ดร.อุทัย อันพิมพ์
ดร. อุทัย ดร.อุทัย อันพิมพ์ อันพิมพ์

“นักวิจัยดีแต่พูด”


เป็นคำพูดของเกษตรกรกลุ่มหนึ่งที่เล่าให้ผมฟังว่านักวิจัยที่ลงมาทำงานในพื้นที่ที่เขาอยู่นั้นส่วนใหญ่มีแต่มาพูดๆ

นักวิจัยดีแต่พูด

<div style="text-align: center"></div><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt" class="MsoNormal">นักวิจัยดีแต่พูด  เป็นคำพูดของเกษตรกรกลุ่มหนึ่งที่จังหวัดศรีสะเกษ ที่เล่าให้ผมฟังว่านักวิจัยที่ลงมาทำงานในพื้นที่ที่เขาอยู่นั้นส่วนใหญ่มีแต่มาพูดๆ และพูดแต่สิ่งดีๆ ด้วย เสร็จแล้วก็ไปวันใหม่ก็มาอีก 2-3 ครั้ง เมื่อมาก็พูดอย่างเดียว เหมือนเดิม นั่นแสดงว่ามีแต่มาเอาข้อมูลและความรู้กับพวกเราอย่างเดียวใช่ไหมครับ โดยที่ชาวบ้านมานั่งรอเสียเวลาทำมาหากิน แล้วเวลาผ่านไปประมาณ 3 4 เดือน ก็ทราบว่าเขาเขียนข้อมูลเสร็จแล้วและส่งรายงานเจ้าของผู้ให้ทุนไปเรียบร้อยแล้ว สุดท้ายชาวบ้านไม่มีอะไรเกิดขึ้น และยากจนเหมือนเดิมครับ</p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt" class="MsoNormal">นี่หมายความว่าอย่างไร   เป็นคำถามต่ออีกระรอกของผู้นำชุมชน ชาวบ้านมีแต่ยิ่งจนยิ่งเจ็บใช่ไหมครับ รอคอย และเสียเวลาลมๆ แล้งๆ  กับนักวิจัยที่มีแต่มาพูดๆ แล้วก็ไป แล้วสุดท้ายก็ได้ดิบได้ดีกันถ้วนหน้าเป็นใหญ่ นายโต ตำแหน่งวิชาการนำหน้าอย่างโก้หรู นั่นหารู้ไม่ว่าเขาเอาปากกาเช็ดด้วยเลือดของเกษตรกร </p><p></p><p>            พูดไม่ออก  เป็นคำพูดของผมเองครับ ซึ่งไม่ทราบว่าจะตอบคำถามของชุมชนอย่างไร ก็ตอบได้แต่เพียงว่าคนเราไม่เหมือนกัน คนที่มีความจริงใจกับชุมชนก็มี คนที่มาแบบที่เล่าให้ผมฟังก็มี แต่อย่างไรก็ตามในวันข้างหน้า หากมีคนที่จะมาทำวิจัยในพื้นที่ของท่านควรที่จะหาแนวทางออกดังนี้ครับ</p><p>1. เราต้องทราบถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของงานวิจัย หรืองานที่นักวิจัยจะมาทำการศึกษา</p><p>2.เราต้องทราบถึงกลุ่มเป้าหมาย (Target Group) ของการศึกษาที่ชัดเจน</p><p>3. เราต้องรู้ถึงประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากงานวิจัย กล่าวคือ เราได้อะไร นักวิจัยได้อะไร</p><p>4. มีผลกระทบอะไรบ้างที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งอาจจะต้องมองทั้งด้านที่เป็นบวก และด้านลบ </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt 36pt" class="MsoNormal">ซึ่งผมคิดว่าคงจะเป็นทางออกสำหรับกลุ่มของพี่น้องเกษตรกร ที่ต้องหาเช้ากินค่ำ และนักวิจัยที่ดีที่จะได้ช่วยกันแก้ไข และพัฒนาตนเอง ชุมชน และประเทศชาติต่อไป</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt 36pt" class="MsoNormal"></p><p></p><p>ขอบคุณครับ</p><p>อุทัย   อันพิมพ์</p><p>17 สิงหาคม 2549 </p>

หมายเลขบันทึก: 45095เขียนเมื่อ 17 สิงหาคม 2006 18:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:30 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

เป็นธรรมดาครับ นักวิชาการรู้ปัญหารู้วิธีแก้ไข รู้ว่าควรต้องทำอย่างไร

แต่ขั้นตอนในการแก้ปัญหาของชาวบ้านที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าใจครับ ว่าการแก้ปัญหาท้องถิ่น ขาดองค์ประกอบอะไรไป จึงทำให้ปัญหายังเหมือนเดิมไม่สามารถแก้ได้

ซึ่งเป็นลักษณะของนักวิชาการประเทศไทยครับ

บ้างอย่างคิดได้ พูดไม่ได้ ทำไม่ได้

บ้างอย่างคิดได้ พูดได้ ทำไม่ได้

บ้างอย่างคิดไม่ได้ พูดได้ ทำไม่ได้ ฯลฯ

คุณก็รู้ผมก็รู้ ก็ทำเท่าที่ทำได้ครับ คิดเท่าที่คิดได้ พูดเท่าที่พูดได้

นักวิชาการนักวิจัยไม่ได้มีอำนาจ บารมี ที่จะสามารถ ชี้นิ้วสั่งใครได้ครับ

แม้บ้านนี้เมืองนี้จะเป็นของคนไทยทั้งประเทศ ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน แต่ก็อย่างที่เห็นครับ ก็อย่างที่รู้ครับ

ประเทศไทย

ทุกสิ่งทุกอย่างจะไร้ปัญหาเมื่อผู้ปฏิบัติและเกี่ยวข้องไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน แต่เท่าที่เห็นมานั้นนักวิจัยจำนวนไม่น้อยที่เห็นเพียงประโยชน์ของตนเท่านั้นแหละ ทำอย่างไรตนจะมีผลงาน เพื่อความก้าวหน้าของตนเอง(มักเป็นเช่นนั้น) ขณะที่ชาวบ้านผู้ให้ข้อมูลหรือร่วมวิจัยนั้นจะไม่ค่อยได้อะไร(เขาไม่มีตำแหน่งจะได้)ขอตำแหน่งก็ไม่ได้ แต่นักวิจัยนั้นมักจะขอไ้ด้สุงขึ้นๆ จริงไหมครับ

อ่านบันทึกนี้แล้ว ขอยกตัวอย่างคำพูดที่คุยกันระหว่างเพื่อนบ้านที่เข้าร่วมกิจกรรมสุขภาพหนึ่ง

"ไม่ไปไหนเหรอ"

"ไม่ไป ช่วงนี้ว่างๆ ไม่มีใครมาจัดอะไร"

"ทำไมล่ะ"

"สงสัยว่า อาจารย์ที่ทำคงได้ตำแหน่งไปแล้วมากกว่าเลยไม่ต้องมาจัดมาเอาข้อมูลจากเราอีก"

"เงินวิจัยคงหมดแล้วมั้ง"

โจ๊กเล็กๆ ที่หัวเราะไม่ออกค่ะ

ขอบคุณมากครับ ทุกๆท่าน ที่ได้กรุณาแสดงความคิดเห็นเข้ามา ซึ่งครั้งแรกผมนึกว่าจะเจอแต่ผมคนเดียว เป็นสิ่งที่ดีครับ ที่เราจะได้ช่วยกันพัฒนาชาติบ้านเมืองให้ดีขึ้นต่อไปครับ

อุทัย

ธรรมดาม๊ากมาก ผมเจอมาตลอดทั้งระบบ โดยเฉพาะระบบราชการ ชุมชนก็ยังเลียนแบบไปใช้เลย มีแต่ พูด พูด พูด แล้วก็พูด ยิ่งองค์กรต่างประเทศยิ่งเป็น อย่าประหลาดใจเลยผมเห็นมาหมดแล้ว ผมจึงปฏิเสธที่จะทำงานในองค์กรเหล่านั้น แต่มาทำงานกับชาวบ้านที่ไม่ดีแต่พูด (อย่าคิดว่าจะหลบได้ ๑๐๐% นะ ผมเจอมามาก เหมือนกัน ผมเลยได้ข้อสรุปว่า องค์กรที่มีสมาชิกมากที่สุดในโลกคือ NATO (= No Action Talk Only) ไม่ใช่สนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรอกนะครับ ผมจะเป็นคนสุดท้ายที่จะสมัครเป็นสมาชิกองค์กรนี้ครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท