งานเบาหวาน ไม่ใช่ต้นไม้ซะหน่อย .แต่ยิ่งทำยิ่งงอกเงย
ในฐานะนักปฏิบัติที่ตั้งใจทำงานและมีความสุขกับการทำงาน ทุกครั้งที่เหนื่อยแต่ก็มีความสุขและความอิ่มใจกลับมาเติมเต็ม ความสุขอยู่ข้างหน้ารอเราเสมอ คนทำงานสามารถวางแผนการทำงานเป็นแผน 20 ปี ก็ว่าได้ การทำงานต้องทำแบบบูรณาการ คือทำทุกอย่างไปพร้อมๆกัน ไม่แยกส่วน ก็เหมือนรถนั่นแหละ ขาดล้อก็วิ่งไม่ได้ ไม่มีน้ำมันก็ต้องจอด จะว่าง่ายก็ง่าย หรือจะบอกว่าสุดแสนจะยากลำบากก็พูดได้ แต่ขอแนะนำคนทำงานให้คิดแบบง่ายแสนง่ายดีกว่า สบายใจดี แถมมีความสุขอีกต่างหาก…
ในการทำงานเบาหวาน ผลงานมีความเป็นนามธรรมสูง ที่จะบอกว่า การทำงานของเราดีนะ เกิดภาวะแทรกซ้อนลดลงนะ พฤติกรรมดีขึ้นนะ ...อะไรอย่างนี้ แต่เราทำงานบนความเชื่อที่ว่า ระบบงานของเราที่ตั้งอยู่บนความตั้งใจที่ดี คิดเสมือนว่าผู้ใช้บริการเป็นญาติเรา และเรากำลังพัฒนางานเพื่อให้ญาติของเราได้รับบริการที่ดี..? มาเป็นแนวทางการทำงาน และมีการพัฒนาไปเรื่อยๆ ในการทำงานส่วนหนึ่งที่สำคัญคือการเก็บข้อมูล เป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก และต้องเก็บแบบ full option คือ เก็บละเอียดยิบ ตอนแรกก็เลือกเก็บบางอย่าง แต่สุดท้าย ก็ต้องเก็บหมด เพราะแต่ละหน่วยงาน กรม กอง กระทรวง มีการขอข้อมูลที่แตกต่าง สรุปเก็บหมดดีที่สุด ด้วยเหตุที่เราต้องรายงานผลการทำงานเป็นระยะๆนั่นแหละ....ซึ่งคนทำงานจะต้องแปรความเป็นนามธรรมให้เป็นรูปธรรม คือ สามารถสรุปผลและบอกผลได้ว่า งานที่ทำผลลัพธ์ของงาน ดีต่อผู้รับบริการ ผู้ให้บริการ และองค์กร ซึ่งเห็นผลของการทำงานด้วยตัวชี้วัดและข้อมูล 1-2-3-4....... ก็ว่ากันไป
การทำงานในปัจจุบันของเราวัดงานที่ระบบงาน แต่เราไม่ได้ละทิ้งรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ และเรา ที่ทำไปจนถึงตอบสนองความสุขใจของผู้รับบริการด้วย ภายใต้แนวคิดบริการแบบอบอุ่น เหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน บางกิจกรรม..ไม่มีในตัวชี้วัด แต่เราจัดกระทำให้และวัดผลที่รอยยิ้มและคำชื่นชมของผู้มารับบริการ ... ในวันนี้กระบวนการ P-D-C-A ของการทำงาน หมุนมาเป็นรอบที่ กี่สิบ กี่ร้อยรอบ ก็ไม้รู้ เพราะมันหมุนอยู่ทุกวัน ถ้ากระบวนการหยุดหมุนก็เหมือนนาฬิกาตาย... ซี้แหง๋แก๋ .. ...และครั้งนี้เราก็ได้นำข้อมูลการตรวจคัดกรองตา สู่กระบวนการพัฒนาในเรื่อง.......................
การบริการตรวจตาเชิงรุกในพื้นที่ จากสถิติการคัดกรองตาปี 2549 ที่ทำได้ 10.3 % ปัญหาต่างๆ เช่น คนไข้ที่ต้องการตรวจ ต้องให้ลูกหลานลางานมาเป็นเพื่อน เพื่อตรวจตา เพราะเวลาหยอดตา ตาจะมัวเป็นความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ หมอตาก็มีจำกัด ปริมาณการตรวจได้ประมาณ 10 -15 รายต่อวันเพราะที่ OPDตามีคนไข้ตามากมาย ไม่ใช่เฉพาะผู้ป่วยเบาหวานเท่านั้น ผู้เป็นเบาหวานบางรายก็ต้องลางานมา รอบ 2 รอบ ถึงจะได้ตรวจ ประมวลผลสารตะ ลงตรวจในพื้นที่น่าจะเหมาะสม ทั้งครอบคลุม และตรวจได้มากกว่า ทีมงานเหนื่อยหน่อย แต่ผู้เป็นเบาหวาน 2,446 ราย สะดวก และลดความแออัดในร.พ ทำให้จักษุแพทย์ /พยาบาล ดูแลผู้รับบริการที่มีปัญหาซับซ้อนในร.พได้ดีขึ้น และลดต้นทุนการมา ร.พ ของผู้ป่วย ได้เยอะเหมือนกัน (ลองคิดแบบถูกๆ ญาติลางาน 1 วัน ค่าแรง 150 บาท ค่ารถ 50 บาท = 200 บาท x2446 คน เป็นเงิน 489,200 บาท )
รูปแบบการดำเนินงานเชิงรุกของเรา ไม่ต้องลงทุนซื้อเครื่องตรวจตาเพราะราคาแพง แต่ใช้การประสานความร่วมมือ โดยการเช่าเครื่องตรวจตาจากคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร โดย..หัวหน้าของเราปูพรมประสานความร่วมมือสิบทิศ ทำให้เรา.ทำงานได้ราบรื่น แต่ขอบอกทำงานกับหัวหน้าต้อง สมองต้องติดจรวจ คิดให้เร็วและทำให้ทัน (หัวหน้าคะ.. ขอสารภาพว่าเคยคิดจะเปลี่ยนกาแฟหัวหน้าเป็นกาแฟเม็ดมะขามคั่วที่ไม่มีคาเฟอิน หัวหน้าจะได้ง่วงนอนไงคะ....ฮ่าๆ..)
การวางแผนการดำเนินงานในพื้นที่ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร รอฟังผลการประชุมวันที่ 31 ส.ค 49 นะคะ อีกไม่นานเราจะได้ไปถ่ายแบบ” นางแบบตา(เบา)หวาน” ของเราในพื้นที่แล้วคะ
สรุปองค์ความรู้ที่ได้จากการดำเนินงาน
1. สิ่งสำคัญที่ต้องขออนุญาติกล่าวถึง คือ ความสำเร็จของงานเกิดจากการที่กลุ่มงานมีผู้บริหารที่มีความเป็นผู้นำในการกำหนดทิศทางการทำงานและนำผู้ปฏิบัติสู่เป้าหมายเดียวกัน มีสัมพันธภาพที่ดี ยอมรับที่จะให้และรับข้อมูลย้อนกลับด้วยความเต็มใจ สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และกระตุ้นให้คนทำงานใช้ความสามารถของตนเองจนเกิดความคิดสร้างสรรค์ ในการทำงาน ให้อิสระในการทำงานแต่ไม่ปล่อยปะละเลย
2. ในการทำงานผู้ปฏิบัติงานต้องนำข้อมูลในการทำงานมาวิเคราะห์และหาโอกาสพัฒนา ของเล่าประสบการณ์ของดิฉันที่เห็นข้อมูลการคัดกรองตา ที่ทำได้เพียง 10.3 % เห็นแล้วไม่ได้มีอาการกระสับกระส่าย หรือ เครียด ที่ดำเนินงานไม่ได้ตามเป้าหมาย (ก็แพทย์มีเท่าเดิมแต่คนไข้มีมากขึ้น) ทีมงานกลับเอาข้อมูลนี้ มาหาหนทางสร้างสรรค์สิ่งใหม่ จนเกิดโครงการตรวจตาเชิงรุกในพื้นที่ขึ้น
3. อย่าลืมที่จะบอกชุมชนให้เห็นความสำคัญของการทำงานตรวจตาเชิงรุกในพื้นที่ ผลในปัจจุบัน(ขณะที่ทีมงานยังไม่ได้จัดตารางลงพื้นที่) ชุมชนมีความตื่นตัวสูงและเตรียมพร้อมที่จะมารับการตรวจตาในพื้นที่ด้วยการประชาสัมพันธ์แบบปากต่อปาก จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นการตรวจตาเชิงรุกแบบมีส่วนร่วม ก็ว่าได้ สรุปด้วยความรู้สึก งานนี้ทีมงานคงได้รับความร่วมมือสูง (ตอนนี้ต้องวางแผนในใจว่าถ้าผู้ป่วยมารับบริการมากเกินจะจัดระบบให้เรียบร้อยได้อย่างไร)
ผู้เล่า รัชดา พิพัฒน์ศาสตร์
พี่เป็นกำลังใจให้นะ เพราะพี่รู้ว่าอ้อมีความสามารถสูงเมื่อได้รับมอบหมายงานครั้งใดถึงแม้จะยากเย็นแค่ไหนน้องก็ทำได้สำเร็จทุกครั้งไปซึ่งเป็นสิ่งที่พี่มีความภาคภูมิใจมากและงานแต่ละชิ้นได้ทั้งปริมาณและคุณภาพเพราะพวกเราทำบนพื้นฐานของข้อมูลและสำเร็จด้วยการ PDCA และผลการทำครั้งนี้จะปรากฏเป็นผลงานระดับจังหวัดและระดับประเทศ อ้อจงภาคภูมิใจว่าอ้อก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดขึ้นนะ อย่าลืมดูแลสุขภาพตัวเองด้วยล่ะ
พี่โต้ง