สุขภาพหรือชีวิตคือสมบัติชิ้นแรกที่ต้องดูแลรักษา หากสมบัติชิ้นนี้หายไปทุกอย่างย่อมไร้ค่า และขอแนะนำว่าตราบใดที่เราท่านทั้งหลายยังต้องทำมาหากินเพื่อให้สามารถดำรงค์อยู่ต่อไปได้ จึงขอแนะนำว่า..
เราควรสร้างสมดุลย์ของชีวิตให้ดีทั้งสี่มิติคือ
มิติที่หนึ่งคือ งาน คนทุกคนต้องมีงาน จะเป็นงานส่วนตัว เป็นลูกจ้างบริษัทฯ ห้างร้าน หรือเป็นข้าราชการก็ตาม ถือเป็นมิติที่คนควรต้องมีมากหน่อย เพราะเป็นภาคที่นำมาซึ่งรายได้
มิติที่สองคือ ส่วนตัว คนทุกคนอาจมีมุมความเป็นส่วนตัวเล็กๆ เอาไว้ซึ่งมิตินี้อาจเป็นมิติที่ไม่เปิดเผยให้ใครรู้..ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทหรือคนที่รักที่สุดก็ตาม อาจเป็นมิติที่เก็บไว้คนเดียวตลอดไป
มิติที่สามคือ ครอบครัว คนทุกคนต้องมีมิตินี้ ทุกคนที่เกิดมาย่อมมีผู้ให้กำเนิด มีผู้เลี้ยงดูหรืออาจมีพี่น้องมากบ้างน้อยบ้างก็สุดแล้วแต่บุคคล ชาวตะวันออกมักเป็นครอบครัวใหญ่ หัวหน้าครอบครัวมักมีอิทธิพลต่อคนในครอบครัวแม้จะเป็นเรื่องส่วนตัวก็ตาม แต่ก็มีความอบอุ่น ส่วนชาวตะวันตกมักจะเป็นครอบครัวเดี่ยว มีลูกฉัน ลูกเธอ และลูกเรา
มิติที่สี่คือ สังคม คนหรือมนุษย์เป็นสัตว์สังคม รวมกันอยู่เป็นกลุ่ม เป็นชุมชน เป็นเผ่า มีภาษาและวัฒนธรรมเป็นของตน เช่น สังคมไทยเป็นสังคมอุปถัมป์ อยู่แบบต่างตอบแทน เป็นสังสังคมที่มีความเป็นส่วนตัวสูง แนวคิดที่เป็นสาธารณะมีน้อย มีตัวเองและพวกเป็นที่ตั้ง ประโยชน์ตนหรือพวกมาก่อนส่วนรวม เป็นสังคมขี้อิจฉา หน้าใหญ่ ใจน้อย ด้อยวินัย ไม่ค่อยยอมรับความจริง (ชอบโกหก)
เราท่านทั้งหลายจึงควรบริหารชีวิตให้ดีทั้งสี่มิติอย่าสุดโต่งไปมิติใดมิติหนึ่งมากจนเกิดไป ท่านจะหาความสงบสุขไม่ได้ เช่น ถ้าชีวิตท่านเกิดมามีแต่งาน งาน งาน งาน ถามหน่อยเถอะท่านทำเพื่ออะไร? เพื่อจะได้มีเงินมากๆ จะได้มีความสุขหรือ!..สุขตรงไหน? เห็นคนมีเงินตั้งมากมายหลายคนไม่มี หลายอย่างท่คนอื่นเขามีกัน หรือถ้าชีวิตนี้ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอะไรกับใครทั้งนั้นข้าขออยู่กับตัวเองทั้งชีวิตแล้วมันได้อะไร? หรือสนใจครอบครัวอย่างเดียว เพื่อนฝุงไม่คบ สังคมไม่เกี่ยว ตัวเองก็ไม่สนใจดูแลแล้วมันได้อะไร? หรือสังคมจ๋าอย่างเดียวก็ไม่ไหวนะ ขอให้ท่านทั้งหลายจงตระหนักว่า การดำเนินไปของชีวิตนั้นมันต้องมีทั้งสี่มิติคละเคล้ากันไป เหมือนอิริยาบถทั้งสี่ คือ ยืน นั่ง นอน เดิน ต้องสลับสับเปลี่ยนกันไปมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่สถานะการณ์ ยืนอย่างเดียวคงไม่ไหว นั่งอย่างเดียวคงแย่ นอนอย่างเดียวคงยุ่ง หรือเดินอย่างเดียวก็ยิ่งหนัก ซึ่งแต่ละท่านแต่ละคนนั้นย่อมไม่เหมือนกัน ขอให้ท่านทั้งหลายจงบริหารชีวิตของท่านให้สมดุลย์ เช่นเดียวกับการบริหารอิริยาบถทั้งสี่ให้สมดุลย์แล้วชีวิตก็จะมีแต่ความสุข ที่สำคัญ สมบัติชิ้นแรกจะได้ไม่หายไปก่อนเวลาอันควรไงล่ะ..!
.