จำเป็นต้องเล่าต่อ เพราะเกินปีหนึ่งแล้วที่ไปญี่ปุ่นมาครั้งล่าสุด รวมกับครั้งก่อนโน้น ทั้งสองฤดูกาลคือ ซากุระบาน และ ใบไม้เปลี่ยนสี ก็ยังเล่าไม่จบ สมาชิกบ่นว่าเล่าให้จบๆเสียทีจะรวมเล่มเป็นหนังสือทำมือส่งต่อให้อ่านกันได้ไม่ขาดช่วง
จาก เมืองคานาซาวา จุดหมายปลายทางต่อไปของเราก็คือ เมืองฮิโรชิมา
ญี่ปุ่นเป็นทั้งมหามิตรและตัวอย่างที่ดีในการที่เตรียมพร้อมในการรับมือกับภัยพิบัติ รวมทั้งการที่ชาวญี่ปุ่นมีคุณสมบัติที่น่าชื่นชมในการฟื้นตัวได้อย่างดีเหลือเชื่อหลังภัยพิบัติ ซึ่งแต่ละครั้งก็รุนแรงช็อคโลกทั้งนั้น
ดังนั้นการคุยเรื่องเที่ยวฮิโรชิมาในช่วงที่บ้านเมืองของเราได้เผชิญภาวะน้ำท่วมที่คนสมัยนี้พากันเรียกว่าเป็นมหาอุทกภัย และตอนนี้เรากำลังเร่งฟื้นฟูหลังน้ำค่อยๆไปตามทางของเขา จึงน่าจะเหมาะสม เป็นทั้งตัวอย่างและกำลังใจให้คนไทยเห็นว่าหลังความพินาศ เราสามารถฟื้นฟูใหม่ได้ดีกว่าเดิมทั้งด้านวัตถุและด้านจิตใจ เพราะผู้มีสติ-ปัญญา ย่อมหาทางแก้ไขหรือสร้าง เหตุ-ปัจจัยใหม่ ไม่ให้พบความพินาศเดิมๆซ้ำซาก
ฮิโรชิมาเป็นเมืองที่รู้จักกันไปทั่วโลกในฐานะที่เป็นเมืองแรกที่ถูกถล่มด้วยระเบิดปรมาณูลุกแรกของโลก
เมื่อปลายสงครามโลกครั้งที่ ๒ วันจันทร์ที่ ๖ สิงหาคม ค.ศ. ๑๙๔๕ (พ.ศ. ๒๔๘๘) เวลาเช้า ๘.๑๕ นาฬิกา เครื่องบินทิ้งระเบิด B-29 ของอเมริกาได้นำ ระเบิดปรมาณูที่ได้รับการตั้งชื่อว่า “Little Boy” ทิ้งลงที่เมืองฮิโรชิมา
มันสว่างวาบเป็นลูกไฟอันร้อนแรง มีผู้คนล้มตายทันทีราวแปดหมื่นคน ตึกรามบ้านช่องในเมืองถูกทำลายเป็นธุลีเกือบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ เมื่อถึงปลายปีรวมยอดผู้เสียชีวิตจากการบาดเจ็บและจากกัมมันตภาพรังสีสูงถึงเกือบสองแสนคน!
ข้อมูลบอกว่าวินาทีที่อำนาจการทำลายร้างพุ่งถึงจุดสูงสุด อุณหภูมิโดยรอบตำแหน่งที่ระเบิดลงจะพุ่งสูงขึ้นเท่ากับอุณหภูมิบนพื้นผิวดวงอาทิตย์ แน่นอนสรรพสิ่งรอบๆต้องกลายเป็นจุณในพริบตา
“...มันเหมือนแสงสว่างจ้าที่เกิดจากการลุกไหม้ของแมกนีเซียม...ตอนแรกพวกเราคิดจะหนีไปที่ลานโล่ง แต่ทำไม่ได้ เพราะจู่ๆก็มีทะเลเพลิงปรากฏขึ้นตรงหน้า...ฮิโรชิมาถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิง มันร้อนไปหมด ร้อนจนเราหายใจแทบจะไม่ออก ยังไม่ทันไร กลุ่มเพลิงสายหนึ่งก็ม้วนตัวบิดเป็นเกลียวโถมเข้ามาหาเราจากทางทิศใต้ เหมือนพายุทอร์นาโดลูกใหญ่ปิดถนนมิดไปทั้งสาย ไม่ว่าเปลวไฟจะลามเลียไปถึงไหนหรือเมื่อใด สรรพสิ่งก็มอดไหม้ไปในพริบตานั้น ...ทะเลเพลิงที่กลืนกินถนนทั้งสายกำลังตรงเข้ามาหาเรา...แล้วสักประเดี๋ยวฝนก็เริ่มตก เปลวไฟและควันไฟทำให้พวกเราคอแห้งผาก กระหายน้ำเหลือเกิน... พอฝนตกผู้คนก็อ้าปาก แหงนหน้าขึ้นหาท้องฟ้าพยายามจะดื่มน้ำฝนเข้าไป อนิจจา...มันเป็นฝนเม็ดใหญ่ สีดำสนิท"
ทาคากุระ อากิโกะ
๓๐๐ เมตร จากเขตหายนะ
(จากหนังสือ หน้าต่างสู่โลกกว้าง : ญี่ปุ่น หน้า ๓๐๐)
น่าแปลกที่ตำแหน่งที่ระเบิดลงคือ หอส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือที่เรียกว่า เก็มบากุโดมุ หรือ อะตอมมิกโดม เป็นหนึ่งในอาคารไม่กี่หลังที่เหลืออยู่ในสภาพตั้งตรงได้ ทว่ายอดโดมก็เหลือแต่โครงเท่านั้น
ซากอาคารนี้เป็นสิ่งเตือนให้จดจำถึงความน่าสะพรึงกลัวของระเบิดปรมาณูและ เป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ และได้รับการขึ้นทะเบียนโดยองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก World Heritage
ที่ชาติพันธมิตรต้องตัดสินใจเลือกการใช้ระเบิดปรมาณูก็เป็นเหตุผลทางการเมือง-การทหาร จึงใช้อาวุธที่ให้ความได้เปรียบสูง
ที่เลือก ฮิโรชิมา เป็นเป้าในการทิ้งระเบิดปรมาณูลูกแรก ก็เพราะ ฮิโรชิมาเป็นเขตุอุตสาหกรรมและคลังสรรพาวุธสำคัญของกองทัพญี่ปุ่น ที่จริงฮิโรชิมามีความสำคัญทางการทหารมายาวนานหลายร้อยปีก่อนที่จะเกิดสงครามโลกครั้งที่สองเสียอีก
หลังสงครามสิ้นสุด ชาวเมืองฮิโรชิมาสามารถสร้างเมืองที่ป่นเป็นเถ้าธุลี ให้ฟื้นชีวิตขึ้นมาใหม่ ใหญ่โต รุ่งเรือง และมั่งคั่งกว่าเดิม แถมยังพลิกภาพเมืองให้กลายเป็น เมืองแห่งสันติภาพ City of Peace ซึ่งรัฐสภาญี่ปุ่นได้ตกลงประกาศในปี ค.ศ. ๑๙๔๙ ตามการริเริ่มผลักดันของนายกเทศมนตรีเมืองฮิโรชิมาในสมัยนั้น
ต้องชมเชยว่านักการเมืองท้องถิ่นของเขามีคุณภาพ มีวิสัยทัศน์ระดับชาติ/นานาชาติ
การที่ญี่ปุ่นผลักดันให้ฮิโรชิมาเป็น เมืองแห่งสันติภาพ อย่างเป็นทางการทำให้นานาชาติให้ความสนใจที่จะใช้ฮิโรชิมาเป็นสถานที่จัดการประชุมในเรื่องเกี่ยวกับสันติภาพและประเด็นทางสังคม
ชาวญี่ปุ่นเขาทำอะไรทำจริง ไม่ใช่ตั้งชื่อไว้แค่ให้ดูดี ในปี ค.ศ. ๑๙๙๒ เขาจึงจัดตั้งสิ่งที่จะรองรับการประชุมนานาชาติ นั่นคือ สมาคมนักแปลและมัคคุเทศก์แห่งฮิโรชิมา Hiroshima Interpreters' and Guide's Association (HIGA)
ต่อมาในปี ๑๙๙๘ สถาบันสันติภาพฮิโรชิมา Hiroshima Peace Institute ได้ถูกตั้งขึ้นในมหาวิทยาลัยฮิโรชิมา
มีความริเริ่มในการสถาปนาองค์กรระดับนานาชาติที่นายกเทศมนตรีเมืองต่างๆทั่วโลกเป็นสมาชิก ชื่อว่า Mayors of Peace และ นายกเทศมนตรีเมืองฮิโรชิมาเป็นประธานขององค์กรนี้ องค์กรนี้กำลังทำงานแข็งขันรณรงค์ให้เมืองและพลเมืองทั่วโลกช่วยกันต่อต้านกำจัดอาวุธนิวเคลียร์ให้หมดไปภายในปี ๒๐๒๐
อุตสาหกรรมที่พลิกโฉมหน้าเมืองฮิโรชิม่าอย่างโดดเด่นที่สุด คือ อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์มาสด้าที่ใช้ระบบการผลิตโดยหุ่นยนต์ ควบคุมโดยคอมพิวเตอร์เป็นหลักนับว่าเป็นแห่งแรกๆของญี่ปุ่น
เห็นได้ว่าทุกภาคส่วนในระดับท้องถิ่นเป็นผู้ริเริ่มการลุกขึ้นมามีส่วนร่วมในการฟื้นฟู ฮิโรชิมา อย่างเอาจริง
ดอกยี่โถ (ภาพจาก Wikipedia)
ดอกไม้ประจำเมืองฮิโรชิมา คือ ดอกยี่โถ Nerium oleander เพราะเป็นดอกไม้ที่ผลิให้เห็นเป็นชนิดแรกหลังจากเมืองถูกถล่มด้วยระบิดปรมาณู จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งชีวิตที่งอกงามใหม่ได้อีกครั้งหลังหายนะ
ตอนหน้าจะพากันไปชม พิพิธภัณฑ์และสวนอนุสรณ์สันติภาพ แห่งฮิโรชิมาค่ะ
ใบไม้สีสันสวยงามมากๆ ค่ะพี่นุช
ความเอาจริงเอาจังของคนญี่ปุ่นพลิก ฮิโรชิมา อวดสายตาชาวโลก ได้อย่างภาคภูมิ
ขอบคุณบันทึกเรื่องเล่า เกร็ดความรู้ใหม่ค่ะ
ปล. โอ นึกถึงน้ำพริกมะดันแล้ว เปรี้ยวปากในบัดดลค่ะพี่นุช
ที่ชาติพันธมิตรต้องตัดสินใจเลือกการใช้ระเบิดปรมาณูก็เป็นเหตุผลทางการเมือง-การทหาร จึงใช้อาวุธที่ให้ความได้เปรียบสูง
อ่านบันทึกของพี่นุชแต่ละครั้ง ได้ความรู้ เพลิดเพลิน ภาพสวย แฝงนัยในภาพแต่ละภาพ
หากบันทึกนี้ โดยเฉพาะบรรทัดที่คัดลอกลงมา อ่านแล้ว กระชากใจ ขนลุก
การตัดสินใจเลือก หรือการเลือกตัดสินใจของคนกลุ่มหนึ่ง อาจเปรียบได้ว่า หยิบมือหนึ่งเมื่อเทียบกับมวลมนุษยชาติในฮิโรชิมา
เป็นการเลือกที่ ไม่เลว ได้ผลเด็ดขาด..
หากโหดร้ายเหลือ เลือดเย็น
หวนคำนึงถึงคำสอนในหนังสือธรรมค่ะ
"เราต้องไตร่ตรอง และเลือก ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวก่อน ว่า เราเลือกที่จะเป็นคนดี ใฝ่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ไปสู่ชาติภพหรือหลุดพ้นไป(ไหน ๆ ก็ยังไม่รู้จัก)ในสภาวะดี"
อ่านเรื่องเบา ๆ อิงประวัีติศาสตร์ โผล่ไปเรื่องนี้ได้อย่างไรไม่ทราบ แต่อยากบันทึกความคิดเห็นไว้แบบนี้ค่ะ
ขอโทษไว้ด้วยค่ะพี่นุช
คิดถึงมากนะคะ ใกล้ได้เวลานัดพบ หวังใจได้พบพี่นุชพี่สาวแสนดี เร็ว ๆ นี้ค่ะ
สาระเข้มข้น ภาพแจ่มชัดสวยงาม
น่าติดตามอ่านต่อไป ....
อีกแล้วค่ะอาจารย์
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณเรื่องราวเมืองฮิโรชิมาพร้อมภาพสวยงามมากค่ะ ดานำภาพ สวนอยุธยามาฝาก จะมาแอ่วพืชสวนโลกหรือเปล่าค่ะ
...
ขอจองหนังสือพี่นุชหนึ่งเล่ม
จักขอเม้มหนังสือเอาไว้ก่อน
จัดทำเสร็จเมื่อใดตาเว้าวอน
หนึ่งเล่มก่อนถึงเชียงใหม่คนไกลรอ
...
ขอบคุณมากครับพี่นุช ;)...
เป็นอีกบันทึกที่ให้ทั้งความรื่นรมย์จากภาพสวยๆ พร้อมถอดบทเรียนสำหรับนำมาใช้ในบ้านเราได้พร้อมๆ กันเลยค่ะ :-)
..
ตอนนี้เรากำลังเร่งฟื้นฟูหลังน้ำค่อยๆไปตามทางของเขา จึงน่าจะเหมาะสม เป็นทั้งตัวอย่างและกำลังใจให้คนไทยเห็นว่าหลังความพินาศ เราสามารถฟื้นฟูใหม่ได้ดีกว่าเดิมทั้งด้านวัตถุและด้านจิตใจ เพราะผู้มีสติ-ปัญญา ย่อมหาทางแก้ไขหรือสร้าง เหตุ-ปัจจัยใหม่ ไม่ให้พบความพินาศเดิมๆซ้ำซาก
...
น่าสนใจว่า แทนที่ชาวญี่ปุ่นจะมองซากหักพังที่ฮิโรชิมา เป็นการย้ำความพ่ายแพ้ น่าอับอาย แล้วลบล้างไป กลับเก็บไว้ในสัญลัษณ์เชิงบวก..อุปนิสัย ยอมรับความผิดพลาดอย่างซื่อตรง แล้วแปลงเป็นพลังสร้างสรรค์ นี่กระมังที่ทำให้เขาพลิกโอกาสเป็นวิกฤต
ÄÄÄ..สวัสดีค่ะ คุณนุช..พลังงาน.นิวเคลีย.อุแม่เจ้า...(ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว..เคยคุยกับท่านผู้รู้จากเมืองไทยไปดูงานต่างประเทศ(เยอรมัน)..ตอนนั้นเราๆยังไม่ประสีประสาเท่าใดนัก..เรื่องนี้..ท่านผู้นี้มีความคิดจะสร้าง..โรงงานไฟฟ้านิวเคลียในประเทศไทย..เราจึงถามท่านว่า.".ที่ทราบมาว่ามันมีประโยชน์ไม่เท่าเสีย..คิดว่าไม่ควรใช้พลังงานนี้ในประเทศไทย"..(ซึ่งประเทศเราเป็นได้แค่ผู้ใช้และมักจะถูกเอาเปรียบ..โดยเฉพาะ..ท่านเหล่านั้นมักจะไปซื้อ..ของเก่า..ของเสีย..มาให้ประเทศใช้เพราะคงถูกกว่าและ..คิดเงิน..คอรัป..ได้รวดเร็วกว่า..อิอิ)..ท่านผู้นั้น..ตอบพวกเราว่า..หนูๆทั้งหลาย..คงจะมีความกลัว"นิวเคลีย"..แบบ..กลัวผี..ใช่ไหมจ้ะ..ตอบแล้ว..ยิ้มให้ซะด้วย..แถมบอกต่อว่า..หนูๆคงไม่เคยเห็น"ผี"..แล้วจะต้อง"กลัว"ไปทำไม..อ้ะ(ว่าเข้าไปนั่น...แล้ววันนี้.".ผี.".มันเริ่มมาปรากฏ.ตัวให้เห็นแล้วไหม..ล่ะ..)..อ่านเื่รื่องนี้ของคุณนุช..เลยคิด..ถึงวันนั้น..ขึ้นมา..ผ่านมา.เกือบ..สี่สิบปี..เหตุการณ์เหล่านี้ผลพวงของความไม่รู้จริงรู้แจ้ง..ของนักวิทยาศาร์ต..กำลังปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่อง..จึงมาเล่าเป็นอุทาหรณ์ ต่อ ในเรื่องนี้..และหวังว่า.."คนไทย..ผู้ น่าสงสาร..คงจะไม่ตกเป็นเหยื่อ..ของผู้หวังประโยชน์ทั้งทางตรงทางอ้อม"...นำ..พลังงานชนิดนี้..เข้าประเทศไทยที่น่าสงสารของเรา..เรื่องอย่าให้จมน้ำก็..หนักอยู่แล้ว..แถมถ้า..โปรแจคเหล่านี้..รอดหูรอดตา..คลอดก่อนกำหนดได้ละก็..อ่านเรื่องของคุณนุชแล้ว..คงจะเห็นภาพเมืองไทยในอนาคตได้..แจ่มแจ้งแดงแจ๋ทีเดียว..เจ้าค่ะ..(เห็นการกำจัดขยะซึ่งแปดเปื้อนรังสีของญี่ปุ่น..เป็นภูเขาเลากา..เขายังไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรกับมัน..นึกถึง..ขยะ..ความศิวิำไลก์ในเมืองไทย..หลังน้ำท่วม..ที่มีแต่ความหมักหมม..คง..ค้างปี..แน่ๆเชียว..ทั้งๆที่คงจะแก้ปํญหาได้ง่ายกว่า..ของญี่ปุ่น..นะเจ้าคะ..ยายธีค่ะ
สวัสดีค่ะพี่นุช
ขอบคุณค่ะที่แบ่งปัน ^____^
ขอบคุณสำหรับ เรื่องราวดีๆค่ะ
มาส่งความสุขด้วยปฏิทินชุด "รอยยิ้มของพ่อ" ค่ะ
สวัสดีค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยม มาเยือน มาอ่าน มาให้กำลังใจ อินเทอร์เน็ตไม่เป็นใจมาเกือบอาทิตย์ เพิ่งแก้ปัญหาได้เมื่อวาน ดีใจจริงๆค่ะที่จะได้มาร่วมรับ-ส่งความสุขกันช่วงจะเริ่มศักราชใหม่
ขอมอบภาพกุหลาบงามนามว่า ที่รักของฉัน Mon Cheri จากสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ให้ชื่นบานกันด้วยค่ะ
ขออนุญาตลงเรื่องที่เตรียมไว้หลายวันแล้วจะกลับมาตอบแต่ละท่านนะคะ
เคยมีแฟนเก่าเป็นหนุ่มฮิโรชิม่าด้วย > o < นานจนลืมไปแว้ว พึ่งมานึกได้เพราะบันทึกพี่นุช