ปัญหาขัดแย้ง แก้ได้ ใช้ใจคุยกัน


ปัญหาที่เกิดในครอบครัว ให้คุยกันด้วยความรัก

        ในการประชุมพัฒนาจิตใต้สำนึก ที่ผ่านมา  คนเข้าประชุมส่วนใหญ่  เป็นคนที่มีปัญหา ทั้งปัญหากับพ่อแม่   ปัญหากับสามี  ภรรยา    ลูก  ปัญหาในที่ทำงาน  ต่างคน ต่างก็มาปลดปล่อย   มาปลดลอ็คจิตใต้สำนึก

 

      ท่านวิทยากร  สามารถเป็นผู้จัดกระบวนการที่ใช้ "ฐานใจ" ได้ดี    แต่ ผู้เข้ารับการอบรม ส่วนใหญ่ จะใช้ "ฐานคิด"

      ช่วงหนึ่ง มีน้องคนหนึ่ง มาพูดถึงปัญหาตัวเอง  ไม่เข้าใจกับสามี

      สมาชิกในที่ประชุมก็ให้คำแนะนำ  แสดงความคิดเห็นกันหลากหลาย

      เป็นคำแนะนำที่มาจาก "ฐานคิด"  ทั้งนั้น  บางคนก็เทศน์สั่งสอนเลย  บอกให้ไปปฏิบัติธรรม   บอกให้กลับมาดูลมหายใจ   ให้ไปทำกรรมฐาน  ซึ่งรู้สึกว่ายิ่งแนะนำ น้องก็ยิ่งเครียด

       ผมได้แสดงความคิดเห็นเป็นคนสุดท้าย  โดยบอกว่า  เรื่องในครอบครัว  ใช้เหตุผลคุยกัน  จะไม่ใช่ทางออกที่ดี   เพราะต่างคน ต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง   จะขัดแย้งกัน ไม่มีทางออก   ทางออกที่ดี  ต้องคุยกันด้วยความรัก   คุยกันด้วยหัวใจ  ใช้ใจคุยกัน   คุยกันด้วยฐานใจ   ยังไม่ควรใช้ฐานคิด

        คำพูดของผมดังกล่าว  ก็เป็นคำพูดที่มาจาก "ฐานคิด" เช่นเดียวกันครับ   เพราะตอนนี้ อยู่ในโหมด "ฐานคิด"  ก็คงต้องใช้ "ฐานคิด" ไปก่อน  เพื่อไปปรับความคิด

       ซึ่งคำพูดของผม ก็ได้รีบการยอมรับจากวิทยากร  นำมาอ้างอิงทั้งสองวัน  และ ที่ประชุมหลายท่่าน  ก็ยอมรับ และ ชอบคำพูดดังกล่าว

        แต่พอมาเข้ากลุ่มย่อย Group  counseling

       

      ก็ยังคงเข้มข้นไปด้วย "ฐานคิด"   ต่างแสดงความคิดเห็นกันมากมาย  จนน้องเสื้อดำที่เป็นพยาบาล  นั่งทางซ้ายมือของผม  มากระซิบบอกว่า  " พอใครพูดปัญหาออกมาแล้วมีคนแนะนำ หรือ มาสอน มาเทศน์   รู้สึกว่าคนเล่าเขาจะตั้งการ์ดป้องกันตัวเอง "   ผมก็รู้สึกอย่างนั้นครับ

       เพราะ "ฐานใจ"  เราถูกฝังไว้อยู่ใน "จิตใต้สำนึก" ครับ    เรากลัวว่า  ถ้าใช้ฐานใจแล้วจะไม่ปลอดภัย  จึงต้องใช้ "ฐานคิด" เพื่อป้องกันตนเอง

       การใช้ "ฐานใจ"  เป็นทางออกที่ดีอย่างไร  ขอหยิบยกมาจาก  ท่าน Osho  ครับ

       ถ้าการคิดด้วยหัว  เป็นเรื่องของการเลือกระหว่างอย่างนี้กับอย่างนั้น  การใช้หัวใจ  ไม่ต่างอะไรกับการเลือกทั้งสองอย่าง

         หัวใจ ไม่มีตรรกะ  แต่ไวต่อความรู้สึก  ต่อการรับรู้  นอกจากมันจะเห็นว่า ทั้งสองอย่าง สามารถอยู่ด้วยกันได้แล้ว  มันยังมองเห็นว่าจริงๆแล้ว  ไม่ใช่สองสิ่ง  แต่เป็นปรากฏการณ์อันเดียวกัน ที่มองจากสองมุมมองเท่านั้น

         ถ้าท่านต้องเลือกระหว่างการใช้หัวคิด  กับการใช้หัวใจ   หัวใจมักจะให้คำตอบที่แท้จริงเสมอ   ทั้งนี้เป็นเพราะคำตอบที่มาจากหัวคิดนั้น  ผ่านการสร้างสรรค์ของสังคม  เป็นสิ่งที่ได้มาจากการศึกษา   ท่านรับมาจากสังคม  มันไม่ได้มาจากการดำรงอยู่ของท่าน

          หัวใจของท่านยังไม่ถูกทำให้แปดเปื้อน

          หัวใจ  เป็นการดำรงอยู่ที่บริสุทธิ์   ด้วยเหตุนี้  มันจึงไวต่อความรู้สึก

           หากมองจากมุมมองของหัวใจ  ข้อขัดแย้งทั้งหลายจะหายไป

คำสำคัญ (Tags): #ครูเพื่อศิษย์
หมายเลขบันทึก: 472615เขียนเมื่อ 27 ธันวาคม 2011 04:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มิถุนายน 2012 16:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

ความขัดแย้ง ไม่เข้าใจกัน แม้เพียงเล็กน้อย หากปล่อยให้ล่วงเลยผ่านไปก็อาจนำมาซึ่งปัญหาใหญ่ได้ ยิ่งถ้ามีผลกระทบ กระทั่งกันเรื่องผลประโยชน์ อาจถึงขั้นรุนแรงอย่างคาดไม่ถึงครับผม จุดนี้ต้องอาศัยผู้ประสานที่ดี มีจิตใจที่ปราศจากอคติจริงๆ ดังคำกล่าวที่ว่า "เอโส หิ อุตฺตริตโร ภาราวโห ธุรนฺธโร โย ปเรสาธิปนฺนานํ สยํ สนฺธาตุมรหติ : ผู้ใด เมื่อคนเหล่าอื่นขัดแย้งกันอยู่ ตนเองเป็นผู้ประสานให้พวกเขาคืนดีกัน ผู้นั้นเป็นคนรับภาระและจัดการธุระที่ยอดเยี่ยม". (ขุ.ชา ๒๗/๑๓๓ อ้างใน "คุณธรรมสำหรับนักบริหาร". มปป : ๓๙)นักบริหารจำเป็นต้องเรียนรู้เรื่องเหล่านี้เป็นอย่างดี และตามหลักการใช้ "ใจคุยกัน" ของท่านอาจารย์ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งครับผม หากได้ฝึกฝนจากกรณีศึกษา กระตุ้นเรื่องเหล่านี้ให้บุคลากรบ่อยๆด้วยความถี่ที่เหมาะสมผมคิดว่าได้ผลแน่นอนครับ

ขอบพระคุณท่านอาจารย์ในการแบ่งปันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับ

ขอบคุณค่ะ

เคยอ่านว่า มนุษย์ต่างพยายามมีอิทธิพลต่อกันและกัน (status)

การให้คำแนะนำ แม้โดยเจตนาดี ก็ทำให้ผู้รับตั้งการ์ด

เว้นแต่ เมื่อเขารับรู้ถึงความเมตตา จนเกิดความเชื่อใจ เสียก่อน

(อดนึกถึงที่อาจารย์เคยเขียนถึง No trust No talk ไม่ได้ค่ะ :-)

พิจารณาดูแล้ว

ในชีวิตการทำงานที่ผ่านมา ก็พลาดในจุดนี้มาไม่น้อยค่ะ

Ico48คุณธนากรณ์ครับ

    ที่ขัดแย้งกัน  เป็นเพราะสื่อสารเข้าใจไม่ตรงกันครับ   ต่างคนต่างใช้เหตุผลคนละชุดกัน  เลยทำให้ไม่เข้าใจ ไม่เห็นใจกัน  โดยไม่ใช้ใจคุยกัน  ถ้าใช้ใจคุยกัน คือ เข้าใจและยอมรับเหตุผลของอีกฝ่าย  แล้วค่อยปรับเข้าหากัน  จะค่อยๆ สลายความขัดแย้งไปได้ครับ

                       ขอบคุณมากครับ

Ico48ท่าน อาจารย์ ป. ครับ

     น่าจะตรงกับที่อาจารย์ว่ามานะครับ นั่นคือ มนุษย์ต่างพยายามมีอิทธิพลต่อกัน  อย่างน้อยก็ด้วยการสอน การแนะนำละครับ

    คนที่เขาเล่าปัญหาของเขามา  เขาบอกว่า เขาเพียงต้องการคนฟังเขาให้เข้าใจ  ยอมรับความรู้สึกของเขาว่าเขาทุกข์ เท่านั้นก็พอ   ส่วนทางออกนั้น เขาแก้ของเขาเองได้ เพราะเป็นปัญหาของเขาเอง คนที่รู้ดีที่สุด คือ ตัวเขา

     บรรยากาศแบบนี้ เขาต้องการคนฟังแบบ I in you ครับ  แต่คนฟัง ฟังเขาแบบ I in me

                        ขอบคุณมากครับ อาจารย์

สวัสดีครับ  หัวใจของทุกผู้คนล้วนแปดเปื้อนด้วยกระแสจิตที่มองตนเองเป็นสำคัญ  การเข้าข้างตัวเองจึงเป็นปกติวิสัยในตัวคนที่แก้ยาก  การที่ฝ่ายหนึ่งหยุด  ฝ่ายที่รุกก็สงสัย  ระยะที่หยุดนั่นแหละจะทำให้มองเห็นทางเดินของปัญหาถึงแม้จะเป็นเวลาที่สั้น  ยิ่งต่างฝ่ายต่างหยุดนาน  การแก้ปัญหาก็กว้างขึ้น   ขอชื่นชมประเด็นที่ยกมาได้ให้มีการโต้ตอบครับ

ชอบคำนี้มาก "ฐานคิด" หากทุกครอบครัวพูดกัยด้วยภาษาใจ คือจิตว่าง ที่ไม่ต้องห่วงคำโกหก ฐานคิดคือจิตบริสุทธิ์ จะนำไปสู่ความสุขที่ยั่งยืน

Ico48คุณธนาครับ

     ต้องเริ่มมาฟังกันด้วยความรักความเข้าใจครับ โดยไม่เอาตัวเองเป็นตัวแทนความถูกต้อง

                        ขอบคุณครับ

อ. สุวิมลครับ

     คุยกันด้วยภาษาใจ  ด้วยจิตที่ว่าง เป็น การคุยด้วยความรักความเข้าใจ ที่มาจากหัวใจ เป็น "ฐานใจ" ครับ

      ฐานคิด  เป็นเรื่องของเหตุผล ที่มาจากสมอง

                          ขอบคุณครับ

อยู่ที่ใจจริงๆค่ะ....บริหารใจได้..อะไรๆก็ไม่ยาก..ที่จะแก้ไข

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท