การศึกษาโดยทั่วไปที่ไม่คำนึงถึงสมองมากนัก
ก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้สาระภายนอก ได้เข้าไปสถิต
ในสมอง เพื่อที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามวัตถุประสงค์
อย่างที่เป็นไปก็คือ การนำเอา k ซึ่งเป็นข้อมูล นำไปใส่สมอง
ทำให้สมอง เกิดการเรียนรู้เปลี่ยนแปลงตามความหมายของการศึกษา
โดยทั่ว ๆ ไป คือ เปลี่ยนจากสมองว่างปล่าว ให้เป็น k ล้วน ๆ
ด้วยวิธีการคือ ไม่ว่าจะเป็นการบรรยาย จนถึง การจัดการเรียนรู้
รูปแบบใดก็ตาม จากนั้นก็จะมีการประเมินหรือการจัดการตาม
วิธีการเชิงระบบเพื่อตรวจสอบว่า k นั้นยังเรียงเป็นระเบียบอยู่
ในสมองหรือไม่ ด้วยการทำแบบทดสอบสารพัดแบบ
โดยไม่สนใจสมองว่ามีภาวะการจำการลืม การเดินตาม
สิ่งที่เรียกว่าหลักสูตรที่ต้องเดินไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว
เสร็จแล้วก็ำกลับมาทดสอบเรื่องที่จำไ้ด้บ้าง ลืมไปบ้าง
เรียกว่าสอบประจำภาค หรือสอบระดับชาติบ้าง
การศึกษาโดยทั่วไปก่อความเครียด เมื่อเกิดความเครียด
ก็เกิดอาการที่เส้นใยสมองถูกตัดขาด ในเมื่อเครื่องมือ
สำคัญถูกตัดขาด ก็มีผลต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
เป็นอย่างยิ่ง ทำให้เครื่องมือสำคัญที่จะกระตือรือล้นเกิดความ
ตั้งใจในการเก็บข้อมูล เชื่อมโยงข้อมูล เกิดอาการ shutdown
ยิ่งถ้าเกิดในเด็กเล็ก ๆ ก็จะส่งผลที่สมองเกิดการ anti ข้อมูล
หรือเข็ดหลาบต่อการเก็บข้อมูล สมองก็เกิดอาการเบลอ ๆ
และจะหยุดในการเรียนรู้ไปตลอดชีวิตในทีสุด
ส่วนการศึกษาตลอดชีวิต เป็นการศึกษาที่แคร์ต่อสมองผู้เรียน
เพราะว่า เป็นการริเริ่มของตนเอง ดังนั้นจึงจะเห็นว่าการแลกเปลี่ยน
เรียนรู้ เครื่องมือสำคัญของการศึกษาตลอดชีวิต ไม่เน้นกระบวนการ
ที่ก่อให้เกิดความเครียดสะสม เป็นการนำเอาความคิด มโนทัศน์
ข้อมูลต่าง ๆ มานำเสนอ และมีจิตวิทยาแห่งการเรียนรู้และยอมรับ
ร่วมกันว่า การคิดร่วมกัน การทำร่วมกัน และนำเสนอความคิดนั้น ๆ
ก่อให้เกิดความปลอดภัย ดูเผิน ๆ ว่าการเรียนรู้ชนิดนี้จะไม่มีประสิทธิภาพ
เพราะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย เกิดขึ้นแล้วหายไป จริง ๆ แล้ว
การใช้สมองทำงานอย่างปลอดโปร่ง แม้แค่การขยับความคิดเพียงนิดเดียว
หรือรู้จักใช้ความคิดที่เป็นศักยภาพภายในออกมา ทำให้เส้นใยสมองนั้น
ได้กลับเจริญเติบโต เชื่อมโยงกับสิ่งอื่น ก่อให้เกิดความภาคภูมิใจ
และทำให้เกิดแรงกระตุ้นในการเรียนรู้ต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อทุกสิ่ง
เริ่มต้นจากตรงนี้ แม้ว่ามโนทัศน์อะไรที่เรียนรู้ได้ยากมาก ๆ ก็จะเกิด
ความมานะพยายาม เพราะทุกสิ่งเกิดขึ้นจากภายใน แล้วจึงกระจาย
กลับสู่ภายนอก เกิดพลังการเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่องไปจนตลอดชีวิต
แม้ว่าจะมีการใช้ BBl (ฺฺBrain Based learning) ในการศึกษาแบบทั่วไป
แต่ก็ยังจำกัดในระดับอนุบาลที่เชื่อว่าเส้นใยสมองนั้นขยายได้รวดเร็วมาก
ซึ่ง การเรียนรู้กระบวนการทำงานของสมอง ควรจะขยายไปในทุกระดับ
จริง ๆ ควรขยายตัวในลักษณะแนวราบเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
เพราะสารัตถะของการศึกษาเพื่อเตรียมการใช้ชีวิต โดยไม่ใช่การเรียนรู้
เพื่อชีวิต นั้นสามารถทดลองและปรับขยายวิธีการนี้ อีกประการหนึ่งโรงเรียน
เอกชนดัง ๆ หลายแห่งได้ปรับเปลี่ยนและกลายเป็นธีมในการโฆษณา
จุดเด่นของโรงเรียนตนเองเกี่ยวกับสมองและการเรียนรู้เป็นหลักไปแล้ว
บทความนี้ไม่สำคัญว่าจะเขียนว่าอย่างไร สำคัญว่าคุณคิดว่าอะไรนั่นต่างหาก
จึงจะเกิดการเรียนรู้ไปตลอดชีวิต
G2K เป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตอีกแหล่งหนึ่งที่ไม่ก่อให้เกิดความเครียดกับสมอง
ส่งเสริมความแข็งแรงของเส้นใยสมอง
(ไม่ทำให้แก่เร็วด้วยค่ะ อาจารย์)
ยากจังค่ะ ท่าน ผอ.
อยากสอนให้เด็กพัฒนาสมอง ไม่เครียด
แต่ครูเริ่มเครียด...อิอิ
ขอบคุณมากนะคะที่ได้มีโอกาสอ่านข้อเขียนดีดีดมีประโยชน์ต่อชีวิต
อ่านแล้วรู้สึกผ่อนคลายคะ
BBL ต้องเปลี่ยนในระดับ วัฒนธรรม เลยครับ จาก วัฒนธรรมแนวตั้ง มาเป็นวัฒนธรรมแนวราบ
เอาใจช่วยให้ทั้งแนวตั้งและแนวราบประสบผลสำเร็จนะคะ
สมองก็เกิดอาการเบลอ ๆ
และจะหยุดในการเรียนรู้ไปตลอดชีวิตในทีสุด...
เป็นมุมมองที่น่าสนใจ เพราะเด็กตัวน้อย ๆ ทุกวันนี้ถูกยัดกระบวนการเรียนรู้เร็วเพื่อก้าวกระโดดเกินวัยมาก...
ขอบพระคุณคุณกระติก ครูป.1 คุณจิต ท่านรอง คุณกาญจนา ครูgui chutima และอาจารย์ umi ครับ
ทั้งหมดเป็นข้อคิดจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อลับสมอง
ครับท่านผอ. ฝึกคิดครับ ( สำคัญว่าคุณคิดว่าอะไรนั่นต่างหาก
จึงจะเกิดการเรียนรู้ไปตลอดชีวิต) เพื่อเรียนรู้
สวัสดีค่ะ
มาเรียนรู้เพื่อเตือนการคิดเป็นค่ะ ขอขอบพระคุณค่ะ
แล้วจะทำให้คนไทยเรียนรู้ตลอดชีวิตได้หรือเปล่านะ ในเมื่อเบื่อตั้งแต่เด็ก