ขับรถเฉียดป่าช้าตอนเที่ยงคืน


มองไปข้างหลังมีแต่ความมืด อยู่ข้างเรามีใครนั่งอยุ่รึเปล่า บรื๋อ...

เมื่อคืน วันที่๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ประมาณห้าทุ่มเศษเกือบเที่ยงคืน

 กริ๊งๆๆ     กริ๊งๆๆ   "ช่วยขับรถยนต์มาหน่อย รถคันนี้แบตฯหมด"

                          " ให้ฉันข้ามภูไปเลยน่ะ"

                          " ก็ใช่น่ะ่สิถ้าไม่มาฉันก็กลับบ้านไม่ได้ แล้วจะไปรอรับที่ปากทาง"

    ผู้เขียนได้รับโทรศัพท์จากพ่อบ้านให้ขับรถไปที่นาซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ๑๕กม. ทางที่จะไปนั้นจะต้องข้ามภูและที่ภูนี้ก็มีป่าช้าอยู่ใกล้ๆทางเสียด้วย  ผู้เขียนก็นึกกลัวอยู่อีกทั้งเคยได้ยินน้องที่มีบ้านเลยภูลูกนี้ไปเคยเล่าให้ฟังว่าเขาขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับบ้านคนเดียวเวลาโพล้เพล้วันหนึ่ง เขาบอกว่าเขาขับวนอยู่ตั้งนานไม่พ้นภูซักที ทำให้ผู้เขียนไม่กล้าไปคนเดียว มองไปทางบ้่านพี่สาวก็เงียบคงปลุกลำบาก ขึ้นไปดูคุณพ่อว่าจะชวนท่านไปเป็นเพื่อนก็เห็นหลับสนิทอยู่ ก็เลยตัดสินใจไปที่โรงพยาบาลก่อนเผื่อจะไหว้วานน้องๆนั่งไปเป็นเพื่อน เดชะบุญน้องที่มีบ้านอยู่เลยภูลูกนี้ (คนละคนกับคนที่เคยเล่าว่าขี่รถวน)เขาอยู่เวรบ่ายเขาเลยบอกว่าเดี๋ยวเขาออกเวรแล้วเขาจะขับรถตามเป็นเพื่อน  พอหกทุ่มมีคนมารับเวรแล้วก็เลยพากันไปโดยผู้เขียนออกก่อนแล้วเขาตาม ขับรถตอนกลางคืนนี่ผู้เขียนไม่เคยไปไกลกว่าจากบ้านไปโรงพยาบาลซักที อีกทั้งเส้นทางเส้นนี้กลางวันผู้เขียนก็ไม่เคยขับไปคนเดียวเลย คราวนี้ขับไปคนเดียวซ้ำยังมืดอีก เลยไม่กล้าขับเร็ว ขับๆไปมองหลังเห็นแสงไฟรถคันหลังค่อยอุ่นใจ หากไม่มีคนตามหลังมา มองหลังแล้วมีแต่ความมืด ไม่รู้ว่าผู้เขียนจะเป็นอย่างไรไม่อยากคิดเลย ผู้เขียนมองไม่ค่อยเห็นเวลาขับลงเนินจึงขับชัาๆเกรงใจคนตามก็เกรงใจแต่ไม่ชินทางก็ค่อยคลานไปจนถึงหมู่บ้านที่เส้นทางไปนาผู้เขียนผ่าน เห็นพ่อบ้านกำลังเดินมาพอดีก็เลยให้น้องที่มาเป็นเพื่อนกลับไปบ้านเขาได้เลยไม่ลืมที่จะขอบคุณเขา นี่หากว่าไม่ใช่เขาอยู่เวรบ่ายอาจต้องรบกวนวานน้องคนอื่นนั่งไปเป็นเพื่อนแน่ๆเลย

      ไปถึงที่นาลูกศิษย์ของพ่อบ้านซึ่งไปช่วยฟาดข้าวก็พากันมาที่รถแล้วก็ถอดแบตเตอรี่รถยนต์ออกเอาไปเปลี่ยนใส่คันที่ดับ แล้วก็ไปเคลื่อนรถคันนั้นมาใกล้คันที่ผู้เขียนขับไปแล้วก็เอาแบตฯมาใส่ไว้เหมือนเดิม หลังจากนั้นก็ต่อไฟเชื่อมจากแบตฯของรถทั้งสองคันแล้วก็ติดเครื่องรถคันที่แบตฯเต็ม เชื่อมต่ออยู่ไม่ถึง๕นาทีก็เสร็จก็พากันกลับ ตอนถอดแบตฯ ต่อไฟนี่ลูกศิษย์พ่อบ้านเป็นคนทำทั้งหมดเพราะเขาพอมีความรู้ทางช่างยนต์อยู่บ้าง หากไม่เช่นนั้นพ่อบ้านคงต้องได้ทำเองทั้งหมด ตอนกลับผู้เขียนออกก่อนอีก พ่อบ้านขับตามหลังถึงบ้่านลูกศิษย์เขาช่วยยกกระสอบข้าวขึ้นเล้าจนเสร็จแล้วก็ไปส่งพวกเขา จะให้ดื่มโอวัลตินก่อนก็ไม่เอาจะรีบกลับไปนอน ตอนไปส่งเขาก็เกือบตีสองแล้ว

       พ่อบ้านก็เอาเงินให้เขา๑๐๐๐บาทให้ไปแบ่งกัน เขามา ๕ คนก็ได้คนละ๒๐๐บาท

       ช่วงที่รอเขาใส่แบตฯนั้นผู้เขียนได้แหงนดูท้องฟ้าเห็นดาวเต็มฟ้าสว่างใสสวยงามมาก   เมื่อคืนไม่มีลม อากาศไม่เย็นมาก จึงพบแต่ความงดงาม เงียบสงบ  และมีความรู้สึกเป็นสุข กับธรรมชาติยามเที่ยงคืน ผิดกับตอนจะออกจากบ้านซึ่งกล้วไปต่างๆนาๆ

 

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ

หมายเลขบันทึก: 469442เขียนเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2011 16:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 22:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)
  • จริงๆแล้วป่าช้าไม่น่ากลัวหรอก
  • ที่น่ากลัวคือใจเรา
  • ชอบคิดว่าเห็นนั่นเห็นนี่
  • ผมเคยเดินเข้าไปป่าช้าคนเดียว เงียบมากๆ...
  • บรื๊อ...ไม่มีอะไรหรอก...555
  • ขอบคุณค่ะ ที่มามอบดอกไม้

 

  • รู้ว่าไม่มีอะไรแต่พอไปคนเดียวก็อดคิดไม่ได้ค่ะ บรื๊อๆๆ
  • ขอบคุณพี่มากครับ
  • ที่เข้าไปแก้ไขข้อความ
  • สบายดีนะครับ
  • ขอบคุณค่ะสำหรับผีเสื้อแสนสวยนี้
  • เปลี่ยนรูปใหม่หน้าตาสดใสขึ้นนะคะ
  • อิอิ...ขอโทษนะคะ ที่หัวเราะ ก็มันขำจริงๆ นี่คะ (ตัวเองเป็นคนจริงใจด้วย รู้สึกอย่างไรก็แสดงออกอย่างนั้น ยกเว้นถ้าคิดได้ว่ามันจะไปกระทบกับคนอื่นมากก็จะพยายามเก็บความรู้สึก)
  • ที่ขำก็เพราะก่อนนั้นเข้าใจว่า พยาบาลกลัวผีไม่เป็น พอเห็นพยาบาลสุภัทรากลัวผีเลยรู้สึกขำ
  • นี่ถ้าไม่รู้ว่าใครพูด คิดว่า เป็นคำพูดของพระเลยนะคะ "จริงๆแล้วป่าช้าไม่น่ากลัวหรอก ที่น่ากลัวคือใจเรา ชอบคิดว่าเห็นนั่นเห็นนี่"...สาธุลูกขจิต
  • อิจฉาจังเลยค่ะที่มีนาและที่นายังผ่านภูเขาอีก (อิจฉาแปลว่า อยากมีเช่นนั้นบ้าง ริษยาแปลว่า ไม่อยากให้คนอื่นได้ดี)
  • ประทับใจคนหนองสูงค่ะ
  • 
  • ขอบคุณค่ะคุณพี่ ผศ.วิไล แพงศรี
  • ขออนุญาตเรียกว่าคุณพี่นะคะ เพราะน่าจะรุ่นราวคราวเดียว
  • กับพี่ชายคนโตของน้องซึ่งเรียนที่วิทยาลัยครูอุบลเช่นกัน
  • แล้วไปต่อกศบ.ที่ มศว.มหาสารคามค่ะ
  • จบป.ตรีปีการศึกษา2515
  • พี่ชายน้องชื่อ พิชิต  จันปุ่ม ค่ะ เอกสังคมศึกษา
  • แต่พี่น้องไม่อยู่แล้วค่ะท่านจากไปตั้งแต่ปีก่อนค่ะ
  • ถ้าอยู่ก็เกษียณปีนี้ค่ะ

 

  • พยาบาลกลัวผีก็น่าหัวเราะอยู่หรอกค่ะ
  • แต่ว่าตอนอยู่ที่โรงพยาบาลน้องจะไม่กลัวนะคะ
  • เวลามีคนตายก็แต่งศพได้ค่ะ
  • พอไปที่อื่นไปคนเดียวจะกลัวค่ะ
  • ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัวเหมือนที่อ.ขจิตว่านั่นแหละค่ะ
  • ใจคิดไปเอง ก็เลยกลัว
  • มีที่นาก็ดูแลไม่ทั่ึวถึงค่ะต้องจ้างทั้งดำ ทั้งเกี่ยวค่ะ
  • ถ้าดูตอนนี้ก็ไม่คุ้มค่ะแต่ก็คิดว่าเก็บเอาไว้ทำกินตอน
  • ไม่ได้ทำราชการแล้วค่ะ และก็เอาไว้แญงค่ะ

 

  • ขอบคุณที่ประทับใจชาวหนองสูงค่ะ
  • คุณครูปทุมวัลย์ ทองมนต์นี่สอนที่ไหนคะ
  • น้องถามพ่อบ้านเขาไม่รู้จักค่ะ
  • แต่ที่โรงเรียนบ้านหนองสูงมีคุณครู
  • ท่านหนึ่งชื่อคุณครูประกายวัลย์ค่ะ
  • สอนคณิตศาสตร์ค่ะ
  • น้องก็ประทับใจคุณพี่เช่นกันค่ะ
  • เป็นคนเก่งเอามากๆเลยค่ะ 
  • ว่าแต่ภาษาอังกฤษนี่น้องไม่เก่งเลยคุยกับฝรั่ง
  • ไม่รู้เรื่องหรอกค่ะถ้าไม่ได้เมื่อยมือ
  • ก็ได้อ่านบันทึกอาจารย์ขจิตวันละนิดวันละหน่อยค่ะ
  • น้องสุภัทราคะ พี่รู้สึกตื่นเต้นยินดีมากค่ะ ที่รู้ว่าพี่ชายคนโตของน้อง คุณพิชิต  จันปุ่ม เรียนที่วิทยาลัยครูอุบลฯ รุ่นเดียวกับพี่ แล้วไปต่อ กศบ.ที่ วศ.มหาสารคามจบป.ตรีปีการศึกษา 2515 แต่เสียใจมากที่รู้ว่าเพื่อนจากไปแล้ว หัวหน้าห้องพี่ตอนเรียน ป.กศ. 1.9 และเพื่อนผู้ชายอีกคนที่ดูหน้าตาเด็กปากแดงไปเจอกันอีกทีตอนพี่เรียนปริญญาโทที่มศว.ประสานมิตร เขาเองไปเรียนป.ตรี ก็จากไปแล้ว เพื่อนที่ถ่ายรูปคู่กันตอนทดลองแล็บเคมีตอนเรียนป.กศ.สูงก็จากไปแล้วเช่นกันค่ะ
  • ย้อนกลับไปดูข้อมูลจากงานพบปะสังสรรค์รุ่น ทั้งรุ่นที่เรียนวค.อุบลฯ และรุ่นที่เรียนวศ.มหาสารคาม หลายครั้งที่พี่ได้ไปร่วม แต่ไม่เห็นภาพและข้อมูลคุณพิชิตเลย แสดงว่าเพื่อนไม่ได้ไปร่วมงาน แต่พี่ก็จำชื่อนี้ได้ตอนเรียนที่วค.อุบลฯ ค่ะ 
  • ที่น้องบอกว่า "...ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลน้องจะไม่กลัวนะคะ เวลามีคนตายก็แต่งศพได้ค่ะ พอไปที่อื่นไปคนเดียวจะกลัวค่ะ" ก็แสดงว่า เวลาที่เราอยู่ในที่ๆ เราคุ้นเคย เราจะไม่กลัว แต่ถ้าไม่คุ้นเคยจะกลัว นะคะ
  • น้องบอกว่า "มีที่นาก็ดูแลไม่ทั่ึวถึงค่ะต้องจ้างทั้งดำ ทั้งเกี่ยวค่ะ ถ้าดูตอนนี้ก็ไม่คุ้มค่ะแต่ก็คิดว่าเก็บเอาไว้ทำกินตอนไม่ได้ทำราชการแล้วค่ะ และก็เอาไว้แญงค่ะ" ก็ไม่ต่างจากที่พี่ทำฟาร์มหรอกค่ะ ถ้าคิดถึงค่าใช้จ่ายก็ขาดทุนแน่นอน แต่ทำเพราะความรักความชอบ ยิ่งส่วนที่พี่ทำมันเป็นผลทางสุขภาพกาย/ใจ จิตวิญญาณ 90 % อาจจะเป็นผลทางเศรษฐกิจอยู่บ้างก็ไม่เกิน 10 % ค่ะ
  • ขอโทษด้วยที่พี่สับสน คุณครูปทุมวัลย์ ทองมนต์ สอนที่โรงเรียนคำบง นิคมคำสร้อย มุกดาหารค่ะ ส่วนคนที่อยู่หนองสูงเป็นคนที่ยังไม่จบ ช่วงนี้หายหน้าหายตาเพราะเขาต่อเวลาให้ 2 ปี เลยยังอ้อยอิ่งอยู่ค่ะ
  • ที่น้องบอกว่า "ภาษาอังกฤษนี่น้องไม่เก่งเลยคุยกับฝรั่งไม่รู้เรื่องหรอกถ้าไม่ได้เมื่อยมือ" ถ้าเมื่อยมือแล้วรู้เรื่องก็คุ้มนะคะ เพราะการสื่อสารต้องใช้ทั้งภาษาพูด (Verbal Communication) และภาษาท่าทาง (Non-verbal Communication) ประกอบกันอยู่แล้วค่ะ

โอกาสเปิดเป็นใจ...ได้ชมความงดงามตามธรรมชาติ

ดวงดาวสกาวสุกใส...เปล่งปลั่งดั่งใจคนมอง

ขับไล่ผีร้ายไป...เหลือไว้แต่ความดีคุ้มครอง

  • ขอบคุณค่ะคุณหมอธิรัมภา
  • ร้อยกรองเพราะมากค่ะ อยากเขียนบ้างแต่ไม่เป็นค่ะ
  • ขอบคุณที่มาเพิ่มความสมบูรณ์ให้กับบันทึกนี้ค่ะ

จริงซิ พวกเราชาว สาสุข ไม่กลัวศพ แต่กลัวผี

น้องๆที่รพ.ก็เป็นแบบนี้ ชันสูตรพลิกศพ เละอย่างไรก็ไม่กลัว

แต่พอลงเวรกลับบ้าน ต้องให้ยามไปเป็นเพื่อน ฮ่าๆๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท