ชีวิตที่พอเพียง : 89. รับน้องใหม่ที่ศิริราช


        ปี ๒๕๐๕ ผมข้ามฟากมาเรียนแพทย์ที่ศิริราช     เราตื่นเต้นและผยองว่าเป็น นศพ. แล้วอยู่สัก ๒ - ๓ สัปดาห์ก็หัวหด     เพราะถึงวันอบรมน้องใหม่     เราโดนเอาตัวไปนั่งในห้องประชุมตึกศัลย์ชั้น ๒     รุ่นพี่บอกให้นั่งตัวตรงห้ามกระดุกกระดิก    ห้ามคุยห้ามหัวเราะและให้ตั้งใจฟังพี่อบรม    สงสัยได้แต่ห้ามถามห้ามเถียง     รุ่นพี่เขาจะสร้างบรรยากาศให้น่าตกใจ     มีการว้าก มีการชี้ตัวน้องใหม่ที่เคยเอากระดูกครูใหญ่มาฟันดาบกัน     มีการด่าน้องที่ซุ่มซ่ามเดินชนอาจารย์ ไม่รู้จักโค้งทำความเคารพอาจารย์    มีการอบรมในด้านดีก็มาก เช่นให้รู้จักประเพณีการแสดงความเคารพรุ่นพื่และอาจารย์     การแต่งตัว ผู้ชายต้องสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวพับแขน โดยพับโตประมาณพับละสองนิ้วขึ้นไปถึงเหนือศอก     ห้ามพับเล็กๆ กลมๆ แบบนักเลงโต  ฯลฯ

       พี่ๆ เขามีรายละเอียดมาอบรมพวกเราจนหมดเวลาไป ๗ - ๘ ชั่วโมงจึงเลิก     ทุกคนอดข้าวอดน้ำ    "พี่ๆ ยังทนได้ น้องใหม่อยากเป็นหมอต้องฝึกอดทน"    ผมมารู้ตอนผมเป็นซีเนียร์ว่าพวกพี่ๆ เขาผลัดกันไปกินข้าว ผลัดกันพักผ่อน     มีคนเดียวคือวันชัย (วัฒนศัพท์) ที่วิญญาณพี่เข้าสิงจนไม่กินข้าว     และว้ากน้องจนตนเองเป็นลม     วันชัยนี่รุ่นเดียวกับผม ตอนหลังเป็นอธิการบดี มข.     ตอนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการความขัดแย้ง

         หลังวันอบรมพวกเราเรียบร้อยขึ้นเป็นคนละคน     ผ่านไปเกือบเดือน รุ่นพี่ก็มาบอกว่ายอมรับเป็นน้องแล้ว     เพราะประพฤติตัวดี    จึงกำหนดวันรับน้องใหม่     ในวันนั้นพี่ๆ แจวเรือมารับเราที่ท่าพระจันทร์ฝั่งกรุงเทพ     ไปขึ้นที่ท่าน้ำศิริราช     ตอนนั้นเรือจ้างแบบเรือแจวข้ามฟากไม่มีแล้ว  มีแต่เรือยนต์สุภัทรา     แต่พื่ๆ ก็ไปหาเรือจ้างมาจนได้

         น้องใหม่ผู้ชายต้องสวมชุดขาว    ผู้หญิงก็สวมชุดที่เป็นเครื่องแบบที่เป็นพิธีการ แต่งอย่างไรผมลืมไปแล้ว     พอข้ามฟากมาก็ไปถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระราชบิดา      แล้วมาผ่านแถวพี่ๆ ที่มารับ     มีการถามชื่อให้กินโน่นให้กินนี่     บางคนเขาให้ร้องเพลง    บางคนเขาให้แสดงบทขอความรักจากเพื่อนผู้หญิง    มีพี่เอาเฝือกขามาให้น้องๆ กราบ ว่าเป็นเฝือกของในหลวง    มีการพาไปที่หอประชาธิปไตย     ให้ไปกราบตำรา ปด.    ซึ่งมาทราบภายหลังว่าย่อมาจาก ปลวกแดก     คือเอาตำราวางไว้ไม่ได้หยิบมาอ่านเลยจนปลวกขึ้น    พวกพี่เขาอำน้องๆ เล่นกันอย่างสนุกสนาน     การอำน้องเล่นนี้ทำกันมาจนเป็นประเพณี     พอตกค่ำก็มีเหล้าเอามาดวลกัน     พี่ๆ มีหน้าที่มอมเหล้าน้องใหม่ผู้ชายให้เมาพับไปทุกคน     พอเริ่มเมาพี่ๆ จะพาไปกราบอาจารย์หมอสุด (ศ. นพ. สุด แสงวิเชียร) ที่พวกเรารักเหมือนพ่อ  

          ผมโชคร้ายกว่าคนอื่นๆ     เพราะเมาจนจะยืนไม่อยู่แล้วแต่ยังดูหน้าใสเหมือนไม่เมา     จำได้ว่าอาจารย์หมอเกษม ลิ่มวงศ์เรียกไปดวล     อ้างว่าผมแกล้งเมา    ในที่สุดผมก็หมดสติ และพี่ซีเนียร์ที่มีหน้าที่ดูแลผมเอาไปนอนที่หอซีเนียร์ที่ห้องของพี่     ผมอาเจียนรดห้องพื่เต็มไปหมด    อาการผมไม่ดีจนพี่ต้องให้น้ำเกลือ     ระหว่างเมาผมเพ้อและร้องไห้ด้วย     หลังจากนั้นผมไม่กล้าดื่มจนเมาอีกเลย     เพราะทุเรศตัวเอง     นี่คือข้อดีของการรับน้องใหม่ที่ศิริราชสำหรับผม     คือช่วยให้รู้จักตัวเองว่าเวลาเมามีพฤติกรรมอย่างไร      มีรุ่นพี่ผมคนหนึ่ง มีพฤติกรรมเวลาเมาแปลกมาก    คือหยุดหายใจ     เพื่อนๆ ต้องช่วยกันใส่เครื่องช่วยหายใจ     ตอนจบเป็นแพทย์แล้วมีงานเลี้ยงฉลองและเลี้ยงเหล้า     แกดื่มอย่างระมัดระวังและพูดอยู่เรื่อยว่าดื่มมากไม่ได้     แต่พอถึงจุดหนึ่งเพื่อนห้ามก็ไม่ฟัง และดื่มจนหยุดหายใจอีก 

        พอขึ้นปี ๓ ผมจึงรู้ว่างานรับน้องใหม่มีมากกว่าที่ผมเห็นตอนเป็นน้องใหม่มาก     ตอนดึกมีการฉายหนังแปดมิลด้วย     ผมเห็นอะไรต่อมิอะไรเต็มจอเป็นครั้งแรก ตกใจมาก    ในสายตาคนทั่วไปนักศึกษาแพทย์เป็นคนเรียบร้อยน่านับถือ     แต่เมื่ออยู่ในกลุ่มก็มีการทำอะไรๆ แผลงๆ เยอะเหมือนกัน     แต่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น  

วิจารณ์ พานิช
๑๑ กค. ๔๙

หมายเลขบันทึก: 44884เขียนเมื่อ 16 สิงหาคม 2006 08:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มีนาคม 2012 00:13 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท