สร้างคุณค่าอันมหาศาลในการเรียนรู่ เพื่อปรับใช้ และสิ่งที่สำคัญปรับให้ตรงกับจริตของคนในองค์กร เพื่อการทำงานที่สร้างสรรค์
ในวันที่ 17 สิงหาคม 2549 ที่ผ่านมา จ๊ะจ๋าได้ติดตามเข้าไปร่วมประชุมภาคการจัดการความรู้ ภาคราชการ ซึ่งครั้งนี้ก็ครั้งที่ 4 แล้ว และจัดโดย ม. สุโขทัยธรรมาธิราช ซึ่งในการประชุมวันนี้มีเพียงวาระเดียวคือ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในประสบการณ์จากการดูงาน KM 4 องค์กร ของประเทศญี่ปุ่น นำเสนอโดยคุณพรทิพย์ สุวานิโชและคุณสุวรรณา เอื้อสิทธิชัย จากสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ
สิ่งที่ได้เรียนรู้ครั้งนี้คือ
4 บริษัทได้แก่ Eisai, Fukoku, Sony, Nissan มีการทำ KM ที่เนียนลงไปในเนื้องาน และใช้ “SECI Model” ในการทำงาน
ทุกบริษัทมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการทำงาน ซึ่งในแวดวงธุรกิจก็ย่อมมุ่งเป้าไปที่ผลประกอบการ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การที่พัฒนางานขององค์กรไปสู่สุดยอดของวงการธุรกิจในแต่ละด้าน เค้าทำอย่างไร เรามาดู how to? เพื่อปรับใช้ในองค์กรของตน ซึ่งมีบริบทที่ต่างออกไป
พนักงานมีส่วนร่วมในการคิด สร้างสรรค์ผลงานให้กับองค์กร ด้วยบรรยากาศที่เปิดใจ
วัฒนธรรมการทำงานของคนญี่ปุ่นมักมีความมุ่งมั่น พูดคุยแบบตรงไปตรงมา ผิดก็ต้องเป็นผิด เอาข้อผิดพลาดมาวิเคราะห์และปรับปรุง และเป็นการมองหาแนวทางใหม่ๆ และยึดถือเป็นบทเรียนที่สำคัญ เป็นสิ่งที่มีคุณค่าที่ทุกคนจะต้องช่วยกันแก้ไข เอาความผิดพลาดมาคุยกันเพื่อพัฒนา สร้างสรรค์ ต่อยอดงาน ต่อไป….ซึ่งอาจจะต่างกับวัฒนธรรมการทำงานของคนไทยที่ไม่ยอมรับความผิดพลาดมาสร้างสรรค์งาน
มีความรู้มากขึ้นจากการนำเสนอว่า บะ (BA) คือพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Sharing space) ซึ่งบริษัทเอกชนญี่ปุ่นได้จัดพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้ได้สัดส่วนและใช้ประโยชน์คุ้มค่าที่สุด และหนึ่งในการนำเสนอคือ การใช้โต๊ะประชุมรูปสามเหลี่ยม เพื่อเปิดโอกาสให้คนได้พูดคุยแบบอิสระ ไม่เครียด ซึ่งมีบรรยากาศแบบไม่เป็นทางการ ได้พบหน้ากันตรงๆ เรียกว่าเป็น Ice break ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดการสร้างสรรค์ผลงาน
คุณอำนวยมีส่วนสำคัญอย่างมากในกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และในวงการประชุมประจำวัน หรือประจำสัปดาห์ เช่น บริษัท Sony ใช้ Facilitator นำประชุม แทนที่จะเป็น Project Leader ซึ่งเป็นคนกลางในการประสานงาน การซักถามของ Facilitator เป็นการกระตุกความคิด กระตุ้นความรู้สึกให้เกิดการสร้างสรรค์ได้เป็นอย่างดี
หลัก Think big, start small, act now เป็นสิ่งที่ 4 บริษัทของญี่ปุ่นใช้ในการทำงาน
คุณพรทิพย์ สุวานิโชและคุณสุวรรณา เอื้อสิทธิชัย จากสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ ได้สะท้อนจากการดูงานว่า
แต่ละธุรกิจมีเป้าหมายในการทำงานที่ชัดเจน โดยใช้ KM
มีความสัมพันธ์ในการเรียนรู้
วัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็ง
มีภาวะผู้นำ
ได้รับความร่วมมือจากพนักงาน ถือเป็นส่วนที่สำคัญ
ใช้ Slogan ของแต่ละบริษัทดึงให้พนักงานในองค์กรเดินทางไปด้วยกัน เข้าใจในทิศทางเดียวกัน มีดังนี้
Eisai : hhc - human health care มุ่งมั่นสู่นวัตกรรมใหม่ เพื่อสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าและชุมชน โดยมีแนวทางปฏิบัติคือ การฟังเสียงลูกค้าและชุมชน
Fukoku : Fukoku Ishin การเปลี่ยนแปลงหรือนวัตกรรม โดยการสร้างพฤติกรรมในการแบ่งปันความรู้และนำไปใช้ประโยชน์ รวมทั้งสร้างแหล่งความรู้ที่สำคัญ
Sony : Kadai Barashi วิเคราะห์ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเพื่อมองหาแนวทางใหม่ และจัดเก็บบทวิเคราะห์นั้นไว้ในฐานข้อมูล เพื่อเป็นคลังความรู้ในกระบวนการออกแบบต่อไป Nissan : Change the way we work, Change the way we work ourselves
และบทสรุปสุดท้ายที่น่าสนใจที่ ดร. ประพนธ์ ผาสุขยืดกล่าวคือ 4 บริษัทญี่ปุ่นทำ KM โดยไม่ติด และ ราชการไทยไม่ทำ KM แต่ติด KM คงจะบอกถึงความนัยที่เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อยคะ
และจากการเข้าร่วมครั้งนี้ ทำให้ไม่แปลกใจเลยที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าแห่งความคิดสร้างสรรค์ มีความคิดที่พัฒนาและต่อยอดได้อย่างน่าชื่นชม เพราะการมีวัฒนธรรมในการทำงาน และการกล้านำความผิดพลาดเป็นคลังความรู้ล้ำค่าในการพัฒนางาน ในที่สุดก็เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายหลักขององค์กร