมอบให้สังคม"......

ตามมาให้กำลังใจให้อาจารย์ครับ

ขออภัยที่มาตอบช้า ไม่ได้เข้า G2K ไป 2 วันค่ะ
ข้อความดังกล่าว ออกมาจากความจำลางๆ ( grammar อาจผิดไปบ้าง)
หนังสือสำหรับ ผู้หญิงทำงาน ว่าจะสร้างสมดุล งาน ครอบครัว อย่างไร
คำแนะนำคือ
" เริ่มตั้งแต่เลือกงาน และใช้ชีวิตในรูปแบบที่เหมาะกับตัวคุณ"
 ...
สบายดีนะเจ๊า 

ขอบคุณค่ะอาจารย์
ชอบกลอนของอาจารย์จัง 

กินอะไรก็ได้ ที่ไม่อันตราย
อยู่ที่ไหนก็ได้ ที่ไม่อันตราย
คบเพื่อนคบกับใครก็ได้ ที่ไม่อันตราย
ทำให้ทุกข์ยาก(ขึ้น)

ชอบคำพูดคุณอุ้ม สิริยากร "เราฟังเพลงกระตุ้นกิเลสกันมามาก..มาฟังเพลงลดกิเลสกันบ้าง"-- เข้าใจพูดดีจริงๆ

 

ขอบคุณค่ะ อย่างที่คุณหมออดิเรกว่า
นี่เป็นทัศนะส่วนตัว มุมมองหนึ่งเท่านั้นค่ะ

แต่ละคนก็มีสมการความสุขต่างกันไป

หนังสือ..คือกลไกของการเติบโตทางจิตวิญญาณ

...ขอบคุณครับ

ตอนนี้ก็กำลังจะพยายาม 70/30อยู่เหมือนกันค่ะหมอ

ขอลองเอาไปใช้ดู จนกว่าจะเกิดคำว่าอิสรภาพครับ

ขอบคุณอาจารย์แผ่นดิน พี่อรพรรณ และคุณ jajakob ที่มาเยี่ยมเยียนค่ะ

อ่านจบนึกถึงเพลงของคุณยืนยง

 

     ทุกชีวิตดิ้นรนค้นหาแต่จุดหมาย
ใจในร่างกายกลับไม่เจอ
ทุกข์ที่เกิดซ้ำ เพราะใจนำพร่ำเพ้อ
หาหัวใจให้เจอก็เป็นสุข

ทุกข์ที่เกิดซ้ำ เพราะใจนำพร่ำเพ้อ
หาหัวใจให้เจอก็เป็นสุข

ขอบคุณค่ะอาจารย์
ใจในร่างกายหาไม่เจอ..
เป็นเรื่องจริงค่ะ
คนโชคดีคือ
ผู้ที่ค้นพบว่าตัวเองเป็นอะไรและต้องการอะไรในชีวิต แต่เยาว์วัย

 

มิได้หมายความว่า ต้องมีเงินก่อน จึงจะมีเวลา แล้วจึงได้ทำสิ่งที่เรามีแรงบันดาลใจ แต่ทำงานที่เรามีแรงบันดาลใจ จนลืมเวลา แล้วให้มันทำเงิน

คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้เช่นกันค่ะ มิน่าถึงหยุดทำงานไม่ได้สักที แต่ก็ขอบคุณที่มีวันนี้ ทุกๆวันที่หายใจ

ขอบคุณสำหรับบันทึกดีดีค่ะ :)

ชอบรูปไอคอนใหม่
สาวผมยาวคุยโทรศัพท์อย่างมีความสุข จนลืมมองกล้องนี้จังค่ะ
อย่างที่ท้ายเล่มหนังสือนี้เขียนไว้
"ทำไมต้องหยุดทำงาน ในเมื่อเราสนุกกับมัน และอยากทำมันไปตลอดชีวิต"

คุณปริมเริ่มรู้สึกแบบนี้แล้วใช่ไหมค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท