Daniel Coyle เป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงของนิตยสาร New York Time และ Sports Illustrated ได้รวบรวมงานวิจัยที่เกี่ยวกับความเก่งของคนในอาชีพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นักกีฬา นักดนตรี และบุคคลในสาขาวิชาชีพอื่นๆ โดยศึกษาว่าพวกเขาเหล่านั้นมีวิถีการดำเนินชีวิตเช่นไร ซึ่งกลไกดังกล่าวนั้น ก็อยู่ที่การทำงานเซลล์สมองและเยื่อหุ้มใยประสาทไมอีลินนี่เอง
ผมจะไม่ขอพูดเรื่องสมองนะครับ เพราะจะเป็นวิชาการทางการแพทย์มากเกินไป แต่จะขอลงสู่ประเด็นรหัสลับของคนเก่งเลยดีกว่า
รหัสลับของคนเก่งหรือสิ่งที่คนเก่งๆเขาทำกันมีอยู่ 3 ข้อเท่านั้นครับ
-
Deep Practice: หมายถึง การฝึกฝนอย่างลึกซึ้งจริงจัง ผมเคยอ่านหนังสืออยู่เล่มนึง เขาพูดถึง Deliberate Practice หมายถึง การฝึกฝนอย่างมีแบบแผน ไตร่ตรองอย่างรอบครอบ สุขุม ความหมายทำนองเดียวกันครับ การฝึกฝนทำบ่อยๆอย่างเดียว อาจช่วยในเรื่องความชำนาญ ไม่ผิดพลาด อาจจะได้ผลงานดี แต่ไม่ยอดเยี่ยม นั่นหมายถึงเราต้องหาวิธีการที่สุดยอด (Best practice) ให้เจอเสียก่อน มองให้เห็นเป็นภาพใหญ่ แล้วแบ่งทอนออกมาเป็นภาพย่อย ต่อนั้นจึงค่อยๆลงมือทำอย่างตั้งใจ เรียนรู้ ปรับปรุง แก้ไข และทำซำ้ (Plan Do Check Study Act)
-
Ignition: หมายถึง การจุดประกายไฟให้ลุกโชดช่วง กระตือรือร้นกระหายที่จะทำอยู่ตลอดเวลา ต้องคอยระวังรักษาไว้ไม่ให้มอดดับไปเสียก่อน ถ้าพูดกันตามภาษาชาวบ้านคือ "ต้องมีลูกบ้า" ครับ อันนี้สำคัญมากๆจริงๆ เก่งไม่เก่งก็วัดกันตรงนี้แแล้วหล่ะครับ
- Master Coaching: หมายถึง การเสาะแสวงหาสุดยอดปรมาจารย์ กูรู ผู้รู้ที่เชี่ยวชาญในศาสตร์นั้น มอบตัวน้อมกายไปเป็นศิษย์ นักกีฬาที่จะเป็นแชมป์ยังต้องหาโค้ชที่เก่งและรู้ใจ เล่าปี่ยังต้องเสาะหาขงเบ้งงอนง้อให้มาเป็นกุนซือให้ นี่คือความคุ้มค่าสุดๆทีเดียว เรียนรู้ศาสตร์วิทยายุทธ์จากท่านเหล่านั้น จะช่วยให้เห็นทางสู่ความเก่งเป็นเลิศ ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว
ยากไหมครับ 3 ข้อนี้ ผมว่าไม่ยาก ที่จะยากก็คือ เราต้องนำมาผสมปรุงเป็นสูตร ให้เหมาะสมกับบริบทของเรา
แต่อย่าลืมนะครับ เก่ง แต่ไม่ดี ไม่มีคุณธรรม ก็ไม่มีประโยชน์ และจะยิ่งทุกข์หนักด้วย
ต้อง เก่งด้วย ดีด้วย นะครับ