ต้นไม้ (มีแผล) ของแม่


เป็นต้นอะไร ก็เป็นเถิด ขอให้เป็น ไม้ยืนต้น ที่ยืนหยัดได้ด้วยตนเอง และเป็นที่พักพิงของผู้อื่นได้ในบางครา..

ใกล้วันแม่แล้ว..
เมื่อนึกถึงแม่..ข้าพเจ้าจะนึกถึงภาพแม่นั่งขลุกกับกองดินและกระถาง
หรือไม่ก็ถือสายยางพ่นใส่ต้นไม้นานาชนิดในบ้าน
เป็นกิจวัตรประจำวัน
ตื่นเช้ามา รดน้ำต้นไม้..ให้ข้าวนก..ให้ข้าวแมว ให้ข้าวหมา..
เสร็จแล้วถึงเป็นคิวของพ่อ และข้าพเจ้า..

แม่รักต้นไม้มาก..
แต่ถ้าสังเกตดีๆ
หากต้นไหนอายุเกิน 25 ปี จะมีร่องรอย "ขูดขีด"
ไม่ได้เกิดจากขอหวย แต่เป็นฝีมือข้าพเจ้าตอนเด็ก..

ย้อนเวลาหาอดีต..
" น้องข้างบ้านเขาเรียนบัลเล่ต์ แม่ว่าดีนะจะได้มีความสามารถพิเศษ"
"อื้อ..ไม่เอา"  ข้าพเจ้าส่ายหน้า
"เรียนทำขนมอบไหม"
"ไม่เอา"
"เรียนภาษาอังกฤษไหม ให้ครูมาสอนที่บ้าน"
"อื้อ..ไม่เอา"  ข้าพเจ้าส่ายหน้าอีก
"อะไรก็ไม่เอา แล้วจะทำอะไร" แม่ถาม
"แต้จะ เล่นต้นไม้"..

ความหมายของ "เล่น" ในที่นี้ มิใช่การปลูกแล้วสะสมพันธ์ต่างๆ
ตรงข้าม กลับออกเป็นการ ทรมาน ต้นไม้นิดๆ ด้วยซ้ำ
อุปกรณ์เล่นของข้าพเจ้า คือ มีดผ่าหมากมรดกยายชวด, ครกเล็กๆ,  กับ หลอดฉีดยาพลาสติก
แต่ละวัน ข้าพเจ้าจะกรีดต้นไม้ ที่มียาง เช่น ต้นโป๊ยเซียน
มาผสมกับเปลือกไม้ ใบไม้ ลูกไม้ เปลี่ยนสูตรไปเรื่อยๆ
หลังจากได้ตัวยา "อัมฤทธิ์" ( อิทธิพลหนังจีนกำลังภายใน)
ข้าพเจ้า ก็จะใส่กระบอกฉีดยา ฉีดเข้าไปในต้นกล้วย..
แล้วสังเกตว่า มันจะอยู่ยงคงกระพันหรือไม่..
ต้นกล้วยที่น่าสงสาร..ก็อยู่ครบวาระเหมือนเดิม.. แต่ลำต้นเต็มไปด้วย รูเล็กๆ


น่าแปลก แม่ซึ่งเป็นคนเดียวในบ้านที่เคยตีข้าพเจ้า
แต่เรื่องนี้..แม่ก็ไม่ว่าอะไร
เพียงแต่ต้องเอาลั่มทมไปให้คนอื่น..เพราะยางมันมีพิษ
และสอนให้ข้าพเจ้า ตอนแทนบรรดา "เพื่อนเล่น" เหล่านี้
ด้วยการรดน้ำ พรวนดินให้มัน
..
ย้อนกลับมา ณ คศ.นี้ ยุคที่ เด็กเรียนพิเศษกันต้้งแต่ไม่เข้าอนุบาล
ข้าพเจ้า นั่งนึก หากมีลูก จะเลี้ยงอย่างไร
แม้วัยเด็ก ข้าพเจ้าไม่เคยเรียนพิเศษ แต่ก็ไม่โต้แย้ง
" เรียนพิเศษ หรือไม่พิเศษ ก็เรียนไปเถิดลูก
หากสิ่งนั้น ทำให้เจ้าเห็นคุณค่าตนเอง และ คุณค่าคนอื่น..
แต่อย่าเรียน เพียงเพื่อบำรุง อัตตา "

สิ่งที่แม่ "ปลูก"
เป็นต้นอะไร ก็เป็นเถิด ขอให้เป็น ไม้ยืนต้น ที่ยืนหยัดได้ด้วยตนเอง และเป็นที่พักพิงของผู้อื่นได้ในบางครา..

หมายเลขบันทึก: 453214เขียนเมื่อ 10 สิงหาคม 2011 08:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 03:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

สวัสดีครับคุณ CMUpal

อ่านเรื่องของแม่จบแล้วนะครับ

ท่านน่ารักมากเลยนะครับ

สิ่งที่แม่ "ปลูก"

เป็นต้นอะไร ก็เป็นเถิด ขอให้เป็น ไม้ยืนต้น ที่ยืนหยัดได้ด้วยตนเอง และเป็นที่พักพิงของผู้อื่นได้ในบางครา

ขอบคุณมากนะครับ

พี่หมอคะ

เรื่องเล่านี้สะท้อนภาพการเลี้ยงดูของคุณแม่ที่ให้อิสระในการเรียนรู้แก่ลูก

เป็นอีกบทเรียนหนึ่งที่น่าสนใจมากค่ะ

แม่ให้โอกาสในการเรียนรู้ แม่ค่อยปกป้องเรา โดยที่เราอาจไม่รู้ตัว

เมื่อย้อนมองกลับไป ความสวยงามเหล่านี้ช่วยให้เราเติบโตขึ้นมาเป็นต้นไม้ที่จะเกื้อกูลผู้อื่นในสังคมต่อไป

ดีจังเลยนะค่ะ ^_^

ตื่นเช้ามา รดน้ำต้นไม้..ให้ข้าวนก..ให้ข้าวแมว ให้ข้าวหมา..
เสร็จแล้วถึงเป็นคิวของพ่อ และข้าพเจ้า..

คุณหมอทานข้าวหลังนก แมว และหมา ;)...

ดีมาก ๆ เป็นผู้เสียสละอย่างแท้จริง

 

มาผสมกับเปลือกไม้ ใบไม้ ลูกไม้ เปลี่ยนสูตรไปเรื่อยๆ
หลังจากได้ตัวยา "อัมฤทธิ์" ( อิทธิพลหนังจีนกำลังภายใน)
ข้าพเจ้า ก็จะใส่กระบอกฉีดยา ฉีดเข้าไปในต้นกล้วย..
แล้วสังเกตว่า มันจะอยู่ยงคงกระพันหรือไม่..

กรณีก็ ... ฝึกเป็นหมอ วินิจฉัยโรค และฉีดยาเป็นตั้งแต่เด็กเลย

เขาเรียกว่า มีแวว ใช่ไหมครับ ;)

(สงสารต้นไม้อ่ะ)

  • นั่นไงสมัยก่อนเชื่อแม่ก็ดีเนอะ
  • เรียนภาษาอังกฤษไหม ให้ครูมาสอนที่บ้าน"
    "อื้อ..ไม่เอา"  ข้าพเจ้าส่ายหน้าอีก
  • แม่ผมชอบปลูกต้นไม้เหมือนกัน
  • แต่แม่แข็งแรงมาก
  • ไม่อยู่นิ่งเลย
  • มาบอกว่าผม ไม่เคยเรียนพิเศษ เหมือนกัน เพราะตอนเด้กๆๆเราจนมากๆๆ
  • เอาแม่มาฝากด้วยครับ
  • http://www.gotoknow.org/blog/yahoo/128736

คมจนบาดมือเลือดซิบๆ เลยครับ

อย่าเรียนเพื่อบำรุงอัตตา 

เหมือนที่พระสอนไว้เลย

สวัสดีค่ะคุณหมอ'CMUpal'

คุณแม่ไม่ว่าอะไรที่คุณหมอฉีดน้ำยา 'อมฤต'เข้าไปในต้นกล้วย...

เพราะคุณแม่เข้าใจ และรู้ว่าอนาคตจะมีลูกเป็นคุณหมอค่ะ

 

 

ขอบคุณคะ
เข้าไปดูในบล็อกของคุณแสงแห่งความดี
เป็นคุณพ่อที่น่ารักเช่นกันคะ

แอบหยิบไอเดียใส่เพลงมาด้วย :-)

แม่ให้โอกาสในการเรียนรู้ แม่ค่อยปกป้องเรา โดยที่เราอาจไม่รู้ตัว

ตีความได้ดีจังคะ


มิได้คะ..:-)
เนื่องจากข้าวคนต้องหุงใหม่
ส่วนข้าวนก และหมาแมว เป็นของเหลือเมื่อวาน

ส่วนการฉีดยาเข้าต้นกล้วยนั้น
เป็นจินตนาการตามหนัง ไปเรื่อยเปื่อยประสาเด็กคะ


ขอบคุณสำหรับดอกมะลิ สวยเย็น ชื่นใจคะ

นั่นสิคะ ถ้าเชื่อแม่ละก็..

แอบหยิบข้อความประทับใจจากบล็อก อ.ขจิต

ไม่ต้องเรียนสูง แต่ต้องมีความรับผิดชอบ มีความขยัน เป็นคนดี ช่วยเหลือผู้อื่น มีความสุขกับงานที่ทำก็เพียงพอแล้ว 

ข้อความนี้ ผุดขึ้นมา เหมือนเคยได้ยินจากคำสอนสักท่านคะ

ขอบคุณคะอาจารย์
การที่แม่ให้ทดลองเรียนรู้ด้วยตนเอง
อาจมีผลให้รู้สึกดีกับการทดลองวิทยาศาสตร์คะ
..
แต่ไม่ว่าตอนนี้เป็นอะไร แม่ก็ยังมองเราเป็นเด็กเล่นต้นกล้วยเหมือนเดิมคะ :-)

คุณหมอครับ.. ผมชอบประโยชน์นี้จังครับ...

สิ่งที่แม่ "ปลูก"

เป็นต้นอะไร ก็เป็นเถิด ขอให้เป็น ไม้ยืนต้น ที่ยืนหยัดได้ด้วยตนเอง และเป็นที่พักพิงของผู้อื่นได้ในบางครา..

หากแม่ทุกคนคิดเช่นนี้ ประเทศไทยคงมีต้นไม้ดีๆๆ อยู่มากมายครับ...

ต้นไม้ดี มีได้ทุกแห่งหนคะ ขอบคุณที่ให้กำลังใจ

ตามมาอ่านบันทึกของแม่...น่ารักมากเลยค่ะ

เลี้ยงลูกสมัยนี้  มีแต่เรียนพิเศษ แข่งขันกัน พอลูกไม่เรียนก็เรียนไม่ทันเพื่อน

สงสารลูกมากแต่ทั้งหมดที่ทำก็เพื่อ อนาคตที่ดีของลูก.....

ขอบคุณนะคะ ^_^

แม้วัยเด็ก ข้าพเจ้าไม่เคยเรียนพิเศษ แต่ก็ไม่โต้แย้ง


" เรียนพิเศษ หรือไม่พิเศษ ก็เรียนไปเถิดลูก
หากสิ่งนั้น ทำให้เจ้าเห็นคุณค่าตนเอง และ คุณค่าคนอื่น..
แต่อย่าเรียน เพียงเพื่อบำรุง อัตตา "

ชอบจัง.....

ตอนอยู่อนุบาล พี่ติกให้ลูกสาวเรียนพิเศษ  ฟ้อนรำ เพื่อจะได้มีผู้ดูแล  เนื่องจากแม่ต้องจ่ายค่าปรับวันละ 100 หากไปรับช้าเกิน 17.00 น.

นี่ถือว่าเป็นการเรียนเพื่อตอบสนองแม่หรือเปล่า......(ไม่อยากจ่ายวันละ 100  ^_^)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท