เมื่อวานนี้ (6 มิ.ย. 2554) ประมาณ 13.30 น. เราได้รับโทร.จากเบอร์ที่คุ้นเคยแต่เสียงปลายสายไม่ใช่เสียงที่คุ้นชิน พอเขาแจ้งข่าวการเสียชีวิตของท่านพ.ต.อ.โสภณ นามศิริ และวางสายไปเท่านั้นแล น้ำตาของเราก็เริ่มเอ่อล้นช้า ๆ แต่เรายังมีสติสวดมนต์ให้กับท่านอยู่สักพักจึงเมล์แจ้งข่าวต่อไป
ความคิดเมื่อเดือนที่แล้วของเราก็ผุดขึ้นมา ตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมท่านที่โรงพยาบาลแต่ก็ไม่ได้ไปและตั้งใจว่าหากคราวหน้ากลับกรุงเทพฯเมือ่ไรจะต้องไปเยี่ยมแน่นอน แต่นับจากนี้เราคงไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมท่านเสียแล้ว
สองปีกว่าที่ได้รู้จักท่านจากการไปประชุมอนุกรรมการติดตามการให้สถานะบุคคลแก่เด็ก ช่วงแรก ๆ เราก็ไปประชุมแทนอาจารย์พันธุ์ทิพย์ ต่อมาหลัง ๆ เราได้รับแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการได้มีโอกาสเข้าประชุม ลงพื้นที่ตามสถานที่ต่าง ๆ ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทั้งในห้องประชุม ในรถ (ระหว่างเดินทาง) ในล็อบบี้โรงแรม บนโต๊ะอาหาร
ต้องขอบอกเลยว่าโดยส่วนตัวเราไม่ชอบตำรวจเป็นอย่างมาก แต่กับท่านพ.ต.อ.โสภณแตกต่างกับตำรวจอื่น ๆ มาก ทั้งทัศนคติ ทั้งการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งความเป็นกันเอง ท่านไม่เคยเห็นว่าเราเป็นเด็กกว่า ท่านไม่เคยเห็นว่าเราน้อยประสบการณ์กว่า แต่ท่านรับฟังความเห็นที่ออกมาจากเราทั้งสิ้น หรือไม่หากท่านไม่เข้าใจประเด็นด้านสถานะประเด็นไหนท่านก็ไม่เคยเขินอายที่จะเอ่ยปากถามจากเราที่เป็นเด็กกว่า
ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจดี กะตือรือร้น และพร้อมจะรับสิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอด แม้ว่าประเด็นด้านสถานะบุคคลจะเป็นประเด็นใหม่สำหรับท่านแต่ท่านก็พร้อมจะเปิดใจ เปิดตา เพื่อเรียนรู้ไปพร้อมกับอนุกรรมการฯท่านอื่น ๆ ด้วย
“ถ้าผมไม่ได้รับหน้าที่ให้มาเป็นอนุกรรมการฯ ชุดนี้ ผมคงไม่ทราบถึงปัญหาเหล่านี้ซึ่งยุคปัจจุบันนี้ไม่น่าจะมีแล้วด้วยซ้ำไป” เราจำได้ถึงประโยคนี้ที่ท่านพูดกับเราเมื่อตอนประชุมอยู่ เราอยากจะบอกกับท่านเหลือเกินว่าหลายคนในชุมชนสองข้างทางรถไฟได้รับการเพิ่มชื่อแล้ว และถึงแม้ว่าปัญหานี้จะยังไม่หมดไปเสียทีเดียวแต่พวกเราทุกคนเชื่อว่าสักวันปัญหานั้นก็จะหมดไปเหมือนกับร่างกายของมนุษย์ทุกคนที่ต้องเป็นอันจากโลกนี้ไปไม่มีวันกลับ
เขียนเพื่อระลึกถึงท่านเสมอค่ะ
7 มิถุนายน 2554
01:00 น.
ขอให้ท่านจงไปสู้สุขคติภพเถิด
คุณลุงเสียแล้วหรอคะ