โดยปกติผมจะปั่นจักรยานวันเว้นวันถ้าฝนไม่ตกมาก และทุกวันอังคารผมจะปั่นจักรยานกับ อาจารย์ทันตแพทย์อารีย์ กาญจนประภาส ผู้เป็น “พี่ mate” เก่าแก่ตั้งแต่เรียนปริญญาตรีอยู่หอห้องเดียวกัน (แล้วจบมาเป็นอาจารย์ด้วยกันต่างคนต่างคณะ แล้วอยู่แฟลตอาจารย์ห้องใกล้ๆ กัน แล้วก็มามีบ้านอยู่ไม่ห่างกันอีก)
ปกติเราจะปั่นใกล้บ้างไกลบ้างแล้วแต่อารมณ์และเหตุการณ์ในวันนั้นๆ แต่วันอังคารที่ผ่านมาหมออารีย์มาแปลก ชวนปั่นขึ้นเขาคอหงส์ที่เป็นที่ตั้งของเจดีย์ไตรภพไตรมงคล ที่จริงแล้วหมออารีย์เคยชวนก่อนหน้านี้แล้วครั้งหนึ่ง แต่ผมกลับชวนไปปั่นออกไปทางหลวงชนบทไปทางสงขลาเสีย เพราะยังไม่มั่นใจว่าตัวเองจะปั่นขึ้นภูเขาสูงอย่างนั้นได้อย่างไร เพราะผมเคยลองปั่นขึ้นไปแล้วเมื่อตอนต้นปีสองสามหนแต่ขึ้นไปได้สักนิดหน่อยก็หมดแรงต้องถอยกลับ
แต่วันอังคารที่ผ่านมาผมตกปากรับคำ ตั้งใจว่าจะลองดูสักทีว่าจะเป็นยังไงบ้าง อย่างมากก็จูงขึ้นไป
ปรากฎว่าตอนปั่นขึ้นตอนช่วงแรก หัวใจผมต้นจนแทบจะหลุดออกมาจากหน้าอก จนต้องลดเกียร์มาเหลือ 1-2 แล้วถึงพอปั่นไหว พอขึ้นไปได้สักเกือบกิโลเมตรผมก็บอกหมออารีย์่ว่าหยุดพักก่อน เลยได้ความรู้จากหมออารีย์ว่าถ้าจะปั่นด้วยเกียร์หน้าเกียร์สองขึ้นไปนั้น ต้องฟิตระดับนักแข่งถึงจะไหว ไ่ม่แปลกที่ผมไม่เคยปั่นขึ้นไปได้เลย
รู้อย่างนั้นผมเลยปั่นต่อด้วยเกียร์ 1-2 และลงมาเป็น 1-1 เวลาชันมากๆ สลับไปเรื่อยๆ ปรากฎว่าคราวนี้ปั่นได้ดีปั่นขึ้นไปได้เรื่อยๆ แม้จะช้าพอๆ กับคนเดินแต่ก็ไม่ได้เหนื่อยมากนัก อาศัยว่าต้องสลับขาให้เร็วทันกับเกียร์ที่วงเล็กเท่านั้นเอง
ผ่านไปอีกประมาณเกือบกิโลเมตร คราวนี้หมออารีย์เป็นคนชวนหยุดพักดูวิว แล้วเราก็ปั่นต่อจนถึงเจดีย์ในที่สุด
เราพักชมวิวที่เจดีย์อยู่พักใหญ่ แล้วก็ปั่นลง ขาลงนี่ไม่ต้องปั่นเลย แต่ต้องบีบเบรคให้ดี แล้วต้องคอยหลบหลุมบ่อต่างๆ ให้ได้ พลาดไม่ได้ทีเดียว เพราะแต่ละหลุมขนาดใหญ่ๆ ทั้งนั้น เนื่องจากถนนขึ้นเขาเป็นถนนของ ทศท. ที่ไม่จำเป็นต้องดูแลมากนัก แล้วฝนที่ตกก็ชะพื้นถนนเสียเยอะ ดังนั้นขาลงนี้น่าหวาดเสียวกว่าขาขึ้นมาก ลงได้ด้วยความเร็วไม่ได้มากกว่าขาขึ้นเท่าไหร่เลย
ในด้านติดภูเขาจากห้องผู้ป่วยที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ สิ่งก่อสร้างที่เห็นชัดคือเจดีย์ไตรภพไตรมงคล และสถานีส่งสัญญาณโทรทัศน์ช่องต่างๆ ที่อยู่บนเขาคอหงส์
ผมเคยขึ้นไปสถานีโทรทัศน์เพียงครั้งเดียวตอนสมัยมาหาดใหญ่ใหม่ๆ เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว สองปีที่แล้วผมบอกตัวเองจากห้องผู้ป่วยว่าจะขึ้นภูเขาอีกครั้งถ้าได้ออกจากโรงพยาบาล และหลังจากออกมาแล้วผมก็ได้เดินขึ้นเขาหลายครั้งจนไปถึงสถานีส่งโทรทัศน์ของทหารที่ไกลที่สุด
ผมกลับมาปั่นจักรยานทันทีที่ผมได้ออกจากโรงพยาบาล สำหรับผมจักรยานเหมือนเพื่อนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก ผมปั่นมาเรื่อยๆ จากปั่นได้วันละไม่ไกลมากนัก จนเริ่มไกลขึ้นตามกำลัง และมีวันเว้นสำหรับให้ขาพักผ่อนบ้าง แม้ใจจะอยากปั่นทุกวันก็ตาม
ก่อนหน้านี้ผมไม่รู้ว่าผมปั่นจักรยานเป็นระยะทางเท่าไหร่ต่อวันเพราะเครื่องวัดระยะทางเสีย จนผมซื้อเครื่องวัดระยะทางในการปั่นจักรยานใหม่เมื่อวันที่ 22 ธันวาคมปีที่แล้ว และเมื่อวันที่ 13 ธันวาคมปีนี้วันที่ผมปั่นขึ้นเขาคอหงส์ ตัวเลขกิโลเมตรสะสมในเครื่องวัดระยะทางนี้คือ 2,147 กิโลเมตร
แม้จะใกล้เพียงตามองเห็น แต่ 2,147 กิโลเมตรคือระยะทางจากห้องผู้ป่วยถึงเจดีย์ไตรภพไตรมงคลบนเขาคอหงส์ครับ
ว่าจะเริ่มออกกำลังกายเหมือนกันครับ
จักรยานนี่ น่าสนใจครับ ;)...
สวัสดีค่ะ
ดีใจจัง ที่ได้อ่านบันทึกนี้
ขอให้อาจารย์มีสุขภาพดีเช่นนี้ตลอดไปนะคะ
มาเยี่ยมและหาวิธีถีบทางไกลครับ
- นักศึกษาเคยได้อาศัยร่ม
- เรียนอบรมค้นคว้าวิชาเพิ่ม
- ร้อนอารมณ์ร้อนดินฟ้าร้อนค่าเทอม
- ร้อนนี้เริ่มรุกไล่ไร้ปรานี
อิจฉาอาจารย์ธวัชชัยที่ได้ปั่นจักรยาน และชื่นชมที่ปั่นได้อย่างต่อเนื่อง ไม่น่าเชื่อนะคะว่าปั่นได้หลายพันกิโลเมตร
คิดถึงอาจารย์มาตั้งแต่ วันเสาร์ที่ผ่านมา พึ่งพิมพ์เสร็จค่ะ เตรียมไว้แล้วพรุ่งนี้ ถึงจะขึ้นบันทึก
เจดีย์สวยนะคะ ปั่นจักรยานเป็นการออกกำลังอย่างดีมาก สองพันกว่ากิโลแล้ว ก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ
สวัสดีครับ อาจารย์
ยินดีด้วยครับ 2000 กว่า กม ใน 1 ปี ไม่ใช่น้อยนะครับ
ขอบคุณมากครับ
อาจารย์ปั่นจักรยานเยอะๆ ตรงหว่างขาถูกนวดบ่อยๆ จะมีผลกระทบต่อการมีน้องให้น้องต้นไม้มั้ยครับ