ประเด็นปัญหาการพัฒนาสุขภาพของสังคมไทย กับการคาดการณ์


ที่ผมเขียนบันทึกนี้ ผมปรารถนา อยากเชื่อมโยงจากสภาพปัญหาการพัฒนาสุขภาพไทย กับความน่าจะเป็นของแนวโน้มสุขภาพคนไทย

ผมมีโจทย์ที่น่าสนใจ...และคิดว่า โจทย์ที่ผมนั่งเขียนขึ้นในบันทึกนี้

ผมคาดหวังให้ผู้เข้ามาอ่านบันทึกช่วยเติม...ด้วยครับ

โจทย์  : ประเด็นปัญหาการพัฒนาสุขภาพของสังคมไทย

 

เช้านี้ผมนั่งมึน...อยู่เกือบตลอดช่วงเช้า เมื่อลองนำ โจทย์นี้ขึ้นมาถามตัวเอง ว่าประเด็นปัญหาการพัฒนาสุขภาพของสังคมไทย น่าจะมีอะไรบ้าง

 ผมคิดว่าประเด็นนี้เป็นการมองอนาคตของระบบบริการสาธารณสุข และภาพรวมของสังคมไทยในอนาคต

ลักษณะเป็น การคาดการณ์(Projection)  โดยใช้วิธีวิเคราะห์แนวโน้ม อนาคตศาสตร์ศึกษา(futures study) มาลองนั่งคิดๆดู

ส่วนใหญ่น่าจะเป็นฉากทัศน์(scenario)ระบบบริการสาธารณสุขไทยในอนาคต เพราะประเด็นนี้มีผลอย่างมากเรื่องการ พัฒนาระบบสุขภาพไทย

ขีดๆเขียนๆในกระดาษ  ใช้วิธีการวิเคราะห์องค์ประกอบ (Componential analysis)  

ปัจจัยที่น่าจะส่งผลต่อ กระบวนการการพัฒนาสุขภาพของไทย มีอะไรบ้าง....?

  • สถานการณ์และแนวโน้มทางประชากร สังคม และสิ่งแวดล้อม  เนื่องจากความสำเร็จของการวางแผนครอบครับ คาดว่ามีอัตราการเกิดที่น้อยลง ฐานประชากรในวันเด็กน้อยลง และวัยผู้สูงอายุมากขึ้น ถือว่าเป็นวัยพึ่งพิงมากขึ้น  การขยายตัวของเมืองอุตสาหกรรม(Industrialization)  การอพยพเคลื่อนย้ายจากชนบทสู่เมือง ครอบครัวมีขนาดเล็กลง
  • นโยบายของผู้ปฏิบัติงานระดับนโยบายไม่เอื้อ หรือ ไม่สอดคล้องกับปัญหาสุขภาพที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
  • โรคติดต่อที่เป็นปัญหาใหม่ ยากต่อการควบคุม เช่น ไข้หวัดนก  เป็นต้น
  • การก้าวสู่โลกโลกาภิวัฒน์และสังคมบริโภคนิยม
  • การพัฒนาของสิ่งกระทบเชิงลบต่อสุขภาพที่รวดเร็ว เช่น เชื้อก่อโรค เทคโนโลยีชีวภาพอันตราย
  • การขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์(แนวโน้นจะรุนแรง) ในขณะเดียวกันการพัฒนาแกนนำสุขภาพระดับรากหญ้า กลับไม่ได้ให้ความสนใจเท่าที่ควร
  • .........................(ช่วยผมเติมหน่อยครับ)

ส่วนโรคที่เกิดขึ้นได้แบ่งออกเป็น ๓ กลุ่ม (ผมอ่านจากหนังสือThailand Journal  of Health Promotion And environmental Vol 28 No 3 July - September 2005)  ซึ่งผมคิดว่าน่าสนใจมาก จากการที่เขาแบ่งออกมาเป็น ๓ กลุ่ม ดังนี้

กลุ่มที่ ๑ โรคที่เกิดจากความขาดแคลนหรือยากจน(Disease of the Poverty) เกิดในกลุ่มคนจนในเมืองใหญ่ที่อพยพมาจากชนบท อันเป็นผลจากความยากจน ด้อยการศึกษา อาหารไม่เพียงพอ และสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรม เกิดโรคติดต่อต่างๆ เช่น โรคท้องร่วง โรคระบบทางเดินหายใจ เป็นต้น

กลุ่มที่ ๒ โรคที่เกิดจากความมั่งคั่ง (Disease of the  Affluent) ที่มาพร้อมกับการเป็นสังคมอุตสาหกรรมและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป อาจเกิดจากสภาวะสิ่งแวดล้อม เช่น มะเร็ง อุบัติเหตุ อุบัติภัยจากการบริโภคที่ไม่สมดุล

กลุ่มที่ ๓  โรคที่เกิดจากพยาธิสภาพทางสังคม(Disease of the Social Pathology) เกิดจากการเคร่งเครียดในการทำงาน ทำมาหาเลี้ยงชีพ การขาดความอบอุ่นในครอบครับ ไร้ญาติขาดมิตร เช่น การติดยาเสพติด ติดสุรา ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคจิต โรคประสาท เป็นต้น

จะเห็นได้ว่า ปัญหาสุขภาพของคนไทย นับวันจะซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ เป็นการคาดการณ์ (Projected)ที่ไม่หนีจากความจริงมากนัก 

ที่ผมเขียนบันทึกนี้ ผมปรารถนา อยากเชื่อมโยงจากสภาพปัญหาการพัฒนาสุขภาพไทย กับความน่าจะเป็นของแนวโน้มสุขภาพคนไทย

ผมหวังไว้อย่างหนึ่ง...ว่า

อยากให้ท่านผู้รู้ ใน Gotoknow วิเคราะห์ และเติมรายละอียดในประเด็นนี้เพิ่มเติมครับ......... 

 

 

หมายเลขบันทึก: 47199เขียนเมื่อ 30 สิงหาคม 2006 10:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 03:42 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)
  • มาให้กำลังใจครับ
  • ขอบคุณครับ

ขอบคุณครับ อาจารย์ ดร.ขจิต

อยากทราบ ว่านักการศึกษา มองเรื่องสุขภาพอย่างไร ?

ขอบคุณครับ สำหรับกำลังใจครับ 

  • ขออนุญาตเพิ่มเติมหนึ่งโรคครับ
  • พอดีได้อ่านบันทึกจากท่าน อาจารย์หมอวิจารณ์มาครับ นั่นก็คือโรค NIH หรือโรคไม่ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่นครับ
  • ภูมิปัญญาท้องถิ่นของเรามีมากมายทั้งด้านป้องกันและแก้ไขครับ
  • สมุนไพรจากอาหารและยามีอยู่มากมาย
  • แต่พอวิทยาศาสตร์เข้ามาสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นกลายเป็นสิ่งล้าสมัย เชย
  • โรคนี้เป็นต้นเหตุแห่งประเด็นปัญหาการพัฒนาสุขภาพของสังคมไทยเช่นเดียวกันครับ
  • ขอพลังความรู้แห่งสุขภาพจงสถิตกับท่านอาจารย์ตลอดไปครับ

ขอบคุณอาจารย์ปภังกรครับ...

เป็นความเห็นที่เพิ่มเติม "โรคที่ไม่ยอมรับความคิดเห็นของคนอื่น" เป็นโรคอัตตาที่รักษาหายยาก ...และเป็นต้นเหตุของกระบวนการพัฒนา จริงๆครับ

จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร 

  • มาให้กำลังใจด้วยคนครับ
  • สำหรับประเด็นที่ฝากให้พี่ไว้ทาง E-mail คาดว่าจะดำเนินการคืนนี้ครับ

ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า...มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบกิจกรรมการดำรงชีวิตของคนทั้งโลกให้เกิดความอสมดุลต่อชีวิตในโลก (Occupational Imbalance in globalization) ได้แก่ City design and health, Sprawl and drought, Clogged roads, Economic health issues, Depression peak, New and old disease, Divided world, High world GDP or Growth Development of Population, Less developed countries และ Unemployment of youth

This information I have noted when attended the world conference.

To prevent this deterioration, we need to educate young generations and health professions on an issue of health and global citizenship...projected by WHO, WFOT, and UNESCO (2006)

Hope this is helpful information...nice and creative question krab my dear friend...

Good night from Perth to Pai...krab.

พี่ชายขอบ

ขอบคุณพี่ผ่านทางบันทึกนี้ครับ...เข้าใจว่างานพี่คงหนักด้วยครับช่วงนี้ ผมเลยไม่ได้ปรึกษาพี่อีกหลังจากนั้น

อีกอย่างเห็นบอกว่า "ชาๆ" และผมคิดว่าคง "ชิน" แล้วนะครับพี่ (แซว) 

เท่าที่ผมลองนั่งคิดดู ก็เลยมานั่งเขียนบันทึก และอยากให้ผู้ที่เข้ามาอ่านเติมด้วย

ขอบคุณพี่มากครับผม..... 

Sawasdee From Pai to Perth ครับอาจารย์Pop

นอกจากผมจะได้รับความรู้ที่ใหม่ๆ ที่มาต่อเติมจากอาจารย์แล้ว ผม ยังได้เรียนรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษอีกด้วย

แนวโน้มที่จะเกิดกับโลก ตามที่อาจารย์ได้เขียนมา เป็นไปตาม การวิเคราะห์ของนักการสาธารณสุข ซึ่งดูแล้วเป็นไปตามที่ผมบันทึกไว้นะครับ

เกิดจาก อสมดุล หรือ Imbalance  ที่นับวันจะปรากฏเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ

ขอบคุณสำหรับข้อคิดเห็น และมิตรภาพ ระหว่างเพื่อนสู่เพื่อนครับ

 

  • พี่มองว่าโรคที่เกิดจากพยาธิสภาพทางสังคม  จะมีความน่ากลัวทีสุด และแก้ปัญหาได้ยากที่สุด เพราะมันเป็นมะเร็งร้ายของสังคม
  • น้องเอกลองดูพาดหัวข่าวทุกวันนี้ซิคะ มีแต่ความโหดร้ายเรื่องการฆ่าฟัน จี้ปล้น ข่มขืนและฆ่า
  • ทางที่พอจะทุเลาได้ต้องใช้ทางธรรมช่วยแต่พอเห็นข่าวบัดสีของพระแล้วก็ปลงอีก
  • เฮ้อ....จะหันไปพึ่งทางไหนละจ๊ะ นอกจากพึ่งตัวเอง
  • แย่ ..จัง ทำไมวันนี้มองโลกในแง่ร้ายนะ...ต้องโทษน้องเอกที่ทำให้เราคิดมาก

ขอบคุณพี่เล็ก ศุภลักษณ์มากครับ

ไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายหรอกนะครับ เรียกว่าเป็นการมองโลกตามความเป็นจริงต่างหาก

อนาคตศาสตร์ ทำให้เราได้มองเห็นปัญหาที่จะเกิดขึ้น แม้ว่าอาจจะจริงหรือไม่ขนาดไหน ก็ทำให้เราวางแผนป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้

นับวันปัญหาด้านสุขภาพจะพิศดาร ซับซ้อนมากขึ้นทุกที บุคลากรสาธารณสุข ควรที่จะศึกษา วิจัยเพื่อให้เข้าใจปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้

ขอบคุณครับ  ที่มาช่วยเติมครับ

ขณะนี้ WHO กำลังผลักดันยุทธศาสตร์ Social Determinants of Health ก็คือว่า บทบาทของสภาวะทางสังคมเศรษฐกิจ(Socioeconomic factors) เป็นปัจจัย "ปฐมฐาน"(Root Cause) หรือสาเหตุ รากเหง้า ทำให้สภาวะสุขภาพ การเจ็บป่วย หรือตาย แตกต่างกัน(Inequality in Health Status)ซึ่งกำลังมี Evidence Base เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เมือง Alberta, Canada มีการประมาณการกันว่า ปัจจัยทางสังคมเศรษฐกิจนี้ มีอิทธิพลสูงถึง > 50%

หลายคนคิดว่า โรคไร้เชื้อเรื้อรังมักจะเกิดกับคนที่มีฐานะดี แต่ในสภาพความเป็นจริงแล้ว กลับพบว่า คนที่เจ็บป่วยด้วยโรคเบาหวาน ความดัน กลับเป็นคนที่ชั้นกลาง ถึงยากจน ยิ่งคนยากจนด้วยแล้ว ยิ่งต้องแบกรับภาระโรคเหล่านี้

คนที่แบกรับภาระโรคไม่ใช่รัฐบาล / สังคมเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึง คนคนนั้นด้วยที่ต้องแบกภาระโรคของตัวเองไปตลอดชีวิต

ไม่ว่า แบบแผนสุขภาพ สภาวะทางสังคมเศรษฐกิจ ประชากร ระบาดวิทยา หรือนโยบายของรัฐ การเมือง วัฒนธรรมฯลฯ จะเปลี่ยนแปลงไปไปอย่างไรก็ตาม แต่คนที่ได้รับผล ได้รับเคราะห์กรรมมากที่สุด คือ คนที่อยู่ชั้นล่างสุดของ "บันไดทางสังคม" เสมอ

ในสหภาพยุโรป(EU) เขาถือว่า ความไม่เสมอภาคทางสุขภาพ เป็น Key Issue ของระบบสุขภาพ

ยุทธศาสตร์ดังกล่าว จะช่วยแก้ไขปัญหาที่ "เอาโรค" เป็นตัวตั้ง มาเป็นใช้สังคมเป็นตัวตั้ง ที่ต้องการ Integrative Approach ซึ่ง จะแก้ปัญหาสุขภาพ โดยผ่าน นโยบายสาธารณะ ทั้งทางสุขภาพ เศรษฐกิจ การเมือง และสังคม เรียกได้ว่า ต้องถึงขนาดกับการ ปรับเปลี่ยนระบบในเชิงโครงสร้างทางสังคมกันใหม่หมดเลย ซึ่ง

เรื่องราวทั้งหมดนี้ กลายเป็นประเด็นถกเถียงกันในการประชุมส่งเสริมสุขภาพโลก ที่กรุงเทพ

ทาง WHO ได้จัดตั้ง Comission on Social Determinants of Health ขึ่นมา ซึ่งมี Sir Pro. Micheal Marmot เป็นประธาน รวมถึง Amartya Sen นักเศรษฐศาสตร์สังคม เจ้าของรางวัล Nobel เป็นกรรมการคนสำคัญ ซึ่งมี Website ให้สามารถสืบค้นข้อมูลได้โดยละเอียดครับ

http://www.who.int/social_determinants/en/

หรือหากสนใจ ลอง ค้นใน google.com โดยใช้ Key Word "Social Deteminants of Health .pdf" เราจะได้รับข้อมูลเรื่องเหล่านี้ได้เพิ่มมากขึ้นครับ

ขอบคุณรายละเอียด ข้อเสนอแนะของพี่ชัยณรงค์ ครับ

ขอบคุณสำหรับกำลังจากคุณ Jom ครับ

อยู่ในแวดวงการศึกษาด้านสุขภาพส่วนหนึ่ง จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ขออนุญาตมองประเด็นปัญหาการพัฒนาสุขภาพคนไทย สิ่งหนึ่งที่คิดว่า เป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ก็คือ การมองคำว่า สุขภาพ ที่ต่างกัน ระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐ และชาวบ้าน เมื่อมุมมองและความเข้าใจที่ตางกัน มุมการคิดก็ต่างกัน สิ่งนี้ส่งผลอยางใหญ่หลวง ต่อการแก้ปัญหาสุขภาพ ของกลุ่มคนทั้ง๒ ฝ่าย เจ้าหน้าพยายามเดินบอกชาวบ้านให้มองเห็น "สุขภาพ " คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ต้องทำทุกเรื่องที่เกี่ยวกับสุขภาพ สุขภาพที่เห็นเป็เร่องใหญ่โตที่สุดในชีวิต และเป็นสิ่งที่ดี แต่ชาวบ้าน มองเห็นสุขภาพที่อยู่ภายใต้ชีวิต บางครั้ง บางขณะของชีวิต มองไม่เห็นเรื่องของสุขภาพ ด้วยซำ บางครั้ง ภายใต้ชีวิต " คำว่าสุขภาพ" ต้องเก็บไว้ก่อนด้วยซำ ชีวิตต่างหาก มันมาก่อนสุขภาพ ถามว่า เจ้าหน้าที่รัฐ เข้าใจตรงนี้หรือไม่ เข้าใจว่า ชาวบ้านมองคำว่า สุขภาพ ต่างจากตนเอง ที่พยายามเดินบอกให้ชาวบ้าน เข้าใจและมองเห็นเช่น เจ้าหน้าที่ เมื่อมองต่างกัน พฤติกรรมที่แสดงออกมาก็ต่างกัน ประสบการณ์ของตัวเองก็คือ นักศึกษาไปแนะนำชาวบ้านให้หยุดยาชุด เพราะมันเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ...ชาวบ้านนั่งฟังจนจบ แต่สุดท้าย ยายถามคำเดียวว่า " อาจารย์ อาจารย์มีเงินให้ยายวันละ ๑๒๐ บาทมั๊ย? ถ้ามียายจะเลิกกินยาชุดให้ " คำตอบบอกเราว่า คำว่า สุขภาพ ภายใต้ชีวิตของยายเล็กนิดเดียวจนแทบมองไม่เห้น แต่ในขณะที่เราเที่ยวพยายามไปบอกให้เขามองสุขภาพให้เเร่องใหญ่โตมาก สำคัญที่สุดในชีวิต ซึ่งไม่ใช่ ประเด็นก็คือถ้าเจ้าหน้าที่ยังมองไม่เห็นตรงนี้ การแก้ปัญหาสุขภาพของคน(ไทย) ก็ไปไหนไม่ได้ ก็ยังทำกันแบบเดิมๆ

ท้าพิสูจน์ ลดจริง สวยจริง พร้อมทั้งดูแลรักษาสุขภาพ ได้ผลลัพท์ 100%

มาดูสูตรลดน้ำหนัก หน้าใส ลดน้ำหนักไว 3 กิโลใน 7 วัน ปลอดภัยไม่โยโย่ค่ะ!! ลดน้ำหนักกระชับจุดซ่อนเร้น ผิวขาว หน้าใส ต้นแขน เรียวขา หน้าท้อง เซลลูไลท์ ลดไว 8-10 กิโล ใน 3 สัปดาห์ อยากให้คุณท้าพิสูจน์ หรือใครเคยหาวิธีลดน้ำหนักมาหลายที่แต่ไม่ได้ผลฟังทางนี้นะคะ อั้มกินแป๊ปเดียวลดไปตั้ง 8 กิโล รอบเอวลดแบบเห็นๆเลยค่ะ กินประมาณ 25 วันเองค่ะ ลองดูค่ะ!! 10 กิโล กินแค่เดือนเดียวเองค่ะ ไม่ซูบ ไม่เหี่ยว ไม่หย่อนยานด้วยนะคะ กลับดูเปล่งปลั่งสุขภาพผิวพรรณสดใสซะด้วยซ้ำ ของเค้าดีมากๆเลยค่ะอันนี้ขอบอก โทรมาคุยกับนะคะ 086-3213983, 085-6157814 ติดต่อ อั้มค่ะ หรือลองเข้าไปดูคนที่ได้ผลลัพธ์จากการใช้ผลิตภัณฑ์ และศึกษาข้อมูลได้ที่เว็บไซต์นี้ค่ะ ===> http://dtox2slimup.igetweb.com

สวยใส ฉลาดได้ทำงานที่บ้าน สนมั้ยเชิญทางนี้

รับสมัครพนักงานเพิ่มจำนวนหลายอัตรา เพื่อรองรับการเปิดบริษัทและขยายสื่อโฆษณา ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตออนไลน์ สามารถทำงานที่บ้าน รับทั้ง part time (ทำงาน2-3ชม.) full time (ทำงานตั้งแต่ 8 ชม.ขึ้น) รายได้ขึ้นกับความสามารถเฉพาะบุคคล+ความขยัน คุณสมบัติผู้สมัคร มีอายุ 15-60 ปี, สามารถใช้อินเทอร์เน็ต และ Microsoff office ได้, อ่าน พูด เขียนภาษาไทยได้, ไม่จำกัดวุฒิการศึกษา, มีนุษยสัมพันธ์ที่ดี ศึกษาโทรสอบถามรายละเอียดได้ที่ 086-3213983, 085-6157814 ติดต่อ อั้มค่ะ หรือจะศึกษาข้อมูลได้ที่เว็บไซต์นี้ค่ะ ===> http://dtox2slimup.igetweb.com

เรียน อาจารย์เอก

ยินดีที่ได้เห็นบทเขียนอีกคร้ัง ติดตามอยู่ครับ ยังไม่ม่ีความเห็น แต่มีความจริงใจครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท